Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 26 กลายเป็นคนบ้า
“เมืองตง?” ชูฮันกระพริบตาถาม
เขาพยายามระงับอารมณ์สับสนที่เกิดขึ้นพลางมองไปที่ซางจิ่วตี้อย่างสงบ “ได้ ฉันจะไปเมืองตงด้วย”
ท่าทางของซางจิ่วตี้ไม่สามารถอ่านออกได้ เธอดูเหมือนจะตกใจเมื่อได้ยินชูฮันพูดเช่นนั้น
ตาของสิบแปดเปล่งประกายไปด้วยความดีใจ ความภักดี 60%ของเธอทำให้เธอรู้สึกเชื่อในตัวชูฮันแทบหมดใจ “มันเป็นทางผ่าน อันลูอยู่ไกลเกินไป อีกอย่างเส้นทางที่จะไปอันลูก็ต้องผ่านเมืองตงอยู่ดี
เราสามารถแวะเติมเสบียงที่เมืองตงได้ด้วย”
สิบแปดขมวดคิ้วพลางมองไปที่ซางจิ่วตี้ “เลขเก้า ทำไมเราไปขอติดรถไปกับพี่ชูล่ะ? มันน่าจะดีกว่าที่มีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกัน ถึงยังไงโอกาสที่เราจะไปถึงเมืองตงได้เองก็ต่ำมากอยู่ดี”
ซางจิ่วตี้เลิกคิ้วด้วยเพราะไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่สิบแปดพูดได้ ผู้หญิงสองคนเดินทางไปไหนกันเองก็อันตรายมากอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกาวินาศ ที่ซึ่งผู้คนไม่ได้ทำตัวตามกฏหมายอีกต่อไป
มันเป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถของพวกเธอทั้งคู่ที่จะไปถึงเมืองตงได้เองโดยไม่มีเพื่อนร่วมทางไปด้วย อย่างไรก็ตาม ซางจิ่วตี้รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวชูฮัน เธอจึงอยากที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเขาเอาไว้
คนปกติจะกระโดดจากที่สูงขนาดนั้นโดยไม่ได้รับบาดแผลเลยได้ยังไง? แล้วคนปกติทั่วไปจะมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวซอมบี้ขนาดนี้ได้ยังไง? คนธรรมจะยิงปืนใส่มนุษย์ด้วยกันโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยได้เหรอ?
เขาเป็นใครกันแน่?
ซางจิ่วตี้มองไปที่ชูฮัน ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นผิดเป็นภัยของเขา
“ตกลง ไปกัน” เธอกล่าว
“เยี่ยม” ริมฝีปากชูฮันยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ
“แล้วพวกเราล่ะ” เหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่รอบๆเรียกร้องขึ้น
พวกเขาดูเหมือนจะเชื่อว่าชูฮันคือพระผู้มาโปรดของพวกเขา
“ฉันจะไปเมืองยิน…นายจะปกป้องฉันมั้ย?”
“ฉันไม่อยากไปเมืองยิน..พี่ชูจะไปส่งฉันที่เมืองเฉินมั้ย?”
