Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 17 ถูกล้อม!
“อ๊ายยย…” ลูว่านกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“หุบปาก! อีเวร!” เหย่เทียนหลงช่างป่าเถื่อนนัก เขาจับหัวเธอกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง….ปัง!
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็หยุดลง
ปัง! เลือดสีแดงสดกระจายไปทั่วกำแพง
ลูว่านตายอย่างรวดเร็วเกินกว่าทุกคนจะทันได้ทำอะไร
“แม่ง! อีบ้า! ทำไมไม่บอกฉัน! อีเวร!” เหย่เทียนหลงยังคงไม่หยุดกระแทกหัวเธอเข้ากับผนัง ก่อให้เกิดเสียงดังกระทบไม่หยุด เลือดอุ่นๆหยดลงมารวมตัวกันจนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆอยู่บนพื้น
ใบหน้าที่สวยงามได้หายไป เหลือแต่เพียงร่างที่ขาดวิ่น เธอดูย่ำแย่ยิ่งกว่าซอมบี้เสียอีก เหย่เทียนหลงหยุดระบายความโกรธของเขาเมื่อหัวของลูว่านไม่ลงเหลือความเป็นมุนษย์อีก เขาพยายามระงับความโกรธของเขามานานแล้วและลูว่านบังเอิญมาอยู่ในช่วงเวลานี้พอดี เธอจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา ดูเหมือนเขาจะยังคงโมโหอยู่ เขาลากร่างของลูว่านออกไป…โยนลงบันได
ปัง ปัง ปัง…
ร่างของเธอถูกโยนลงไปอย่างแรงจนกลิ้งตกลงบันไดพร้อมกับเสียงกระทบดังอย่างหนัก เลือดสดๆกระจายไปทั่วทุกที่
นี่เป็นเพียง4วันหลังจากโลกาวินาศเท่านั้น หากความป่าเถื่อนของธรรมชาติของมนุษย์กลับแสดงออกมาแล้ว!
เฉินช่าวเย่มองไปที่ภาพนั้นด้วยความหวาดกลัวจนหน้าซีด เขาจึงก้มหน้าลงนิ่ง เขาเพียงแค่หลับไปเท่านั้น ทำไมคนที่นี้ถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?
แม่และลูกสาวมีปืนอยู่ในมือ พวกเขาดูเหมือนจะดุร้ายอยู่ทีเดียว
ส่วนคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นคนดีอย่างเหย่เทียนหลงกลับกลายเป็นคนโหมเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง
เขาฆ่าแม้กระทั่งผู้หญิง!
และเหตุผลก็ช่างไร้สาระสิ้นดี!
เธอเป็นคนนะ ไม่ใช่ซอมบี้!
ตอนนี้เราอยู่ในโลกแบบไหนกันแน่? เขาต้องตาบอดแน่ๆที่เคยเชื่อใจผู้ชายคนนี้!
ปัง! เพล๊ง…
ทันใดนั้น เสียงอันบีบหัวใจของทุกคนก็ดังขึ้นมาจากบันไดข้างล่าง
ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณหรือลางของความสิ้นหวังของมนุษยชาติ พวกเขารู้สึกกลัวความตาย
“บ้าเอ๊ย! พวกมันพังหน้าต่างเข้ามาแล้ว!” ชูฮันเดินมาตรงบันไดพร้อมขวานที่ยังจับไว้แน่นในมือ ขณะเดียวกัน เขาก็พูดกับทุกคน”เจ้าอ้วนเฉินมายืนทางข้างซ้ายของฉันคอยจัดการกับอะไรก็ตามที่ฉันพลาดไป ส่วนซางจิ่วตี้ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อคอยยิง คนอื่นๆไปหยิบอะไรก็ได้มาเป็นอาวุธซะ!”
