Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 370
พรึบ!
หลูปิงเซ่อวิ่งตรงไปทางด้านหลัง ไม่สนใจสัญญาที่ชูฮันบอกว่าจะให้คริสตัล 70 อันคืนเขา สำหรับจางโบฮั่นและเจิ้งเทียนอี้ หลูปิงเซ่อเชื่อมั่นในความสามารถของจางโบฮั่นอย่างเต็มร้อยว่าพวกเขาจะสามารถรอดพ้นจากฝูงซอมบี้ได้ ก่อนหน้าก็เคยมีฝูงซอมบี้โจมตีที่หมู่บ้านนี้หลายครั้ง แต่ซอมบี้พวกนั้นก็ไม่สามารถสัมผัสการมีอยู่ของจางโบฮั่นได้
แต่ตอนนี้…
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยกระดับ!
เมื่อเขาได้เห็นว่าพละกำลังมีความสำคัญมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความสำคัญของความแข็งแกร่ง ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในระยะที่ 2 แต่เป็น 3 หรือ 4 เขาคงสามารถควบคุมสัตว์ได้มากกว่านี้และก็คงจะจัดการชูฮันได้ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเมื่อตอนเรื่องงูพวกนั้นก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีก ความสามารถในการพึ่งพาคลื่นความถี่สมองและการสื่อสารกับสัตว์อาจฟังดูไก่อ่อน แต่ตราบใดที่มันมีการฝึกฝน มันก็ยังมีพื้นที่ให้เขาได้พัฒนาอยู่
และถึงแม้เขาจะไม่มีพลังเป็นของตัวเอง แต่เขาก็ยังได้รับการขนานนามว่าราชาได้
เมื่อได้เห็นหลูปิงเซ่อวิ่งออกไป หลายคนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป บางคนก็เริ่มขยับตัวออกวิ่ง คนส่วนใหญ่เลือกตามหลูปิงเซ่อไปแถมบางส่วนก็ยังเป็นวิวัฒนาการระยะ 2 ด้วย ขณะที่วิวัฒนาการบางคนก็ไม่สนใจที่จะตามไป พวกเขายิ่งสงสัยสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นไปอีก…หวังไคที่พุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ช่างทรงพลังเหลือเกิน
ถ้าคนที่มีความสามารถขนาดนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเลื่อนอันดับในเสาหิน?
ทุกคนต่างมีความคิดในหัวตัวเองแย้งกันไปคนละทาง
ในตอนนี้ภายในร้านของจางโบฮั่น พวกเขาตกอยู่ในสภาวะที่แปลกประหลาด บี๋เทียนไม่ได้ฆ่าพวกเขาทันที ด้วยเพราะเขาชอบเกมเล่นไล่จับหนูให้เหยื่อหวาดกลัวก่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกขยะ!” บี๋เทียนหัวเราะปากกว้าง ที่ผ่านมาตลอดชีวิตเขามักจะเป็นฝ่ายที่โดนทรมานและกลั่นแกล้งมาตลอด ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้ลิ้มรสชาติความรู้สึกของการเป็นฝ่ายล่า
เจิ้งเทียนอี้หน้าซีดหดด้วยความหวาดกลัวขณะซุกตัวซ่อนอยู่ในอ้อมแขนของจางโบฮั่น
“ไหนบอกสิ” ในตอนนั้นเองจู่ๆบี๋เทียนก็นั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับใบหน้าน่าเกลียดที่เผยรอยยิ้มน่าสยองขนออกมา “มันคือความสามารถอะไรที่พวกแกใช้กันก่อนหน้านี้? และในพวกแก 3 คนใครคือคนที่มีความสามารถนั้น?”
