Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 37 กินขยะ
ซางจิ่วตี้ที่มองมาจากระยะไกลปิดปากของเธอเงียบๆไม่ให้เสียงเล็ดรอดออกมา ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นผู้หญิงที่นุ่มนวลอะไรนัก แต่เธอก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้กับภาพที่ได้เห็น
ชูฮันที่วิ่งออกไปไกลเขาต้องการที่จะนำร่างของเจียชุนเจี๋ยไปปล่อยทิ้งออกไปไกลๆ
ชูฮันขมวดคิ้วเมื่อมีเสียงกลแจ้งเตือนของระบบล่มสลายดังขึ้น——
“ความจงรักภักดีของซางจิ่วตี้ถึง50%แล้ว และมีคะแนนเพิ่มขึ้น 0.1 ”
“แม่ง!” ชูฮันสบถออกมา
ทำไมความภักดีของผู้หญิงคนนี้ถึงต่ำได้ขนาดนี้? มันเพิ่มขึ้นมาแค่20%เนี่ยนะ?
ข้อมูลจะถูกปิดกั้นทันทีที่ความภักดีขึ้นไปถึง90% นั่นหมายความว่าเพื่อนร่วมทีมที่มีความจงรักภักดีถึง 90%จะไม่มีทางมีคะแนนลดลง มีแต่การเพิ่มขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ขั้นตอนในการทำให้เพิ่มขึ้นได้จะช้ามากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดใดๆก็สามารถลดความภักดีต่อเขาได้ก่อนที่มันจะขึ้นไปถึง90% ซึ่งมันทรมานมากเพราะเขาไม่สามารถทำราวกับคนพวกนี้เป็นพ่อแม่เขาได้ตลอด
ในตอนนี้มีเพียงเฉินช่าวเย่เท่านั้นที่มีความภักดีถึง 90% ที่สามารถเป็นคนของเขาท่ามกลางคนอื่นที่มีความภักดีต่อเขาเช่นกัน สิบแปดยังเด็กอยู่จึงง่ายที่จะฝึกให้เชื่อใจเขา แต่สำหรับซางจิ่วตี้นั่น…
ผู้หญิงคนนี้เข้าถึงยากชะมัด!
——–
ชูฮันหายไปนาน
ซางจิ่วตี้ไม่ได้อยู่ข้างนอกด้วยสภาพร่างกายของเธอในตอนนี้…เธออาจตายได้ เธอเพียงกลับขึ้นไปยังชั้นสองของโรงแรมอีกครั้ง
เฉินช่าวเย่และสิบแปดยังคงนอนราบอยู่บนทางเดิน พวกเขาดูราวกับคนตายถ้าไม่ใช่เพราะว่ายังหายใจอยู่ ซางจิ่วตี้เอนตัวผิงไปกับผนัง เริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะจากพิษไข้ เธอถอนหายใจออกและเขยิบไปนั่งข้างๆสิบแปดพลางเขย่าตัวเพื่อปลุก “เสี่ยว เสียว! เสี่ยว เสียว ตื่นได้แล้ว! เลาเสี่ยวเสียว?”
