Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1011 ผลสำรวจสถานการณ์ของเขี้ยวหมาป่า
ณค่ายซาง ภายในห้องประชุมแห่งใหม่ที่พึ่งตกแต่งเสร็จ เก้าอี้มากมายได้ถูกจับจองแล้วเรียบร้อย โดยมีผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิงและหวังเฉินนั่งอยู่ที่ตำแหน่งสำคัญ สายตาของทุกคนในห้องประชุมจับจ้องมายังทั้งสามคนเป็นตาเดียว
ท่ามกลางในคนพวกนั้นก็มีหลายคนที่เป็นคนดั้งเดิมของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง และก็มีหลายคนที่หวาดกลัวหวังเฉินจนต้องจำยอม
ที่มุมหนึ่งภายในห้องประชุมฟานและอี้นั่งอยู่เคียงข้างกันที่เก้าอี้ตำแหน่งของตัวเอง ทั้งคู่มีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
”ฟานทำไมช่วงนี้ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลย?” อี้ตัดสินใจพูดขึ้นก่อน “เราจะต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไอ้หวังเฉินนี่มันคุกคามอิทธิพลอำนาจของท่านผู้บัญชาการมู๋ในซางจิงอย่างจริงจัง….”
”รอไปก่อน”ฟานพูดแทรกอี้ที่กำลังพูดอยู่ขึ้นมาด้วยคำพูดสั้นๆ มีรอยยิ้มร้ายกาจที่ดูมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนหน้าฟาน “เขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในช่วงต่อสู้ การลงมือตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
ไม่นานก่อนหน้านี้เหอเฟิงได้มอบหมายภารกิจให้กับอี้และฟาน ซึ่งมันก็คือการลอบสังหารหวังเฉินโดยไม่ให้ใครเห็น
ในขณะเดียวกันคำสั่งลับนี้ก็ได้แผนการที่ได้รับถกเถียงระหว่างชูฮันและเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดมาอย่างดีแล้ว ในเมื่อพวกเขารู้แล้วว่าฟานเคยทำงานเป็นสายให้กับชูฮัน ตอนนี้พวกเขาต้องการจะทดสอบหาความจริงว่า
ข้อแรกเพื่อทดสอบว่าอี้และฟานรู้เห็นเป็นใจกันรึเปล่าและข้อสองเพื่อทดสอบว่าใครคือคนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังหวังเฉินกันแน่
สำหรับเรื่องที่ว่าหวังเฉินจะตายหรือไม่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
อี้มีสีหน้าแปลกๆหากเขาก็รีบปรับสีหน้าของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติปรายตามองฟานอย่างเย็นชาเหมือนเดิม “เธอเปลี่ยนไป”
อี้ไม่ใช่คนโง่เขาเป็นถึงกำลังหลักของทีมหลงยา นอกเหนือจากพลังต่อสู้ที่สูงเทียมฟ้าแล้ว ความคิดของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา
ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าขณะนี้เขี้ยวหมาป่ากำลังทำสงครามอยู่กับลูกผสมโดยมีราชาเขี้ยวหมาป่าอย่างชูฮันเป็นคนนำทัพ และมีเหอเฟิงซึ่งเป็นผู้เล่นที่ชูฮันพึ่งพามากที่สุดคอยหนุนหลัง แล้วแบบนี้มันจะไม่ชัดเจนได้ยังไง?
ทั้งๆที่เขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในสงครามแต่อี้และฟานก็ยังได้รับคำสั่งลับนี้มาอยู่ดีซึ่งนั้นก็หมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ และควรจะไปพิจารณาปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจมากกว่า
มากไปกว่านั้นทีมหลงยาของพวกเขาก็มักปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับจากผู้บัญชาเสมอ อีกทั้งพวกเขาไม่เคยทำพลาด
ดังนั้นการกระทำของฟานจึงยิ่งทำให้อี้เกิดข้อสงสัยเข้าไปใหญ่
เมื่อได้ยินคำกล่าวของอี้ฟานก็ตะลึงหากก็ไม่คิดพูดอะไรออกมาอีก เธอเพียงต้องการรอจังหวะในการฆ่าเพื่อผลประโยชน์ที่มากขึ้นของตัวเอง
ขณะที่ทั้งสองกระซิบคุยกันไปมากลุ่มคนตรงหน้าก็เริ่มเข้าสู่การสนทนาที่ร้อนระอุ ข่าวอันน่าตกใจถูกประกาศไปทั่ว
”ตั้งแต่ที่จีนเข้าสู่โลกาวินาศมาได้เป็นเวลาสองปีทั้งจีนก็อยู่กับการต่อสู้มาตลอด” ผู้บัญชาการมู๋พูดขึ้น “ตั้งแต่สงครามกลางภูเขา สงครามค่ายหนานตู้ แล้วก็มาค่ายจินหยาง พวกเราไม่สามารถทนกับพายุที่โหมกระหน่ำได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว”
”จากทั้งสามสงครามสองสงครามก็เกี่ยวข้องกับชูฮัน” ไม่มีใครรู้ว่าเลาหมิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมจู่ๆถึงพูดขึ้นมาโดยไม่อธิบายอะไรต่อแบบนี้?