บี๋เทียนไม่ใช่คนโง่ ไม่อย่างเขาคงไม่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ เขาแฝงตัวติดตามอยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิตและหนีมาจากลูกผสม เพราะฉะนั้นไม่เพียงแต่เขาจะสนใจในความสามารถนี้เท่านั้น แต่สาเหตุหลักก็คือเขารู้สึกว่าความสามารถนี้จะมีประโยชน์ต่อเขา
เมื่อได้ยินคำถามของบี๋เทียน จางโบฮั่นที่หวาดกลัวก็แทบอยากตอบรับออกมาทันที
“บอกให้ลูกป้าร้องไห้ได้มั้ย?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆจู่ๆก็เปิดปากถามขึ้น เพื่อทำให้จางโบฮั่นและบี๋เทียนเสียสมาธิ มีเพียงเจิ้งเทียนอี้ที่ไม่สามารถได้ยิน ยังคงมีท่าทางหวาดกลัวและวิตกอยู่
“นี่ไม่ใช่ลูกฉัน!” จางโบฮั่นกรีดร้อง “ฉันอายุแค่ 18 เท่านั้น ฉันไม่สามารถจะมีลูกโตขนาดนี้ได้!”
“งันก็คลอดก่อนกำหนดหรือเรียนจบไว?” ชายหนุ่มรีบถามต่อทันที ทำให้หัวข้อการสนทนาไปคนละทาง ความจริงแล้วเจิ้งเทียนอี้อายุเพียงแค่ 5 ขวบเท่านั้น เพราะฉะนั้นหัวข้อการสนทนาระหว่างทั้งสองจึงไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
สีหน้าของบี๋เทียนเริ่มครึ้มขณะมองไปที่ 2 คนตรงหน้าที่ยังไม่หยุดเถียงกัน ไอ้สองคนนี้มันทำบ้าอะไรกัน? พวกมันไม่กลัวเขาเลยเหรอไง?
ถึงแม้ต่อหน้า ชายหนุ่มและจางโบฮั่นจะดูเหมือนไม่กลัวและไม่สนใจ ทว่าความจริงแล้วข้างในนั้นหัวใจของคู่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ความจริงแล้วชายหนุ่มต้องการแค่ถ่วงเวลา ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถ่วงเวลาไปเพื่ออะไร แต่สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเขาต้องทำ ยิ่งเขาลากเวลาไปได้มากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีกำลังใจรอดมากขึ้นเท่านั้น
จางโบฮั่นและหลูปิงเซ่อใช้เล่ห์กลมากมายหลอกล่อคริสตัลมาจากวิวัฒนาการได้เป็นจำนวนมาก โดยธรรมชาติจางโบฮั่นเป็นคนฉลาดและหัวใจ แม้เธอจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรกับขึ้นกับไอ้ผีเร่ร่อนนี่ แต่เธอก็ยอมตามน้ำไปเพื่อถ่วงเวลา
“ใครๆก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น! ยังไม่มีลูก? ใครจะไปเชื่อ!”
“คนอย่างแกไม่มีวันมีเมียได้!”
ในขณะที่ชายหนุ่มและจางโบฮั่นเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆและเริ่มจะลงไม้ลงมือ ทั้งคู่เกือบจะหาสิ่งของข้างๆขึ้นมาโยนใส่กันแล้ว ในที่สุดนั่นเองบี๋เทียนก็ทนไม่ไหวและตะคอกขึ้นมา “หุบปาก!”
ทว่ายังไม่ทันที่เสียงของบี๋เทียนจะจางหายไป——
“ปัง!”
ร่างของบี๋เทียนถูกโจมตีอย่างแรงด้วยแรงบางอย่างที่รุนแรงมาก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่ร่างของบี๋เทียนกระแทกเข้ากับกำแพงดังขึ้น จนผนังสีขาวเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่และตามมาด้วยเศษผนังสีขาวและอิฐปูนที่ตกร่วงลงมาทับร่างบี๋เทียน
เสียงถกเถียงของจางโบฮั่นและชายหนุ่มหยุดชะงักทันทีที่หันไปเจอชูฮันที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า
“พี่ใหญ่! ในที่สุดพี่ก็มา!”
ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวเข้ามาหาชูฮัน ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าสัญชาตญาณของเขาจริงๆแล้วคืออะไร!