ชูฮันแบ่งหน้าที่เป็นครั้งแรก ถึงแม้เฉินช่าวเย่จะเป็นคนขี้ขลาด หากเขากลัวชูฮันมากกว่าซอมบี้เสียอีก เพราะชายผู้นี้ดูนิ่งสงบและมีเหตุผลในการจัดการเรื่องอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าชูฮันเป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า
สำหรับซางจิ่วตี้ เธอยืนนิ่งตั่งมั่น บรรจุปืนเรียบร้อย การเคลื่อนไหวที่หลากหลายทำให้เสื้อผ้าของเธอสะบัดไปมา เส้นผมสีดำร่วงลงจากหน้าผากไปตรงแก้ม คนอื่นๆไม่ได้ทำอะไรนอกจากเงยหน้าขึ้นไปมองคอหงส์ขาวเนียนที่มีเสน่ห์ของเธอ
เหย่เทียนหลงเลียริมฝีปากพลางจ้องไปที่ซางจิ่วตี้ จากนั้นก็มองไปที่ด้านหลังของชูฮัน มันกล้าดียังไงมาขโมยหน้าที่เขา? เขาควรเป็นที่มอบหมายงานให้ทุกคนในฐานะผู้นำสิ!
คนอื่นๆทำเพียงหลบหนีและวิ่งออกไป พวกเขาเริ่มแตกตื่นและวิตก บางคนวิ่งกลับไปที่ห้องและล็อคประตู จางจือหวีและกู๋เสี่ยวตงมองหน้ากันและเลือกที่จะยืนอยู่ช้างหลังชูฮันทั้งคู่ พวกเขากลัวซอมบี้ หากพวกเขาก็หวาดกลัวเหย่เทียนหลงเช่นกัน มีเพียงชูฮันคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาให้พ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้
“แล้วฉันล่ะ? ให้ฉันทำอะไร?” สิบแปดถามทันที
เหล่าซอมบี้ข้างล่างเจอบันไดแล้ว
“เธอ?” ชูฮันมองมาที่สิบแปด มันมีความเปลางประกายและความคาดหวังในแววตาของเธอ เขาพยักหน้าไปทางเหย่เทียนหลงและพรรคพวก
“เธอคอยจับตาดูคนพวกนี้เอาไว้ ถ้ามีใครคิดจะแอบลอบทำร้ายเรา ฆ่ามันซะ!”
“ได้!” ทันใดนั้น สิบแปดก็กลายเป็นคนกระตือร้นขึ้นมาทันที ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
ถึงแม้ชูฮันจะเพียงให้เธอทำอะไรง่ายๆ เธอก็ยังมีความสุขอยู่ดี เธอบรรจุปืนพร้อมดึงสลัก เล็งไปที่เหย่เทียนหลง เธอได้รับบทเรียนจากก่อนหน้านี้มาแล้ว คราวนี้เธอจะไม่เล็งไปที่หัวหากเล็งไปที่หน้าอกแทน หน้าอกมีพื้นที่กว้างกว่าทำให้เล็งเป้าได้ง่ายกว่า
เหย่เทียนหลงและพรรคพวกของเขาเดินถอยหลังออกไป เวรเอ๊ย! เด็กผู้หญิงคนนี้มันร้ายชะมัด!
“ยกอาวุธขึ้นมา” สิบแปดตะโกน เธอช่างเย่อหยิ่งเพราะมีปืนอยู่ในมือและมันเล็งเป้าไปที่เหย่เทียนหลง หากมันกลับมีความนุ่มนวลอยู่ในน้ำเสียง “แก..แล้วก็แกไปยืนอยู่ทั้งสองฝั่งนั่น แกจะถูกเล็งเป้าถ้ายังขี้เกียจ!”
ขั้นบันไดมันกว้างมาก เพียงแค่ชูฮันและอีกสองคนไม่น่าจะป้องกันกันได้ สิบแปดไม่มีเมตตาต่อเหย่เทียนหลงและพรรคพวก เธอสั่งให้พวกเขาไปยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของบันได
ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เชื่อฟังเธอ ทุกคนทำเพียงตามที่เธอสั่ง ชูฮันคือคนที่ยืนอยู่ตรงกลางและเขาจะเป็นคนแรกแน่ๆที่โดนซอมบี้กัด
ฮึ! เหย่เทียนหลงยิ้มเยาะ พวกมันช่างโง่เขลาหนัก ถ้าเป็นเขาๆจะโยนไอ้พวกที่หนีไปเข้าไปในฝูงซอมบี้ เพื่อเป็นโล่มนุษย์ให้เขามีเวลาได้หนีออกไป
เสียงคำราม…!