ทุกคนประหลาดใจอย่างมากโดยเฉพาะคนที่สงสัยในตัวชูฮันเพราะพวกเขารู้สึกว่าทั้งสามสงครามนั้นเกี่ยวข้องกับชูฮัน
”สถานการณ์ในเมืองอันลูตอนนี้ก็เป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด”ผู้บัญชาการมู๋พูดต่อ “จนถึงตอนนี้มันน่าจะเป็นสงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุด จำนวนซอมบี้ที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าได้กำจัดไปแล้วเรียบร้อยนั้นมากถึง 300,000 ตัว ทว่ามันก็ยังมีซอมบี้เหลืออยู่อีกไม่น้อย”
หวังเฉินแสดงความไม่พอใจออกมา”ซางจิงได้ส่งความช่วยเหลือไปให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นจำนวนมากพอสมควรแล้ว และค่ายอื่นๆเองก็ให้ความช่วยเหลือทางนั้นเหมือนกัน จำนวนเฮลิคอปเตอร์ที่บินไปส่งความช่วยเหลือนั้นมากกว่าร้อยลำด้วยซ้ำ ท่านยังอยากจะให้เราคอยสนับสนุนและช่วยเหลือชูฮันต่อไปแบบนี้อย่างไม่มีเงื่อนไขอีกเหรอ นี้มันอะไรกัน?”
”ชูฮันเป็นเพียงแค่พลเอกจีนมีพลเอกตั้งสิบกว่าคน ทำไมต้องให้ความสำคัญกับชูฮันมากกว่าใคร” มีคนหนึ่งในห้องประชุมเอ่ยขึ้นมาอย่างสนับสนุนความเห็นของหวังเฉิน “ไหนจะความจริงที่เมืองอันลูเป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้น ทำไมเราจะต้องเสียทรัพยากรที่มีค่าไปมากมายเพื่อพื้นที่เล็กๆแค่นั้น?”
การปรากฏตัวของซอมบี้หลายแสนตัวแน่นอนว่ามันจะต้องสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับเมืองขนาดเล็ก อีกทั้งเมืองอันลูก็ถูกราชาลูกผสมหมายหัวเอาไว้ ลูกผสมมุ่งมั่นที่จะจ้องทำลายเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดให้สิ้นอีก
อย่างไรก็ตามทุกคนก็ต่างให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเองกันทั้งนั้น การที่พวกเขาต้องสูญเสียทรัพยากรเพื่อไปช่วยชูฮันก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าพวกเขาใจกว้างมากพอแล้ว
ผู้บัญชาการมู๋ส่ายหัวไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของกลุ่มคนบางกลุ่ม เขาเพียงแค่เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “จากข้อมูลล่าสุดที่มี ตอนนี้มีลูกผสมจำนวนประมาณหนึ่งพันห้าร้อยตัวปรากฏขึ้นที่เมืองอันลู”
”!!!”ทุกคนตะลึงค้างกันหมด
แม้แต่ฟานที่อยู่มุมห้องก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจเธอรีบผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับอี้ที่ตกใจเหมือนกัน หากทั้งคู่ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมามาก
ลูกผสมหนึ่งพันห้าร้อยตัว…นี้มันคือจำนวนของลูกผสมที่มากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา!
มีเพียงแค่หวังเฉินที่รู้ข้อมูลนี้มานานแล้วไม่ได้มีท่าทางประหลาดใจเขาเพียงกำมัดแน่นและหัวเราะเยาะในลำคอ “ในกรณีนั้น มันก็สมควรที่ซางจิงไม่จำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือไปให้ทางนั้นอีก เห็นได้ชัดว่าผลสุดท้ายเขี้ยวหมาป่าก็ต้องพังทลายไม่เหลือซาก…สิ้นเปลืองทรัพยากรเปล่าๆ”
การถูกลูกผสมหนึ่งพันห้าร้อยตัวโจมตีไหนจะเรื่องที่เมืองอันลูเป็นเมืองขนาดเล็กมีจำนวนประชากรน้อย ค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ไม่ได้มีกำแพงป้องกันแน่นหนาอย่างค่ายหนานตู้ ดังนั้นเกรงว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าคงจะต้านไม่ไหว
ทุกคนต่างตกอยู่ในความคิดตัวเองอยู่พักหนึ่งราวกับว่ามีเมฆดำมาลอยอยู่เหนือหัวใจ ในตอนแรกพวกเขาไม่คำนึงถึงทางรอดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเลย แต่แล้วพอไดยินเช่นนี้มันก็แปลว่าทั้งหมดจะต้องถูกลูกผสมฆ่าเรียบ
และอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนคิดเหมือนกันคือ…ทำไมจำนวนลูกผสมถึงได้มากขนาดนั้น?