“นายรู้จักเหรอ?” จางโบฮั่นมองไปที่ชายหนุ่มตรงประตูด้วยสายตาอึ้ง…ผู้ชายคนตรงประตูไอ้ผีเร่รอนน่าสมเพชเมื่อวันก่อนที่ไม่สามารถจะจ่ายคริสตัลที่ร้านของเธอได้ จนเธอต้องยอมรับกระสุนสองนัดเพื่อด้วยความสมเพช
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ฉันไม่รู้จัก”
“แต่แกเรียกเขาว่าพี่ใหญ่?” จางโบฮั่นรู้สึกกลัว
“ใครก็ตามที่ช่วยชีวิตฉัน ฉันจะเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ของฉัน” แน่นอนว่าคำตอบของชายหนุ่มไม่ได้ผิดสักนิด
“ค่อก ค่อก ค่อก!” ในตอนนั้นเองบี๋เทียนก็ปีนขึ้นมาจากกองอิฐที่พังลงมาพร้อมกับจ้องไปที่ชูฮันด้วยสายตาพร่ามัว ทว่าไม่นานเขาก็ต้องตกใจช็อคขึ้นมา “ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี้ได้? แกไปทางซ้ายไม่ใช่เหรอไง?”
หลังจากนั้นบี๋เทียนก็รีบหุบปากสนิททันที
ชูฮันนิ่วหน้าใส่บี๋เทียน นี่มันใครกัน?
“อ่าาา! คู่สามีภรรยาปลอมๆที่หนีไป จำได้มั้ยชูฮัน?” หวังไคพูดเตือนขึ้นในหัวชูฮัน “ดูเหมือนจะเป็นคนผู้ชาย ทำไมเขาถึงกลายมาเป็นสภาพแบบนี้?!”
“สายพันธุ์แตกแยกของลูกผสม…สายพันธุ์ปีศาจ”
“สายพันธุ์ปีศาจ?” หวังไคถามด้วยเสียงแหลมสูงตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ “พวกมนุษย์ของนายช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ซับซ้อนเหลือเกิน มันควรจะมีแค่ 2 เผ่าพันธุ์ระหว่างซอมบี้และมนุษยชาติบนโลกนี้ แต่มันกลับมีการกลายพันธุ์ไปถึงลูกผสม แถมยังมีสายพันธุ์ปีศาจแตกออกมาจากลูกผสมอีก แต่สายพันธุ์ปีศาจนี่มันคืออะไรกันแน่?”
“กินเนื้อของลูกผสม” ชูฮันอธิบายอย่างสบายๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เส้นสีดำบนท้องฟ้า “ซึ่งมันก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา และในที่สุดก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าซอมบี้”
หวังไคต้องการจะถามต่ออีก ทว่าบี๋เทียนที่อยู่ตรงข้ามก็ยิงคำถามใส่ชูฮันมาอีกครั้ง “แกเข้ามาในนี้ได้ยังไง? มันมีซอมบี้ตั้งมากมายในหมู่บ้าน? นี่แกกำลังซุ่มโจมตีฉันร่วมมือกับใครหรือเปล่า?”
“ไม่จำเป็นต้องซุ่มโจมตีสำหรับลูกผสม” ชูฮันแสยะยิ้ม จากนั้นก็ชี้ออกไปด้านนอก “พวกซอมบี้…แกหมายถึง…พวกนั้น?”
ด้านนอกร้าน เลือดที่ไหลนองรวมกันจนแทบจะเป็นแม่น้ำ พื้นดินที่ควรจะแดงสดไปด้วยเลือดของผู้คนในหมู่บ้านที่ถูกฆ่า ในตอนนี้กลับกลายเป็นสีดำแทน เป็นผลมาจากเลือดของซอมบี้จำนวนมากรวมถึงซอมบี้หลายสิบตัวที่บี๋เทียนควบคุมไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
“ไม่มีทาง?” บี๋เทียนอุทานร้อง “แกทำไม่ได้ ฉันไม่ได้เสียงอะไรเลย!”
ชูอันกรอกตา สำหรับเขาแล้วมันใช้เวลาแค่ครู่เดียวเขาก็จัดการซอมบี้พวกนี้ได้หมดแล้ว