Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 369
ขณะที่เจ้าผีเร่ร่อนมีสีหน้ากังวลและขยับปากเหมือนกำลังพูดกับตัวเองอยู่ ทันใดนั้นเขาก็จ้องไปที่มือที่สั่นๆดูตระหนกของจางโบฮั่น
“แกจะทำอะไรอีก” จางโบฮั่นปวดหัวกับผู้ชายบ้าข้างๆนี่มานานแล้ว และตอนนี้เธอก็มองว่าเขาเป็นศัตรูและรอไม่ไหวที่จะอัดเขา
“อันตราย——” เสียงของายหนุ่มแผ่วลง
“ปัง!”
จู่ๆประตูของร้านก็ถูกเตะเปิดออก ตามมาด้วยร่างที่ดูโหดร้ายเดินเข้ามา
จางโบฮั่นช็อค เธอกอดเจิ้งเทียนอี้ไว้แน่นพร้อมกับปิดตาเขาไว้ ไม่ปล่อยให้เด็กน้อยเห็นภาพอะไร ตราบใดที่พวกมันเป็นซอมบี้ แต่ให้มันจะพัฒนาไปมากแค่ไหน ซอมบี้ก็ไม่มีทางหาพวกเธอเจอเพราะพวกมันมองไม่เห็น
ส่วนเจ้าผีเร่ร่อนนั้นต่างจากจางโบฮั่นโดยสิ้นเชิง เขากำลังกำมือของจางโบฮั่นไว้ด้วยความกลัวและอยากจะดึงเธอออกไป
อย่างไรก็ตาม จางโบฮั่นแทบรอไม่ไหวที่จะได้ฆ่าไอ้ผีเร่ร่อนนี้ทิ้งซะ โชคร้ายที่เธอไม่สามารถส่งเสียงได้ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกพบตัว ความสามารถของเธอไม่เกี่ยวข้องกับพละกำลังใดๆ เธอทำได้แต่หลบเลี่ยง
ขนะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเล่นสงครามประสาทกันไปมา บี๋เทียนก็หมุนตัวและ “พวกแกกำลังทำอะไร?”
เฮือก!
ทั้งชายหนุ่มและจางโบฮั่นต่างยืนชะงักพร้อมกัน ทั้งคู่จ้องไปที่ภาพตรงหน้าด้วยปากอ้ากว้าง
“แก? แกพูดได้?” จางโบฮั่นที่ก่อนหน้านี้ยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองตกใจอย่างมาก เธอมักจะพึ่งความสามารถในการหลีกเลี่ยงซอมบี้ของเธอเสมอ เธอไม่เคยต่อสู้มาก่อน หลังจากที่ได้เจอกับหลูปิงเซ่อพวกเขาร่วมมือกันและเริ่มสร้างเรื่องราวเพื่อหลอกเอาคริสตัลจากเหล่าวิวัฒนาการ พวกเขายังไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับลูกผสมเลยสักครั้ง ดังนั้นในตอนแรกจางโบฮั่นจึงคิดว่าทั้งหมดเป็นซอมบี้เหมือนกัน แต่เมื่อได้รู้ว่ามีลูกผสม ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอจึงตกใจอย่างมากเมื่อมันแทบไม่มีความต่างเลยที่บ่งชี้
ชายหนุ่มหันหน้าขวับไปจ้องจางโบฮั่น “บอกให้หนีไป”
บี๋เทียนแสยะยิ้ม มันอ้าปากพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าอันน่ารังเกียจก็โชยตามออกมา แสดงให้เห็นฟันสีขาวและเขี้ยวที่ชุ่มไปด้วยเลือด “ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับคนพิเศษ แม้แต่พวกซอมบี้ก็ยังหาตัวพวกแกไม่เจอ ความสามารถนี้พิเศษชะมัด!”