เสียงคำรามดังต่อเนื่องเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซอมบี้ตัวแรกเจอบันไดตามมาด้วยตัวที่สองและสามเรื่อยๆ
ซอมบี้ในตอนนี้ต่างจากซอมบี้ในตอนแรกหลังจากการปะทุของโลกาวินาศ เนื้อตัวพวกมันเน่าเปื่อยยิ่งกว่าเดิม กลิ่นเหม็นของพวกมันจะโชยมาแต่ไกล ชิ้นเนื้อสีดำที่หลุดหลุ่ย ด้วยท่าทางเดินโขยกเขยกไปมาของมัน บางตัวก็ล้มลงไปกองกับพื้นราวของเสีย
ไม่มีใครรู้เหตุผลของความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วโลกหรือทำไมมนุษย์ถึงกลายร่างเป็นซอมบี้
อย่างไรก็ตาม ซอมบี้แตกต่างจากสัตว์และมนุษย์ ขณะที่ติดเชื้อ ร่างกายของพวกมันจะเปลี่ยนไป กระดูกจะอ่อนนิ่มลง กล้ามเนื้อและอวัยวะจะเน่าเปื่อย แสดงให้เห็นว่าพวกมันอ่อนแอกว่ามนุษย์ในทุกๆด้าน แต่สิ่งนี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
ร่างกายพวกมันจะเผาผลาญมากกว่าเสื่อมโทรมลง ซอมบี้ระยะแรกจะเผาผลาญอะไรก็ตามที่เป็นของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆปรากฏขึ้นมาให้เห็น
พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นและพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากแต่มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่มีทางเปลี่ยน…
เลือดสดๆจะยั่วยวนพวกมันได้ดีที่สุดเสมอ
พวกมันพบศพของลูว่านตรงข้างล่างของบันได ซอมบี้หลายตัวพุ่งเข้าหาศพทันที พวกมันกัดกินเนื้อสดทันทีอย่างกระหาย เล็บและฟันของพวกมันแหลมคมมากจนสามารถฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่ปิดร่างกายของลูว่านอยู่ออกได้
ซอมบี้ตัวหนึ่งกัดไปที่ร่างของลูว่าน ฉีกเนื้อขึ้นมาอย่างดุร้ายและกลืนลงปากไป เลือดสดๆยังคงกระตุ้นประสาทของพวกซอมบี้ พวกมันกัดกินเนื้อด้วยความไม่แยแส ดึงลำไส้ออกจากร่างกายและสูดเข้าปากราวกับกำลังกินก๋วยเตี๋ยว
ซอมบี้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆรวมตัวกันล้อมรอบร่างของลูว่าน พวกมันกัดกินทุกส่วนของร่าง ไม่เหลือแม้แต่ที่เดียว
ภาพข้างหน้าช่างดูน่ากลัวและสยดสยองยิ่งนัก ชูฮันเองก็รู้สึกกลัวถึงแม้เขาจะประสบเจอกับสิ่งต่างๆมานับไม่ถ้วนก็ตาม
สำหรับเหย่เทียนหลงและคนอื่นๆ ถึงแม้บางครั้งพวกเขาจะฆ่าพวกกบฏและโยนไปให้ซอมบี้กิน หากพวกเขาก็ไม่เคยยืนดูซอมบี้รุมกัดกินร่างในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อน
เฉินช่าวเย่หยิบขวานขึ้นมา ร่างกายที่อ้วนด้วยไขมันสั่นเทาไปด้วยความกลัว
มือที่จับปืนของซางจิ่วตี้และสิบแปดสั่นจนแทบจับปืนไม่อยู่ พวกเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์กลัวที่อยู่ข้างในได้ ไม่ว่าพวกจะทำเป็นแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม
ชูฮันจับขวานไว้ในมือแน่น เพราะขนาดฝูงของซอมบี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว…