Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 28 การกระจายเสียงออกอากาศ
“แค่ก แค่ก แค่ก!” เฉินช่าวเย่สำลักน้ำลายของตัวเองขณะที่หน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธ ท่าทางของเขาดูอับอายราวกับคนที่ถูกจับได้ขณะอึอยู่ “เธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุ12ขวบเองนะ ช่วยหยุดพูดอะไรที่ดูไร้ยางอายสักทีได้มั้ย?”
ร่องรอยของการดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสิบแปด เธอจ้องไปที่เฉินช่าวเย่ “ไร้ยางอาย? แบบไหนที่มันไร้ยางอาย? ฉันก็พูดเรื่องธรรมดาทั่วไป? แกต่างหากที่มีความคิดสกปรก! ดูสิ แม้แต่พี่ชูยังเงียบอยู่เลย แม่ง!”
เฉินช่าวเย่พยายามระงับความเจ็บใจไว้ข้างใน ด้วยเพราะเขารู้สึกหมดคำพูดกับการเล่นตลกของสิบแปด หัวหน้าเป็นเจ้านาย ไม่สามารถไปเปรียบเทียบได้อยู่แล้ว ชูฮันยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรขณะหมุนปรับช่องวิทยุไปมา
เจียชุนเจี๋ยเริ่มเตรียมตัวทำอาหารเย็น การทำอาหารของพ่อครัวมืออาชีพนั้นแตกต่างออกไป เขาสามารถใช้งานของวัตถุดิบต่างๆได้เป็นอย่างดี ในตอนนั่นเอง รถของซางจิ่วตี้ได้จอดนิ่งลง นอกเหนือจากชูฮัน ผู้ชายอีก2คนตะลึงงันทันทียามที่เธอเปิดประตูรถออกมา
ขาเรียวยาวของเธอที่อยู่ในกางเกงหนังสีดำตัวแน่น รองเท้าส้นสูงสีดำ พร้อมกับมือขาวราวกับหยกก็ปรากฏขึ้น ด้วยแรงผลักประตูเล็กๆ ร่างกายช่วงบนที่ดูร้อนแรงซึ่งห่อหุ้มไว้ด้วยเสื้อผ้าตัวแน่นก็ปรากฏเข้าสู่สายตาที่มองมา ลำคออันสง่างามราวกับหงส์ถูกคลุมไว้ด้วยกลุ่มผมดำยาวนุ่มสลวยดุจผ้าไหม
ตอนนี้ซางจิ่วตี้ได้เอาของปลอมตัวต่างๆออกไปหมดแล้ว การปรากฏกายในปัจจุบันของเธอได้สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็นแก่ผู้ที่พบเห็น เธอมีใบหน้าที่ผู้ชายทุกคนไม่สามารถละสายตาหนีได้
คิ้วของซางจิ่วตี้เลิกขึ้นเล็กน้อยทำให้เสน่ห์ที่มีอยู่แล้วของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก เธอบิดริมฝีปากเล็กน้อย ทำให้หัวใจของชายสองคนที่มองมาเต้นรัวเร็วทันที
ใบหน้างดงามอันไร้ที่ติของเธอทำให้มันยากที่ผู้คนจะละสายตาไปได้ มันมีกลิ่นอายทรงพลังอยู่รอบตัวเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป
ไม่มีความอ่อนแอ หรือความเปราะบางบนร่างกายของเธอ ยกเว้นเพียงแต่แววของผู้หญิงเจ้ากี้เจ้าการ…
“นายได้ยินอะไรไหม?” ซางจิ่วตี้เดินผ่านไปคุยกับชูฮันทันทีที่เธอลงมาจากรถ
ถึงแม้ว่าเจียชุนเจี๋ยจะใช้ความพยายามอย่างมากในการละสายกลับมาเพื่อเริ่มทำอาหาร หากเขาก็ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้แอบมองรูปร่างของซางจิ่วตี้ได้ เสื้อรัดรูปที่เธอใส่มันเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอันเซ็กซี่และสมบูรณ์แบบของเธอ เธอดูมีเสน่ห์เกินไป!