ก่อนหน้านี้บี๋เทียนก็ได้แต่สงสัย ทั้งๆที่ฝูงซอมบี้ออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งทั้งหมู่บ้าน ทว่าร้านอาหารนี้กลับยังอยู่ในสภาพที่ดีปกติ ไม่มีซอมบี้เข้าไปในร้านสักตัว บี๋เทียนเองในตอนแรกก็เลือกที่จะเชื่อสัมผัสของซอมบี้ก่อนเหมือนกัน ทว่าโชคร้ายที่ทั้งหมู่บ้านโดยสังหารจนหมดและตัวบี๋เทียนก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นระยะ 2 สำเร็จ ผลจากการกินอย่างต่อเนื่อง และทันใดนั้นเองมันก็รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง
ร้านนี้มันดูสะอาดเกินไป และปกติถึงแม้ซอมบี้จะเดินผ่านไปโดยไม่เข้าไปข้างใน แต่อย่างน้อยมันก็ต้องทำท่าสูดดมกลิ่นและอย่างน้อยก็ต้องสัมผัสได้ถึงร่องรอยบางอย่าง…แต่นี้มันสะอาดเกินไป
เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรบางอย่าง!
แน่นอนว่ามันไม่คิดเลยว่าเมื่อเข้ามา จะได้เจอกับเนื้อสดๆ 3 ตัวตรงหน้า
“แกพูดได้อย่างไร?” จางโบฮั่นยังคงตกใจอยู่
“ป้า! อย่าไปคุยกับมัน! มันเป็นลูกผสม!” ชายขี้เมาอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะ! ป้านี้ไม่แม้แต่จะรู้จักลูกผสม ป้านี่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงกัน?
บี๋เทียนแสยะยิ้มและแลบลิ้นของมันออกมาเลียริมฝีปาก ซอมบี้ไม่กี่สิบตัวถูกบี๋เทียนสั่งให้รวมตัวกันอยู่ด้านหลัง พวกมันอ้าปากแยกเขี้ยวและส่งเสียงคำรามตื่นเต้นกันใหญ่
“หุบปาก! พวกมันเป็นของกู” บี๋เทียนพุ่งตัวไปทางพวกซอมบี้ที่อยู่ด้านหลังจากนั้นก็ควบคุมพวกมันให้ยืนกั้นทางเข้าจากซอมบี้ที่เหลือไว้ เพราะสุดท้ายแล้ว เขาสามารถควบคุมได้แค่ซอมบี้ไม่กี่สิบตัวเท่านั้น แต่ซอมบี้ที่บุกเข้ามาในหมู่บ้านนี้มีจำนวนถึง 500 ตัว
—————-
กลุ่มวิวัฒนาการรีบวิ่งฝ่าภูเขาและป่า ความเร็วนั้นยิ่งกว่าเมื่อตอนขามา ด้วยเพราะหนึ่งมันเป็นถนนที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง และสองเพราะมันมีการพัฒนาการด้านการต่อสู้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทว่าเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้เขตหมู่บ้าน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“พระเจ้า! กลิ่นเลือด!” หลูปิงเซ่อโพล่งขึ้นมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดย่น
“มันเกิดอะไรขึ้น มีฝูงซอมบี้บุกมาเหรอ?”
“ฝูงซอมบี้?” อีกคนรีบตอบทันที “มันมีฝูงซอมบี้ผ่านหมู่บ้านไป 3 ครั้งแล้ว มันน่าจะปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ทุกครั้งที่เราโดนโจมตี เราก็จะฟื้นฟูหมู่บ้านขึ้นมาใหม่” วิวัฒนาการระยะ 2 มีสีหน้าเคร่งเครียด มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาได้พบเจออะไรมาบ้างตลอดเวลาที่ผ่านมา
ในขณะนั้นเอง ภาพของหมู่บ้านข้างหน้าก็สะท้อนอยู่ในแววตาของทุกคน ซากปรักหักพัง รอยเลือด แอ่งเลือด ชิ้นส่วนกระดูก ทั้งหมู่บ้านเหลือเพียงแต่ซากศพ
“ตอนนี้ฝูงซอมบี้ยังไม่ผ่านไป พวกเราทำได้แค่รออยู่ที่นี้ มันอันตรายมากเกินไปที่จะเข้าไป”
“ใช่ เราควรรอจนกว่าฝูงซอมบี้จะกระจายตัวไป”
“โชคดีที่หลูปิงเซ่อฝากเจิ้งเทียนอี้ไว้กับป้าจางโบฮั่น”
“พวกเขา…” หลูปิงเซ่อที่กำลงจะตอบ ทว่าทันใดนั้นเขาก็ต้องหันหน้ากลับไปและตะโกน “หวังไค พี่จะทำอะไร?”