“พี่ชู ฉันไม่รู้จะไปที่ไหนดี…”
“หุบปาก” ชูฮันขัดการพล่ามของทุกคนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดพลางพูดขึ้นด้วยสายตาไร้ซึ่งความเห็นใจใดๆ “ฉันไม่ใช่ตำรวจหรือคนที่รัฐบาลส่งมาเพื่อช่วยเหลือพวกคุณ ฉันเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกคุณ และฉันไม่ได้มีหน้าที่อะไรต่อพวกคุณ พวกคุณไม่ควรมาหวังพึ่งฉันให้เดินทางไปด้วย ฉันไม่ใช่เพื่อนของพวกคุณ”
เขาได้เห็นธรรมชาติของมนุษย์มามาก เขาคุ้นเคยดีกับการแสดงออกของผู้คนยามที่เขาฆ่าซอมบี้เสร็จและเมื่อตอนที่เขากลับเข้ามาในปั๊มน้ำมันอีกครั้ง คนพวกนี้ชางเนรคุณ น่ารังเกียจ และชอบแทงข้างหลัง เป็นพวกถูกเป่าหูง่ายๆ
คำพูดที่ไร้หัวใจและเย็นชาของชูฮันทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวัง คนส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนทัศนคติทันที พลางเริ่มที่จะตะโกนใส่ชูฮันแทน
“พาผมไปด้วย”
ทันทีที่ชูฮันพูดจบ เจียชุนเจี๋ยก็เปิดปากขึ้นพูดอย่างลังเล เขาไม่ได้สนใจสายตาที่หมดความอดทนของชูฮันที่มองมา หากตอบกลับไปอย่างรวดเร็วแทน “ฉันเป็นพ่อครัวมืออาชีพ ฉันช่วยเหลือพวกคุณได้นะและฉันไม่กลัวซอมบี้ด้วย”
เจียชุนเจี๋ยพยามแสดงความสำคัญของตัวเองออกมา
ชูฮันพิจารณาเขาอย่างเงียบๆ
“ผมมีรถของผมเอง ผมจะไม่รบกวนคุณเลย ขอแค่เพียงแค่ตามคุณไปเฉยๆ! แล้วผมจะคอยทำอาหารแจกให้กินระหว่างทางด้วย มันมีอาหารอยู่ในโกดัง ผมแบ่งให้คุณได้ครึ่งหนึ่ง!” เจียชุนเจี๋ยพูดด้วยท่าทางสิ้นหวัง เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เดินทางไปกับชูฮัน!
“ฉันด้วย ฉันด้วย! นายคงไม่อยากไปโดยไม่มีฉันใช่มั้ย” จางจือหวีรีบพูดขึ้นทันที
“ฉันด้วย!” กู๋เสี่ยวตงช้ากว่าทุกคนด้วยเพราะเธอยังคงหวาดกลัวกับเรื่องครั้งที่แล้วอยู่ ตัวเธอสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างแรง
“เธอ2คนด้วยเหรอ?” ชูฮันจ้องไปที่ทั้งสองคนนี้อย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“ถ้าฉันพาพวกเธอไป พวกเธอก็จะหนีไปอีกเวลาเจอซอมบี้! ฉันจะได้ประโยชน์อะไรจากการให้พวกเธอเดินทางไปด้วยกัน? ฉันไมได้ใจดีขนาดนั้น!”
การปฏิเสธอย่างตรงๆของชูฮันทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย หากพวกเขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ชูฮันพูดเป็นความจริง พวกเขาทำได้เพียงด่าตอบโต้อยู่ในใจ! ไม่ใช่ว่าชูฮันใจแคบหรอกเหรอที่หนีไปก่อนโดยไม่รอพวกเขา? อีกอย่าง เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้นี่
ชูฮันเมินต่อการแสดงออกในแววตาของผู้คนที่มองมาหากเลือกที่จะเดินขึ้นไปที่ชั้นสองแทนเพื่อไปเอาขวานของเขา
บรรยากาศบนชั้นสองไม่ได้แตกต่างจากชั้นล่างมากเท่าไหร่นัก มันมีรอยเปื้อนของเลือดสีดำอยู่นับไม่ถ้วน ป้อมปราการที่เกือบจะพังทลายลงจากแรงกระแทกอันดุดันของกองทัพซอมบี้ กระดูกแขนขาหักและเนื้อเน่าเปื่อนกระจัดกระจายไปทั่ว ข้างใต้นั่นมีพรมเนื้อและเลือดแห้งกรังอยู่ทำให้ไม่สามารถเหยียบลงเดินบนพื้นได้ ศพของซอมบี้นับไม่ถ้วนกองทับกันอยู่ตรงบันได ไม่ใช่ซอมบี้ทุกตัวจะตายหมด มันมีหัวของซอมบี้บางตัวที่ยังขยับได้อยู่ หัวที่มีชีวิตอยู่กัดฟันเมื่อมันได้กลิ่นของมนุษย์ มันเลียลิ้น กัดเหงือกของมันด้วยความสิ้นหวัง
ชูฮันจึงฆ่าชีวิตที่น่าสงสารนี้ด้วยขวาน
เพราะซอมบี้ไม่สามารถกลับร่างมาเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว…
“อ๊าก—”
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก!”