ชื่อจริงของสิบแปด คือ เลาเสี่ยวเสียว
เธอไม่รู้เลยว่าเจียชุนเจี๋ยให้พวกเขากินอะไรกันแน่ เธอพยายามอย่างมากที่จะปลุกพวกเขาให้ตื่นหากพิษไข้ก็กลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง ซางจิ่วตี้จับหน้าผากตัวเองและรู้สึกได้ว่าไข้น่าจะสูงถึง 40 องศา พลางมองไปยังไฟมืดสลัวรอบๆตัว มันมีเหล่าซอมบี้อยู่ที่ชั้นล่างแต่พวกมันอ่อนแอและมีจำนวนแค่ไม่กี่ตัว และตัดสินใจล้มลงไปนอนข้างกำแพงด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับทั้งสองคนนี่
——–
มีถนนหนึ่งอยู่ใกล้โรงแรม
ขยะสกปรกและเหม็นเน่ากองเต็มไปทั่วทั้งมุมถนน มันทั้งสูงหนาและมีกลิ่นสกปรกอันน่าสะอิดสะเอียกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ อาหารที่กินไม่หมดถูกทิ้งผสมหมักกันไว้ กองน้ำเหนียวๆสีเขียวเข้มคลุมทับอยู่บนซากกองขยะ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
เสี่ยวหยุนเฟยและคนอื่นๆในกลุ่มซ่อนตัวอยู่ในกองขยะด้วยเพราะกลิ่นเหม็นเน่าของขยะช่วยพรางกายจากซอมบี้ได้ พวกเขาเหน็ดเหนื่อยจากการไล่ตามชูฮันมานาน แต่พวกเขาก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
ชูฮันเร็วเกินไป
“เฮ้ย! เฮ้ย! ฉันเหนื่อยมาก!” ชายคนหนึ่งหายใจเข้าลึกๆ ไม่สนใจกลิ่นเหม็นที่อยู่รอบๆตัว เขาทำเพียงทิ้งตัวนอนลงไปบนกองขยะเน่าพร้อมเหงื่อชุ่มทั้งตัว ทันใดนั้นมันมีอาการเสียวซ่านขึ้นมาตรงมือเขา
หากเขาไม่มีความรู้พอที่จะไปตรวจและเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร
“มันเหนื่อยเกินไป! ใครมันจะวิ่งมาได้ไกลขนาดนี้ได้ยังไง?” คนที่เหลือพึมพำกันอย่างเหนื่อยล้า
เสี่ยวหยุนเฟยเองก็พยายามสูดหายใจเข้าขณะที่ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน เขาล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าชูฮันและปล้นปืนมาไปแล้วด้วยเพราะชูฮันแข็งแกร่งเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะต่อกร
หากเขายังต้องการความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นเขาต้องตามหาชายคนนั้นให้เจอให้ได้
เสี่ยวหยุนเหยมีกระดูกไก่อยู่ในมือ มันยังมีเนื้อเหลืออยู่บางส่วนแต่ว่ามันเน่าไปแล้ว
เขาหิวโหยมาหลายวันแล้วและเขาคิดว่ากระดูกนี่มันดูน่าอร่อยดี
เขาต้องการกินมัน
เสี่ยวหยุนเฟยพยายามเพิกเฉยต่อความน่ารังเกียจของมัน เขาค่อยๆเอนตัวหนีจากสายตาของทั้งสามคนนั่นและในที่สุดกระดูกไก่นั่นก็เข้าไปอยู่ในปากเขา!
เขาพยายามอย่างหนักที่จะเคี้ยวและกลืนมันลงไป!
มันน่าขยะแขยงเหลือเกิน! เขาพยายามจะคายมันออก!
เขาเคยเป็นคนชนชั้นสูงในสังคม เขามีเงินมากมายอยู่ในธนาคาร เขาไม่สามารถทนกับชีวิตแบบนี้ได้ เขาอยากจะกลับไปอยู่ในยุครุ่งเรืองแบบเดิม มันมีอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่แม่บ้านของเขาทำให้กินในตอนเช้า เขาได้กินอาหารที่ดีที่สุดพร้อมกับเลขานุการสาวสวย รวมไปถึงมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงจากสังคมชั้นสูง
นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ไมใช่มากินอาหารเหลือทิ้งแบบนี้ ไม่ต้องพูดความเน่าและความน่าขยะแขยงนี้!
ถุยย–
เสี่ยวหยุนเฟยคายลงพื้นอย่างแรงด้วยเพราะเขาอยากจะคายกระดูกทั้งหมดที่เขาเคี้ยวออกมาให้หมด
แม่ง! มันทั้งน่าสะอิดสะเอียนและเหม็นเน่าเกินจะทน
แต่เขาหิว!
“ท่านเสี่ยว!” ทั้งสามคนถามขึ้นพร้อมกันทันที “มีอะไรรึเปล่า?”
