Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 35 พวกเขาตายหรือยัง?
พวกซอมบี้ไม่มีสติปัญญา ดังนั้นพวกมันจึงไม่รู้วิธีปีน ทำให้พวกมันไม่สามารถขึ้นไปยังตำแหน่งของชูฮันได้ พวกมันทำได้เพียงแต่รอคอยความตายเท่านั้น การใช้ประโยชน์จากความสูงเป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานที่ดีที่สุดในการต่อสู้
มันเป็นประสบการณ์การต่อสู้ที่ชูฮันนำมาใช้จากการต่อสู้มานานนับสิบปี นอกเหนือจากระบบการล่มสลายแล้ว ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือข้อมูลต่างๆที่คนอื่นไม่รู้และสัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขา
ในตอนนี้เขามีคะแนนแล้ว 328
ชูฮันยิ้มอย่างพอใจ การเข้าถึงความสามารถพิเศษต้องมีคะแนนอย่างน้อย 500 คะแนน และยังต้องมีคะแนนอีกมากสำหรับการยกระดับความสามารถพิเศษและพละกำลังในอนาคต แต่ชูฮันไม่จำเป็นต้องรีบเพิ่มพละกำลังเนื่องจากพลังของเขาตอนนี้นั่นมีมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว เขายังมีเวลาและโอกาสในการสะสมคะแนนอีกเรื่อยๆหลังจากที่เขาไปรับพ่อแม่มาแล้ว
ชูฮันค่อยๆเลิกคิ้วของเขาขึ้นพลางกระโดดไปข้างหน้าตรงกองซากศพของซอมบี้ เขาออกเดินไปตามถนนที่เละเทะ แบกถุงยังชีพไว้บนหลัง ปืนไรเฟิลอยู่ในมือข้างซ้ายขณะที่ขวานอยู่ในมือข้างขวาพร้อมกับรีบพุ่งตัวไปยังโรงแรมทันที
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ซางจิ่วตี้เป็นยังไงบ้าง
เธอจะต้องไม่ตาย!
มันยากมากสำหรับเขากว่าจะเพิ่มความจงรักภักดีของซางจิ่วตี้ให้ได้ถึง 30%
ภายในโรงน้ำชาที่พังทลาย…ความเงียบสนิทถูกทำลายลงหลังจากเงาของชูฮันได้หายไปแล้ว บรรยากาศข้างนอกเงียบสนิทไร้วี่แววของเหล่าซอมบี้
ซอมบี้นับร้อยได้ตายไปหมดแล้ว
หัวของพวกมันโดนทุบขยี้จนแตกละเอียด ภาพของซอมบี้ที่นอนกองรวมกันบนกองเลือดดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง แม้กระทั่งผู้คนที่พบเห็นก็ยังรู้สึกราวกับความฝัน…หากแต่มันเป็นเรื่องจริง
เสี่ยวหยุนเฟยตกอยู่ในความตะลึงงันอย่างสิ้นเชิงจนไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้
เขาไม่อยากจะเชื่อ
มันเป็นไปได้ยังไง?!
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
มันมีซอมบี้อยู่มากกว่าร้อยตัว ไม่ใช่แค่สิบตัว!
ชายคนนั้นสามารถฆ่าซอมบี้มากมายขนาดนี้ในเวลาแค่เพียงสั้นๆแบบนี้ได้ยังไง? แม้แต่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมายังไม่สามารถสะบัดขวานไปมาได้แบบนี้
เขาไม่ได้แม้แต่จะใช้ปืนด้วยซ้ำ!
ช่างน่าตลกยิ่งนัก!
“ท่านเสี่ยว” ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็พูดขึ้นทำให้เสี่ยวหยุนเฟยหลุดจากภวังค์ “มันต้องเป็นทหารของกองทัพแน่ๆ!”
“ใช่ ใช่ ใช่! มันต้องเป็นทหารที่ได้รับการฝึกพิเศษมาแน่ๆ!” ชายอีกคนพูดขึ้น
“ใช่แล้ว! ไม่อย่างนั้นมันจะรู้ได้ยังไงว่ามีปืนอยู่ตรงนั้น”
เสียงของการปรึกษากันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างเริ่มควบคุมอารมณ์กันไม่อยู่ตั้งแต่ชูฮันทำให้ทำให้พวกตกใจกันอย่างมาก
หากเสี่ยวหยุนเฟยกลับนั่งนิ่งเงียบพลางมองไปยังทางที่ชูฮันเดินหายไปและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
“ไป เราต้องตามมันไป!”
——-
บนชั้นสองของโรงแรม….
เจียชุนเจี๋ยรีบลากเฉินช่าวเย่ออกมาไว้ตรงโถงทางเดิน วางเขาไว้ข้างๆสิบแปด
“แม่ง! ไอ้อ้วนนี่หนักชิบหาย!” เจียชุนเจี๋ยปาดเหงื่อบนหน้าผากออกพลางมองเข้าไปในห้อง เจตนารมณ์อันชั่วร้ายสามารถมองเห็นได้จากสายตาของเขา เขาไม่ได้พยายามจะปิดมันด้วยซ้ำ
จากนั้นเขาก็ปิดประตูลงทันทีอย่างหมดความอดทน หากรู้สึกโมโหเหลือเกินยามมองไปที่ลูกบิดประตูที่ถูกชูฮันเตะไว้ “เ*ย! แม่งล็อคประตูไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความกล้าพอที่จะไปที่อื่น ถึงแม้ห้องนี้มันจะทั้งสกปรกและเละเทะก็ตาม แต่มันก็เป็นอย่างที่ชูฮันพูดไว้…มันปลอดภัย ทันใดนั้นเจียชุนเจี๋ยก็รู้สึกตระหนกขึ้นมาชั่วขณะยามนึกถึงชูฮัน
หากมันก็ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนา ชูฮันน่าจะหายไปตามหายาลดไข้ และด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ชูฮันมาเมืองนี้ มันคงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ถ้าชูฮันรู้ว่าร้านขายยาอยู่ตรงไหน เขาน่าจะใช้เวลานานพอสมควรในการตาหาร้านขายยา อีกอย่าง มันน่าจะตายไปแล้วดูจากจำนวนมหาศาลของซอมบี้ที่อยู่รอบๆเมืองนี้!
เขาน่าจะเลิกคิดถึงชูฮันและมีความสุขกับตรงนี้ก่อน!
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย!” เจียชุนเจี๋ยยิ้มหื่นๆขณะรีบเดินไปที่เตียง เขารีบถอดเข้มขัดออกพลางมองไปที่ซางจิ่วตี้อย่างหยาบคาย
ซางจิ่วตี้ยังมีไข้ขึ้นสูงอยู่และเธอไม่รู้สึกตัวใดๆ แก้มของเธอขึ้นสีแดงด้วยเพราะพิษไข้ ทำให้เธอดูราวกับคนเมา
ริมฝีปากที่มีสีแดงจางๆเผยออ้าและหุบเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเธอยังหายใจอยู่ ทำให้ความต้องการทางเพศของเจียชุนเจี๋ยยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยความปรารถนาที่จะได้จูบริมฝีปากนั่น
กระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของเธอดูราวกับจะหลุดกระเด็นออกมาด้วยความคับแน่นที่เผยให้เห็นถึงผิวขาวนวลของเธอ
เจียชุนเจี๋ยคุกเข่าลงบนเตียง เขาเหยียดแขนออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาต้องการจะเหยียดแขนออกไป…
ฟึบ!—
ร่างกายของเจียชุนเจี๋ยหยุดชะงักทันที เขายังคงคุกเข่าอยู่บนเตียงหากมือที่ต้องการจะจับซางจิ่วตี้นั้นถูกเก็บกลับไป
ซางจิ่วตี้กำลังถือมีดของหทารอยู่ ขอบเงินแวววาวจากความคมชัดปลายแหลมของมันถูกเล็งไปที่คอของเจียชุนเจี๋ย
ตัวของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อและไม่น่าจะสามารถตื่นขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง หากจิตใต้สำนึกของเธอบอกให้เธอตื่น
ซางจิ่วตี้มองไปที่เจียชุนเจี๋ยที่พยายามจะข่มขืนเธอด้วยสายตาที่พร้อมจะฆ่า
“ออกไป!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธจัด หากเธอไม่สามารถลืมตาขึ้นได้เต็มตา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกมึนหัวอีกรอบทำให้มีดที่เธอถือไว้ในมือหล่นลงไป
เจียชุนเจี๋ยกลัวอย่างมาก แต่แล้วเขาก็กลับมามีความสุขล้นอีกครั้งยามที่เห็นมีดที่เซางจิ่วตี้ถือไว้หล่นจากมือไป
แม่ง ก็แค่ละเมอ!
——–
ชูฮันเดินไปที่โรงแรมอย่างเร็วพยายามที่จะหลบหนีกลุ่มซอมบี้ที่ตามเขามา เป็นที่รู้กันดีว่าเขาไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นมนุษย์ที่ได้รับการวิวัฒนาการความแข็งแรงไปที่ระดับ1แล้ว เขาจึงมีเพียงแค่เหงื่อออกเล็กน้อยหลังจากการฆ่าซอมบี้ไปมากกว่าร้อยตัว
เขารู้สึกถึงลางไม่ดี โดยไม่มีสาเหตุ…
ซอมบี้หลายตัวยังคงเดินวนอยู่รอบๆชั้นล่างของโรงแรม แต่พวกมันก็เป็นแค่ซอมบี้ธรรมดาๆ ชูฮันรีบขึ้นไปยังชั้นบนพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นทันที
บนชั้นสองก็ยังคงมีสภาพเหมือนเดิมดังเช่นก่อนที่เขาจะออกไป พรมสีเลือดบวกกับสภาพโดยรอบที่น่าหดหู่ของโรงแรม ประกอบกับแสงไฟสลัวตามทางเดินที่ทำให้มันยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
ฝั่งตรงข้ามกับโถงทางเดินที่ไม่มีแสงไฟทำให้ไม่สามารถมองอะไรเห็น
อย่างไรก็ตาม ชูฮันทำเพียงเดินไปข้างหน้าอย่างดุดันพร้อมกับจับขวานในมือแน่น
เขาเป็นมนุษย์ที่ได้รับการวิวัฒนาการความแข็งแรงไปที่ระดับ1 ดัชนีทางกายภาพของเขาได้ข้ามผ่านเกินขีดจำกัดที่คนทั่วไปจะมีได้ไปแล้ว เขารู้สึกได้ถึงสิ่งที่คนอื่นไม่อาจเห็นหรือรู้สึกได้…
ชูฮันมองไปที่คนสองคนที่นอนอยู่ตรงประตูที่ควรจะว่างเปล่าและไม่ควรจะมีคนนอนอยู่
พวกเขาคือเฉินช่าวเย่และสิบแปด มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆด้วย!
พวกเขาตายหรือยัง?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากเขาออกไป?
ถึงแม้เขาปล่อยอารมณ์ออกมาแล้วเต็มที่แต่มันก็เป็นลักษณะปกติของเขาที่จะนิ่งเงียบตลอดเวลา เขาเดินห่างออกจากสองคนที่นอนอยู่ตรงประตูเงียบๆ อารมณ์ของเขาเริ่มเย็นลง
ในตอนนั้นเอง…
“ออกไป!” เสียงของซางจิ่วตี้ก็ดังขึ้นมาจากในห้อง ถึงแม้เสียงนั่นจะเต็มไปด้วยแรงสังหารแต่มันก็ฟังดูอ่อนแอเหลือเกินจนเธออาจจะสลบไปตอนไหนก็ได้
ชูฮันรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างเร็วพลางมองเข้าไปข้างใน