ในอดีตลูกผสมมักจะโผล่มาที่จำนวนประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยตัว ซึ่งครั้งที่มีลูกผสมปรากฏมากที่สุดก็คือเมื่อครั้งสงครามกลางภูเขา ในตอนนั้นพวกเขาคิดว่านั้นคือครั้งที่ลูกผสมปรากฏตัวมากที่สุดแล้ว
ทว่าตอนนี้มีลูกผสมปรากฏตัวที่เมืองอันลูมากถึงหนึ่งพันห้าร้อยตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงวิกฤตอย่างรุนแรงกับสถานการณ์ครั้งรี้ มันจะต้องเกิดหายนะอย่างแน่นอน!
”หวังเฉินไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครแย่งพูดหรอก” เลาหมิงแขวะหวังเฉินด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตร “คนที่ทำหน้าไปสำรวจข้อมูลของเมืองอันลูน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับมา หวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น อีกไม่นานทุกคนก็จะรู้ถึงสถานการณ์ของเขี้ยวหมาป่าตลอดสองวังที่ผ่านมา จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ตาย ไม่ใช่มาคิดเออสรุปเอาเอง!”
”หึ!”หวังเฉินเองก็ไม่เกรงกลัวเลยสักนิดส่งสายตาดูหมิ่นให้เลาหมิงอย่างไม่คิดให้เกียรติ “ถ้างั้นฉันจะรออยู่ที่นี่ รอจนกว่าชูฮันจะตาย คงเป็นข่าวดี!”
ครั้งก่อนหน้านี้ที่ค่ายจินหยางล่มสลายหวังเฉินได้รีบมุ่งหน้าไปยังค่ายตั้งรบของเขี้ยวหมาป่าและเขาก็ถูกชูฮันและคนของชูฮันปฏิบัติอย่างหยาบคายใส่ มันคือตราบาปในประวัติของเขา หวังเฉินอยากจะฆ่าชูฮันให้ตายซะ
เมื่อได้เห็นผู้มีอำนาจระดับสูงของซางจิงกำลังเขม่นใส่กันคนที่เหลือเองก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไรนอกจากเงียบนิ่งอยู่ในที่ตัวเอง บางครั้งก็เหลือบสบตากันไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก
ทุกคนกลัวว่าหลังจากวันนี้มันอาจจะไม่มีเขี้ยวหมาป่าอยู่บนโลกนี้แล้ว รวมถึงชูฮันด้วย…
พวกเขายังจำได้ถึงวันวานที่ชายหนุ่มหัวดื้ออย่างชูฮันสร้างเรื่องปวดหัวมากมายให้กับซางจิงนับไม่ถ้วนหลายคนที่เคยเป็นศัตรูกับชูฮันเริ่มมีความสงสารเกิดขึ้นในใจ
นอกจากที่ชูฮันจะได้ตำแหน่งพลเอกเพราะพลังของตัวเองแล้วต้องบอกเลยว่าชูฮันนั้นทำตัวเหมือนผี ที่ยากจะมองได้เห็น อีกทั้งมีความเก่งกาจที่เหนือใครเทียม
น่าเสียดาย…
ขณะที่บรรยากาศหดหู่ก่อตัวอยู่ในห้องประชุมสักพักหนึ่งทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของนายทหารคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นคนที่ถูกส่งไปสำรวจสถานการณ์ของเมืองอันลู
ทันทีที่ได้เห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของนายทหารที่เข้ามาทุกคนก็นั่งเก้าอี้แทบไม่ติดด้วยความอยากรู้ แทบรอคำประกาศว่าเขี้ยวหมาป่าล่มสลายไปแล้วไม่ไหว
หวังเฉินลุกขึ้นยืนเชิดหน้าขึ้นมองเลาหมิงและผู้บัญชาการมู๋ด้วยสายตาดูหมิ่นพร้อมรอยยิ้มสะใจแสดงออกมาชัดเจนอย่างไม่คิดปิดบัง