ทันใดนั้น เสียงที่แสดงออกถึงความตกใจดังขึ้นติดกันสามครั้งจากชั้นล่าง ตามด้วยเสียงกรีดร้องวุ่นวาย ชูฮันวิ่งลงไปชั้นล่างทันทีพร้อมกับจับขวานในมือแน่น
ที่โถงของชั้นล่าง…
ผู้รอดชีวิตหลายคนยืนตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่ในมุม
เฉินช่าวเย่ ซางจิ่วตี้ สิบแปดและคนอื่นอีก3คนยืนอยู่ด้วยกัน ใบหน้าของเฉินช่าวเย่ดูสับสน ราวกับกำลังหวาดกลัว ขณะที่ผู้หญิงอีกสองคนถือปืนไรเฟิลไว้ในมืออย่างสงบ
‘เกิดอะไรขึ้น’ ขณะทีชูฮันกำลังจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกมา ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาทันที
*ว๊ากกกก!*
เสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ของซอมบี้ดังขึ้น
ชูฮันชำเลืองมองเงาคุ้นเคยที่กำลังเดินมาอย่างตะกุกตะกักทางด้านหลัง ผิวของมันซีดด้วยสีเขียวจางๆอยู่ใต้ผิว ลูกตาสีดำที่ควรจะมีหายไปและแทนที่ด้วยสีขาวแทน
“จางจือหวี?” กู๋เสี่ยวตงถามอุทานขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เธอกรีดร้องพลางถอยหลังหนีด้วยความตระหนก หากเธอกลับสะดุดแขนของซอมบี้ที่กองอยู่ที่พื้นจนล้มลงไป
จางจือหวีที่ได้กลายร่างเป็นซอมบี้ไปแล้วถูกดึงดูดด้วยเสียงกรีดร้องของกู๋เสี่ยวตง มันวิ่งพุ่งไปทางเธออย่างบ้าคลั่งด้วยความตั้งใจที่จะจับกู๋เสี่ยวตงทุ่มลงกับพื้น
*ปัง!*
ชูฮันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เตะไปที่จางจือหวีที่กำลังจะกระโจนเข้าใส่กู๋เสี่ยวตง!
ในเวลาเดียวกันนั้น ซางจิ่วตี้ก็ยิงปืนไรเฟิลใส่ที่สมองของจางจือหวี หนองสีดำและลิ่มเลือดผสมกันกระจายออกมาจากศพเปรอะใส่กู๋เสี่ยวตง
ซางจิ่วตี้ไม่มีความลังเลใดๆเนื่องจากมันเป็นซอมบี้…ไม่ใช่คน
ชูฮันมองยังไปเหล่าผู้รอดชีวิตที่เหลือพลางถาม “พวกนายคนไหนเคยถูกกัดหรือข่วนจากซอมบี้มั้ย?”
เชื้อไวรัสของซอมบี้นั่นติดเชื้ออย่างรุนแรง มนุษย์คนไหนก็ตามที่ยังไม่ได้มีวิวัฒนาการ จะไม่มีโอกาศที่จะรอดได้เลย
“อ๊ายยย!” กู๋เสี่ยวตงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ขัดคำถามของชูฮัน
เธอยังคงหวาดกลัวและกรีดร้องไม่หยุดราวกับคนบ้าจนทรุดตัวไปกองอยู่กับพื้นพลางร้องไห้ด้วยอารมณ์ปรวนแปร พยายามที่จะถูหน้าไปกับพื้นเพื่อเอาเลือดและหนองของซอมบี้ที่ติดอยู่บนหน้าออกไป
“หยุดเดี่ยวนี้!” ชูฮันตกใจพลางตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากมันก็สายเกินไป ผิวหนังของกู๋เสี่ยวตงถลอกด้วยเพราะแรงขัดถูที่รุนแรงเกินไป จนเกิดแผลและเลือดไหลออกมาตามผิว เลือดที่ปนเปื้อนจากเชื้อไวรัสของซอมบี้ที่ติดอยู่บนตัวเธอไหลเข้าสู่เส้นเลือดทันที
เธอไม่สนใจฟังชูฮัน หากยังคงถูใบหน้าของเธอกับพื้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“มันน่าขยะแขยง! น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจ! แกไม่ตายดีแน่จางจือหวี! ไปให้พ้น! ออกไป! กรี๊ดดดดดดดดดด!!!”