เสี่ยวหยุนเฟรีบบอกบรรยายความรู้สึกสะอิดสะเอียนของตัวเองทันที
“มีเศษขยะที่ไหลหยดออกมาจากปากฉัน มันน่าขยะแขยงซะจนฉันอยากจะอ้วกเอาอาหารเย็นครั้งสุดท้ายของฉันออกมา!”
ชายผู้ที่มือมีแผลมองไปที่เสี่ยวหยุนเฟยที่คายอาหารออกมาและเอ่ยปากถามอย่างรู้สึกสับสน
“เมื่อวานเรายังไม่มีไก่ให้กินและเราไม่มีเนื้อสัตว์ให้กินมาแล้วหลายวัน”
เ*ย! เสี่ยวหยุนเฟยเหลือบมองไปที่ชายคนนั้นและรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
“มันน่าจะเป็นที่นี่แหละ เพราะผู้ชายคนนั้นดูเก่งกาจในเรื่องตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ สถานที่ซ่อนตัวของเขาต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างทางนี่แน่ๆ!”
“เอ่อ!” ชายคนนั้นยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวหยุนเฟยถึงเหลือบมองมาที่ตัวเอง และทำได้แต่เพียงพูดพึมพำกับตัวเอง “เรายังไม่มีไก่ให้ได้กินกันเลยแล้วเขาคายกระดูกไก่ออกมาได้ไง? เขาไม่กินขยะหนิ?”
หน้าของเสี่ยวหยุนเฟยพลันมืดลง แสดงออกถึงความโกรธที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างชัดเจน ศักดิ์ศรีที่เขาเฝ้าสะสมมาเป็นเวลานานดูเหมือนกำลังจะถูกคนอื่นเหยียบย่ำ
“ฉันจะกินขยะได้อย่างไร?” เสี่ยวหยุนเฟยตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงดุดันพลางมองไปที่ชายคนนั้น “มือของแกเป็นอะไร? ทำไมมันถึงเลือดออก?”
เสี่ยวหยุนเฟยพึ่งจะทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาด้วยเพียงประโยคเดียว
ทำให้พวกคนอื่นที่เหลือได้เห็นชายคนที่ถูกเสี่ยวหยุนเฟยตะคอกใส่กำลังเลือดออกอยู่จริงๆ
“ฉัน! ฉัน ฉัน—ไม่ ฉันพึ่งถูกกระจกบาดมาเมื่อกี้!” ชายคนนั้นอธิบายอย่างลนลาน
“แกกำลังโกหก” ความเหี้ยมโหดฉายชัดขึ้นในตาของเสี่ยวหยุนเฟย เขารู้ดีว่าแผลนั่นเกิดขึ้นจากกระจกบาดแน่นอนเพราะบาดแผลของมันออกจะเห็นได้ชัดเจน อีกอย่าง พวกเขายังไม่ได้เจอกับซอมบี้เลยสักตัวระหว่างทางมาที่นี้
แต่…เขาไม่อยากปล่อยให้ผู้ชายคนนี้รอดไปได้
“แกถูกซอมบี้กัด” เสี่ยวหยุนเฟยพูด
“ใครบอกให้แกมาทำให้ฉันโกรธละ? ใครบอกให้แกพูดอะไรแบบนั้น? แกมันเด็กเกินไปที่จะมาเล่นกับฉัน” ศักดิ์ศรีของเสี่ยวหยุนเฟยไม่สามารถถูกท้าทายได้ด้วยไอ้ขยะแบบนี้
“ท่านเสี่ยว!” คนที่เหลือรีบถามขึ้นทันที “แล้วเราควรทำยังไงดีตอนนี้? เขาจะกลายเป็นซอมบี้ด้วยมั้ย?”
“แน่นอน!” มันมีความมั่นใจฉายชัดอยู่ในแววตาของเสี่ยวหยุนเฟย “เมื่อใครก็ตามถูกซอมบี้ข่วนหรือกัด คนๆนั้นจะติดเชื้อซึ่งเราเคยได้เห็นกันมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ควรอยู่กับผู้ชายคนนี้ต่อไป!”