จู่ๆร่างของชูฮันก็อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรแล้วก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว เขาไม่ได้หยุดรอเหมือนวิวัฒนาการคนอื่น ชูฮันไม่ลังเลสักนิดที่จะออกไป การเจอซอมบี้ไม่ได้ทำให้ชูฮันรู้สึกกลัวเลยสักนิด หากเขาถือว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำเพราะเขาจะได้เก็บคะแนน!
“เขาบ้าเหรอไง?” วิวัฒนาการหลายคนตะโกนเสียงดัง
“อย่าคิดว่าพวกมันจะไม่ฆ่าเพราะนายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3”
“กล้าพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ นี่เรากำลังต้องมองภาพเขากลายเป็นเหลือแต่กองกระดูกเหรอ”
ทว่าขณะที่กลุ่มวิวัฒนาการกำลังพูดจาดูถูกชูฮันอยู่นั้น ภาพข้างหน้าที่เกิดขึ้นก็ทำให้พวกช็อคจนหยุดหายใจ
พัฟ! พัฟ!
หัวของซอมบี้ถูกขาดทันที จากนั้นก็ร่วงลงกระแทกพื้น และเมื่อชูฮันพุ่งตัวเข้าไปกลางวงล้อมของซอมบี้ มันก็มีร่างซอมบี้ปลิวลอยออกมาไม่หยุด แต่ละตัวกระโหลกจะถูกเปิดออก
และด้วยจำนวนซอมบี้ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จุดดำของฝูงซอมบี้ที่เมื่อมองจากระยะไกลก็ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน—-?” หลูปิงเซ่อพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว สติของเขาได้หลุดไปหมดแล้วขณะจ้องไปที่ภาพเบื้องหน้า เขาเห็นแต่เพียงภาพที่หวังไคควงขวานในมือไปมา ซอมบี้พวกนั้นตายไปหมดแล้ว?
ส่วนวิวัฒนาการที่เหลือก็ต่างตะลึงค้าง นี่มันมากเกินกว่าความเป็นจริงจะรับได้ เป็นไปได้อย่างไรที่ซอมบี้จำนวนมากขนาดนี้จะถูกเปิดกระโหลดได้หมด ยังไม่พูดถึงความเร็ว หรือแม้แต่มุมโจมตีที่เกินจะเชื่อได้ทั้งหมดอีก?
“มันเกินขีดจำกัดการจับภาพของฉันไปแล้ว” วิวัฒนาการระยะ 2 หรี่ตาลง ตาของเขาแดงก่ำขณะพยายามเพ่งสายตามองตามการเคลื่อนไหวของชูฮันอย่างสิ้นหวัง
“นายหมายถึงอะไร?” หลูปิงเซ่อที่อ่อนไหวมากอยู่แล้ว เพราะกลัวชูฮันเป็นทุนเดิมถามขึ้นทันที
“เราต้องอัดวิดิโอการเคลื่อนไหวของหวังไคไว้ จากนั้นก็นำมาลดความเร็วลงไปอีกหลายเท่า ถึงจะมองเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ชายคนนั้นยังคงอธิบายต่อ “มันเร็วเกินไป มันเร็วเกินกว่าที่สายตาของคนจะจับได้”
“มันเป็นไปได้อย่างไร? มุนษย์ไม่สามารถทำแบบนั้นได้!” วิวัฒนาการคนหนึ่งแย้งขึ้นอย่างไม่เชื่อ
“งั้นนายจะอธิบายภาพตรงหน้าอย่างไร?” วิวัฒนาการระยะ 2 คนเดิมเองก็ตกใจเหมือนกัน อัตราการเต้นหัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง “ผู้ชายคนนี้น่าจะไม่ใช่วิวัฒนาการระยะ 3 แต่น่าจะเป็นระยะ 4! เขาไม่ได้อยู่กับพวกเราก่อนหน้านี้ เขาไปไหนมา?”
เมื่อวิวัฒนาการระยะ 2 คนนั้นพูดจบ ทันใดนั้นหลายคนก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้ โดยเฉพาะแววตาของหลูปิงเซ่อที่เป็นประกายจ้า มันมีอะไรดีๆในหมอกก่อนหน้านี้หรือเปล่า เพราะงั้นหวังไคถึงสามารถยกระดับได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง?