Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 383
ถัดมาจากถนนหลวงคือถิ่นทุรกันดาร แรกเริ่มมีผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่แค่ไม่กี่คน พวกเขาไม่ชอบความวุ่นวาย พวกเขาอยู่รวมกันแค่กว่าร้อยคนเท่านั้น หากตอนนี้มันกลับไม่มีอะไรหลงเหลือ ผู้รอดชีวิตกว่าร้อยคนกลายเป็นกองซากกระจายอยู่ตามพื้น เลือดกระเซ็นไปทุกที่ ร่างกายที่ถูกกัดแทะจนมองไม่เห็นสภาพเดิม
นองเลือด เหม็นโฉ่ คาวไปหมด
เมื่อจุนจื่อและจุ้ยชูมาถึงที่นี้และได้เห็นภาพที่ปรากฏ ห่างออกไปไกลพวกเขาเห็นพวกซอมบี้กำลังแทะกินซากร่างมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ แต่ส่วนที่ดีๆของร่างมนุษย์นั้นถูกกินไปก่อนนานแล้ว
“มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งวันที่แล้ว” เสียงของจุนจื่อดังขึ้น
จุ้ยชูวิ่งพุ่งไปข้างหน้าและบดขยี้กระโหลกของเหล่าซอมบี้ทิ้ง ขณะหันไปถามน้องชายของเธอ “นี่ใช่ที่แรกมั้ย?”
“ที่ 5” จุนจื่อตอบเสียงแผ่ว “ฉันเกือบจะหาเส้นทางอื่นได้แล้ว ฉันจะตามไปสมทบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อืม” จุ้ยชูตอบเสียงแผ่ว ซอมบี้ที่เหลือถูกเด็กหญิงตัวน้อยฆ่าหมดไม่เหลือ
“แต่ พี่สาว” จุนจื่อพูด “อีกฝ่ายได้ทำลายที่มั่นเล็กๆของมนุษย์ไปแล้ว 5 จุด แถมตอนนี้ก็คาดว่าพลังการต่อสู้ของพวกมันก็ได้พัฒนาขึ้น ส่วนจำนวนก็ยังไม่สามารถประมาณได้ เราอาจจะทำไม่สำเร็จก็ได้”
ข้อมือของจุ้ยชูสะบัดเลือดสีดำที่ติดอยู่ปลายมีดของเธอออก พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามมา”
——–
“เป็นยังไง?” ชายชราที่มีผิวหนังหยาบค่อนข้างออกเหลือง ผอมแห้ง เอ่ยถามชูฮันที่กำลังถือจานที่ไม่ได้สะอาดแถมยังมีรอยแตกหลายจุด พร้อมกับแพนเค้กสองสามชิ้นบนจาน
“อร่อย” หวังไคตอบแทนชูฮัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่าอร่อย ฉันได้รับสูตรตกทอดมาจากบรรพบุรุษเชียวนะ” ชายชราพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า ส่งผลให้รอยย่นบนหน้าของชายชรายิ่งลึกลงไปอีก หากจู่ๆนัยน์ตาสีเทาของชายชราก็เบิกกว้างพลางเอ่ยถาม “ทำไมเสียงของพ่อหนุ่มถึงดูแปลกๆล่ะ?”
“โอ้ เป็นเพราะพูดตอนกิน เสียงก็เลยแปลกๆนะ” ชูฮันตอบพร้อมกับยิ้มใส่หวังไค ที่กำลังกินแพนเค้กอยู่บนโต๊ะ
“ก็จริง” ชายชราพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มราวเบ่งบานราวกับดอกเบญจมาศ พลางผลักจานแพนเค้กใส่มือชูฮัน “ยังมีเหลืออีก กินเยอะๆเลย”
ชูฮันเหลือบมองไปที่นิ้วผอมแห้งของชายชรา พร้อมยิ้มและรับจานแพนเค้กมา “ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณอะไร” ชายชราโบกมือปัดทันที “ฉัน—–“
“เฮ้ย! เมื่อไหร่จะเสร็จ! ฉันรอนานแล้วนะ!” จู่ๆมันก็น้ำเสียงโหดร้ายดังขึ้นมาจากในตัวบ้านขัดจังหวะการพูดของชายชรา น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความข่มขู่ “อย่าทำงานเพื่อเอาไปเลี้ยงซอมบี้ ไอ้แก่หนังเหนียว!”
ชูฮันมองไปที่ด้านหน้า อากาศทางด้านเหนือช่างหนาวเหน็บ หิมะบนถนนถูกเหยียบย่ำไปมาจนกลายเป็นสีดำ ที่นี้คือหมู่บ้านเล็กๆที่ชูฮันนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ด้านนอกบ้านที่สร้างจากดินเหียว ด้านหน้าตัวบ้านมีโต๊ะไม้ที่ขาข้างหนึ่งหักตั้งอยู่ และกระต่ายขาวตัวกลมที่กินไม่หยุดจนมันจะกลายเป็นลูกบอลอยู่แล้ว
ประตูที่อยู่ถัดไปจากตัวบ้านดินเหนียวปิดสนิท และมันมีเสียงระเบิดอารมณ์ดังผ่านออกมาจากรอเชื่อมต่อ ดูเหมือนมันจะเตาไฟอยู่ด้านใน ส่วนคนที่ตะโกนออกมาเมื่อกี้น่ามีแค่ตำแหน่งเล็กๆภายในหมู่บ้านแห่งนี้
ชายชราตรงหน้าที่อายุประมาณ 70 ปีกำลังขยี้ตา เขาสวมเสื้อคลุมตัวเล็กที่คลุมไม่ทั่วแขนเขาด้วยซ้ำ ผิวหนังที่เผยออกมานอกตัวเสื้อนั้นมีสีคล้ำ ส่วนกางเกงที่ใส่ก็ดูบางจนไม่สามารถช่วยกันความหนาวได้ รองเท้าก็เปิดอ้าจนเห็นนิ้วเท้าด้านใน ส่วนทั้งตัวก็ผอมแห้งจนอาจจะปลิวไปได้ถ้าเจอลมหิมะ
ชายชราตัวเหม็นหึ่ง เสื้อผ้าของเขาก็สกปรก ส่วนฝีมือในการทำอาการของเขาก็ไม่ได้ดีเยี่ยมเหมือนอย่างที่คุยโวว่าเป็นสูตรจากบรรพบุรุษ แต่อย่างน้อยแพนเค้กก็สุกและกินได้
“ชู่ววว” เมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านใน ชายชราก็รีบหันมาพูดกับชูฮัน “เงียบๆไว้ กินช้าๆ ฉันจะเอาแพนเค้กไปให้ลูกชายฉันก่อน”
“ครับ” ชูฮันตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ทว่าแววตาของชูฮันยังคงเย็นชาและน่ากลัวเหมือนเดิม
หลังจากที่ชายชราเดินเข้าไปในบ้านชูแฮนมองตัวเอง กางเกงขายาวเสื้อคลุมสำหรับป้องกันอากาศหนาว ไม่มีเศษฝุ่นเปื้อนอะไรสักนิดบนตัว นิ้วมือสะอาดสะอ้าน การแต่งกายโดยรวมที่ดูหรูหรา แถมยังพกพาคริสตัลที่มีมูลค่า 20,000 คะแนน แถมยังในประตูมิติก็ยังมีรถพลังงานแสงอาทิตย์ที่มากพอจะทำให้คนในหมู่บ้านนี้กลายเป็นบ้ากันได้
“นั่นคือลูกชายเขา?” หวังไคไม่รู้ว่าจะพูดกับชูฮันหรือถอนหายใจดี
“ใช่ นั่นคือลูกชายเขา” ชูฮันซ้ำ จากนั้นก็ลุกขึ้นและคว้าหวังไคใส่ในกระเป๋าและมุ่งหน้าไปที่ทางออกของหมู่บ้าน
เขาไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักนาทีเดียว เขากลัวว่าเขาจะอดใจไม่ไหวจนต้องฆ่าใครขึ้นมา
ไม่นานหลังจากชูฮันจากไป มันก็มีกลุ่มคนชุดดำมาเยือนที่หมู่บ้าน คนชุดดำ 20 คนที่คลุมตัวเองมิดชิดเดินเข้ามาในหมู่บ้าน ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