“ฉันยังพยายามเปลี่ยนช่องอยู่” ชูฮันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เขาตอบคำถามของซางจิ่วตี้อย่างไม่ได้สนใจ และหันไปเปลี่ยนช่องวิทยุอีกครั้ง
ตามที่เขาจำได้ การกระจายเสียงน่าจะเริ่มในช่วงเวลาประมาณนี้
*ซึซ ซึซ ซึซ!*
ไม่ว่าชูฮันจะเปลี่ยนไปช่องไหน ก็ได้ยินแต่เพียงเสียงไฟฟ้าสถิตย์
เฉินช่าวเย่ใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อตรวจตรารอบๆบริเวณ ถึงแม้พื้นที่บริเวณนี้จะกว้างใหญ่ หากก็ไม่มีใครมั่นใจในความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ต้องมีคนเป็นยามคอยเฝ้าตลอดเวลา นี่เป็นคำสั่งเจาะจงมาจากชูฮัน
“ไหนขอฉันลองสิ” สิบแปดเดินไปยืนอยู่ข้างๆชูฮัน ความสงสัยปรากฏขึ้นใบหน้าของเธอ
ชูฮันส่ายหน้าเมื่อเขาล้มเหลวอีกครั้ง เขาจึงยื่นวิทยุไปให้สิบแปดพลางพูด
“ระวังด้วย” ชูฮันเตือน
ทันทีที่สิบแปดได้วิทยุมา เธอรื้อมันออกทันทีท่ามกลางดวงตาเบิ่งกว้างตะลึงงันของทุกคน ความเร็วของเธอนั้นรวดเร็วมากจนชูฮันได้แต่มองอย่างทำอะไรไม่ได้
“เวร!” ชูฮันสบถด้วยความโกรธ สิบแปดต้องเป็นแกะดำแน่ๆ!
“ตกลงว่า…ชูฮันเป็นชื่อจริงของนายเหรอ?” ซางจิ่วตี้ยืนพิงกรอบประตู ตาของเธอเปล่งประกายด้วยความซุกซน เธอสงสัยเกี่ยวกับชาติกำเนิดของชูฮัน
หากชูฮันกลับเหลือบมองเธอเงียบๆ “แตกต่างจากบางคน ชื่อและภาพลักษณ์ของฉันนั้นเป็นของจริง” เขาโต้กลับ
“ฉันกลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นถ้าฉันไม่ปลอมตัวต่างหาก!” ใบหน้าของซางจิ่วตี้มืดครึ้มลงเมื่อเธอเห็นท่าทางที่ดูไม่แยแสของชูฮัน ผู้ชายคนนี้ช่างน่าสนใจจริง เธอมีรูปร่างที่น่าตะลึงขนาดนี้ หากชูฮันกลับไม่มีความรู้สึกใดๆแสดงออกมาเลย
ชูฮันยิ้มอย่างชั่วร้าย “เธอคิดมากเกินไป”
“มากไป?” ซางจิ่วตี้สำลักด้วยความโกรธขีดสุด ผู้ชายคนนี้กล้าดูถูกเธองั้นเหรอ?!
ชูฮันยังคงนิ่งเงียบขณะที่เขาลอบสังเกตเห็นปฏิกิริยาของซางจิ่วตี้ แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากและมีเสน่ห์ หากเขาไม่มีเวลามาสนใจกับความสวยงามของผู้หญิง เขามีเรื่องสำคัญอีกมากที่ต้องทำ
“สำเร็จ!” เสียงอันตื่นเต้นของสิบแปดได้ทำลายความเงียบระหว่างชูฮันและซางจิ่วตี้ลง
ชูฮันหันกลับมาอย่างตื่นเต้นขณะที่ได้ยินเสียงดังออกมาจากวิทยุในมือของสิบแปด
“เมืองชือฐานทัพทหาร นี่คือเมืองชือฐานทัพทหาร! ทุกคนที่อยู่ในเมืองชือและบริเวณรอบข้างกรุณาตั้งใจฟัง! ได้โปรดมารับถุงยังชีพทันทีที่ได้ยินการกระจายเสียงนี้! เรามีที่พักและอาหารในฐานทัพ! ขณะนี้ถุงยังชีพจะถูกส่งทางอากาศไปทั่วประเทศด้วยเฮลิคอปเตอร์ ทุกคนควรสงบนิ่งเรามีอาหาร ยา และอาวุธให้อยู่ในถุงยังชีพ!”
“เมืองชือฐานทัพทหาร นี่คือเมืองชือฐานทัพทหาร! ทุกคนที่อยู่ในเมืองชือและบริเวณรอบข้างกรุณาตั้งใจฟัง! ได้โปรดมารับถุงยังชีพทันทีที่ได้ยินการกระจายเสียงนี้! เรามีที่พักและอาหาร…”
การออกอากาศถูกเล่นซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง การติดต่อครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังจากโลกาวินาศเกิดขึ้นได้สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคน
ชูฮันมองไปที่สิบแปดด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่เรื่องทั่วไปที่เด็กสาวอายุ12จะทำได้!
“เมืองชือ” เจียชุนเจี๋ยวางหม้อในมือลงพลางนั่งลงข้างๆวิทยุ ตั้งใจฟังการออกอากาศซ้ำอีกครั้ง
“เราได้รับการช่วยเหลือแล้ว! มันมีทั้งถุงยังชีพและฐานทัพทหาร เยี่ยมมาก! สุดยอด!” เจียชุนเจี๋ยตื่นเต้นมากจนพูดโห่ร้องไม่หยุด เขาคิดว่าเขาถูกประเทศชาติทอดทิ้งเสียแล้ว และเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ขณะที่กำลังฟังการออกอากาศ เขารู้สึกตื้นตันจนอยากจะร้องไห้
ตาของสิบแปดเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น เธอมองไปที่ซางจิ่วตี้และชูฮันด้วยความคาดหวัง
ซางจิ่วตี้ยิ้มกว้าง “เราจะไปที่เมืองชือเมื่อเราเจอสิบสามแล้ว!” เธอกล่าวกับสิบแปดอย่างไม่ลังเล
“ได้!” สิบแปดพยักหน้าตอบรับอย่างฉะฉานกับข้อตกลง
ชูฮันไม่ได้พูดอะไร…เพราะทางเลือกของผู้หญิงสองคนนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดไว้แล้ว ตาของเขาวูบขึ้นด้วยความเหยือกเย็น เขาได้ยินการสนทนาแบบเดียวกันนี้ในเวลาเดิมเมื่อชาติที่แล้ว และเขาก็เลือกที่จะไปเดินทางไปเมืองชือพร้อมกับเหล่าผู้รอดชีวิตเช่นกันในชาติที่แล้วอย่างไม่ลังเล
“ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ! เราสามารถเดินทางไปเมืองชือด้วยกันได้ ที่นั่นจะมีทุกอย่าง รวมไปถึงการป้องกันของกองทัพ เราควรปักหลักอยู่ที่นั่น!” เจียชุนเจี๋ยดูตื่นเต้นพลางมองไปที่ซางจิ่วตี้ด้วยสายตาคาดหวัง เขาอยากที่จะได้รับการยอมรับจากเธอเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยเหลือกันและกันในโลกาวินาศอันโหดร้ายนี้
ชูฮันยิ้มจางๆพลางกวาดสายตาไปทั่วกลุ่ม “ในเมื่อพวกเธอตัดสินใจที่จะเดินทางไปเมืองชือ งั้นเราควรแยกกันเมื่อพวกเธอไปถึงที่นั่น”
เขาไม่ได้พยายามที่จะห้ามปรามพวกเขาหากก็ไม่ได้ต้องการที่จะแยกจากกัน
คำพูดของชูฮันทำให้คนทั้งกลุ่มมึนงง เมืองชืออยู่ไม่ไกลเลย มันอยู่ใกล้กับเมืองตงมาก ทำไมเขาถึงยอมเสียโอกาสที่จะได้ปักหลักอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย?
“ทำไม?” สิบแปดถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ทำไมนายถึงยืนยันที่จะไปเมืองอันลูให้ได้? ข้างนอกนั่นมันอันตรายเกินไป!”
ใบหน้าของชูฮันปราศจากอารมณ์ “พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นั่น!” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่านไม่ออก
“พ่อแม่?” เจียชุนเจี๋ยตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนคลื่นแห่งความสับสนจะตีเข้ามาหาเขา “เมืองอันลูอยู่ไกลเกินไป! มันใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟมากกว่า20ชั่วโมง อีกอย่างในตอนนี้การจราจรมันแย่มาก อันตรายอยู่ทุกหนแห่ง นายอาจจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะไปถึงอันลูได้! นายจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพ่อแม่ของนายจะยังมีชีวิตอยู่ในตอนนั้น?”