บางคนรีบปิดประตูบ้านหรือเก็บของของตัวเองด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาถนัดมากในเรื่องนี้ด้วยเพราะเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงซอมบี้ พวกเขามักจะต้องอพยพอยู่บ่อยๆ หมู่บ้านเล็กๆนี่ก็เป็นแค่สถานที่อยู่อาศัยชั่วคราว และพวกเขาโชคดีมากที่มีชาวบ้านท้องถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่อยู่แล้ว
พวกเขาไม่รู้ว่าลูกผสมคืออะไร เพียงแค่คิดว่าโอกาสของพวกเขามาแล้ว
บางคนหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น พวกเขาเดินออกมาจากบ้านอย่างกระตือรือร้น พวกเขากล้าที่จะทักทายคนชุด 20 คนตรงหน้าและส่งลูกชายของชายชราออกมาเจรจา
ผู้ชายคนนี้มีอายุประมาณ 40 ปีและดูเป็นคนไม่มีอะไรจะทำในชีวิต หลังจากการปะทุเขาก็ตามกลุ่มโสเภณีมา นั่นคือสาเหตุที่เขาพาพ่อแก่ๆของเขามาเพื่อมาเป็นคนรับใช้นั่นเอง
ลูกชายของชายชราเดินฝ่าเข้ามา เบียดฝ่าคนอื่นรอบตัวเสนอหน้า “พวกคุณมารับพวกเราใช่มั้ยครับ? มาจากซางจิงใช่มั้ยครับ?”
ค่ายผู้รอดชีวิตซางจิงเป็นสถานที่ที่ใครๆก็อยากจะไป ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะไปทางนั้น ถึงแม้จะมีคนต้องตายกลางถนนระหว่างเดินทางก็ไม่อาจหยุดความมุ่งมั่นที่จะเข้าไปอยู่ในค่ายที่ใหญ่ที่สุดในจีนได้
ตัวหัวหน้าของกลุ่มลูกผสมเพียงหยิบรูปออกมาจากกระเป๋า พลางพูดด้วยน้ำเสียงคม “เคยเห็นคนนี้มั้ย?”
กลุ่มคนจ้องไปที่ภาพครู่หนึ่ง มันเป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่ง ภาพวาดดูเสมือนจริงมาก แม้ร่างของชายหนุ่มในภาพจะดูธรรมดา หากแววตาในภาพนั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถลืมได้
เมื่อมองไปที่กลุ่มคนที่เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่เคยเห็น ลูกผสม 20 ตัวก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย…ในเมื่อพวกมันไม่เคยเห็น งั้นก็กินคนพวกนี้ให้หมดเลยละกัน!
และในขณะที่พวกลูกผสมกำลังจะลงมือ จู่ๆมันก็มีน้ำเสียงสั่นๆดังชึ้นมาจากระยะไกล “ลูกชาย ลูกเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่นอกบ้านเมื่อครู่มั้ย? เขาไปไหนแล้ว?”
ลูกชายของชายชราคำรามออกมาและหลังจากเดินก้าวถอยหลังไปได้สองสามก้าวไปหาชายชรา เขาก็ฟาดมือใส่หัวชายชราอย่างแรง “ไอ้แก่หนังเหนียว! เอาอาหารกูไปให้คนอื่นอีกแล้วใช่มั้ย? กูจะซ้อมมึงให้ตาย!”
ชายชราตะลึงค้าง ก้มหน้าค้างไว้ ร่างผอมแห้งดูเหมือนกระดูกหัก ทุกคนที่กำลังจะเอ่ยปากถามลูกผสมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีเทาของชายชรา
“ฆ่า” เพียงคำสั่งเดียว