Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 4 เหล่าซอมบี้กับการขโมยรถ
เจตนารมณ์ของการฆ่าฉายชัดอยู่ในแววตาของชูฮัน
‘โง่อะไรอย่างงี้!’
ชูฮันรีบผุดหันหลังกลับไปมองที่มาของเสียง เสียงนั้นดังมาจากชั้นหนึ่งของหอพักชาย
มันเป็นต้วนหมิงนั่นเองที่เปิดหน้าต่างออกมาตะโกนเรียกชูฮันเสียงดังลั่น เสียงตะโกนที่เกิดขึ้นได้ดึงดูดเหล่าซอมบี้ที่ก่อนหน้านี้กำลังเดินอย่างล่องลอยไร้จุดหมาย ให้หันกลับมาและค่อยๆเริ่มคืบคลานมาทางชูฮันแทน
“ชูฮัน! ช่วยฉันด้วย! ฉันจะให้เงิน! พ่อฉันเป็น…” ต้วนหมิงตะโกนเสียงดังเมื่อเขาเห็นชูฮันทำท่าเหมือนจะหันหลังใส่
ชูฮันไม่สนใจที่จะอยู่ที่นี้ต่อไปอีก เขาเจอพุ่มไม้พุ่มหนึ่งจึงรีบไถลตัวเข้าไปซ่อนอยู่ในพุ่มไม้นั้นและใช้ดินกลบช่องว่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งเสียงใดๆ…พุ่มไม้นั้นช่วยบดบังร่างเขาจากเหล่าซอมบี้
การเดินหน้าออกไปเผชิญหน้ากลุ่มซอมบี้ ก็คือการฆ่าตัวตายอย่างดีๆนี้เอง
เขาไม่ได้สนใจอะไรต้วนหมิง ต่อให้ต้วนหมิงจะร่ำรวยและพ่อของมันจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงส่ง แล้วยังไง? เงินจะไม่มีค่าอะไรเลยในเร็วๆนี้ และโลกจะย้อนกลับไปสู่ยุคแรกเริ่ม ที่ซึ่งผู้คนใช้การแลกเปลี่ยนสินค้ากับสินค้า ตัวตนและหน้าที่การงานของผู้คนมีความหมายเพียงน้อยนิดในยุคโลกาวินาศ
ตอนนี้ต้วนหมิงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างท่วมท้นเมื่อได้เห็นชูฮันเดินจากไปอย่างไม่เหลียวแล เขาตกใจกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงหลังจากโลกาวินาศได้เริ่มขึ้นและกลัวที่จะเปิดประตูออกมา เมื่อมองเห็นชูฮันกำลังหนีออกไปลำพัง ทันใดนั้นเขาก็เริ่มที่รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโถงทางเดินเมื่อวานนี้ขึ้นมาได้
ต้วนหมิงมองเห็นโอกาสที่จะรอดชีวิตออกไปได้จึงรีบขอความช่วยเหลือจากชูฮันทันที
หากทว่าชูฮันกลับจากไปโดยไม่ตอบสนองอะไรเลยทั้งนั้น!
ขณะที่ต้วนหมิงกำลังคิดหาลู่ทางในการหลบหนีและวิธีสั่งสอนบทเรียนให้ชูฮันอยู่นั้น จู่ก็มีเสียงคำรามอันน่าหวาดกลัวพุ่งเข้าใส่หูเขาอย่างกะทันหัน
‘อ๊ากกกกก!’
ซอมบี้แนบหน้าของมันเข้ากับหน้าต่างห้องของต้วนหมิง ลิ้นของมันเต็มไปด้วยเลือด เหงือกและฟันเน่าๆของมันอยู่ห่างออกไปจากต้วนหมิงเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้นส่งผลให้กลิ่นเหม็นเน่าเหม็นลอยเข้ามากระทบจมูกเขา พร้อมกับมีใบหน้าที่น่าเกลียดและลูกตาที่แถบจะถลันออกมาจากเบ้าของมันปรากฏอยู่เบื้องหน้าต้วนหมิง
‘ปัง!’
แม้ว่าต้วนหมิงจะหวาดกลัวจนแทบจะหมดสติ แต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะรีบปิดหน้าต่างได้ทันเวลา!
โชคดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ซอมบี้จึงถูกกั้นไม่ให้เข้ามาได้ อย่างไรก็ตามเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ล่อความสนใจของเหล่าซอมบี้ที่เหลืออยู่มา ต้วนหมิงมองเห็นว่ามีซอมบี้อีกอย่างน้อยอีก50ตัว กำลังรวมตัวกันอยู่นอกหน้าต่าง
เขารีบล็อคหน้าต่างและดึงผ้าม่านมาปิด พยามยามที่จะปิดบังตัวตนจากภายนอก
อย่างไรก็ตาม เสียงของเหล่าซอมบี้ที่กระทบกับหน้าต่างก็ดังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ความถี่และความรุนแรงของการชนของพวกมันเพิ่มขึ้นทุกวินาที เปรียบดังเสมือนกับเสียงของเครื่องสูบน้ำความเร็วสูง
การทุบตีอย่างบ้าคลั่งผสมกับเสียงคำรามกระหายเลือด สถานการณ์ทั้งหมดนี้คล้ายกับความทุกข์ทรมานในนรก
ต้วนหมิงหวาดกลัวจนแทบขาดสติ เพราะเขารู้ดีว่ากลุ่มซอมบี้จะพังเข้ามาได้ในอีกไม่ช้านี้
แม้ว่าซอมบี้ในระยะแรกนี้จะยังไม่แข็งแรงมากนัก หากแต่แรงของซอมบี้นับ50ตัวรวมกันกระแทกหน้าต่างนั้นไม่มีอะไรเทียบได้เลย ดั่งเช่นกับน้ำที่หยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน เช่นเดียวกับหน้าต่างนี้ที่สามารถกันซอมบี้ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
คนส่วนใหญ่ในตึกได้เห็นฉากภาพที่ต้วนหมิงตะโกนขอความช่วยเหลือจากชูฮัน ไปจนถึงภาพที่ชูฮันจากไปพร้อมกับกระเป้สะพายอยู่บนหลัง ความคิดที่จะหลบหนีออกจากอาคารเกิดขึ้นในใจของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนเริ่มลังเลเมื่อถึงเวลาต้องจัดกระเป๋า มันเป็นเวลาเที่ยงตรงในตอนนี้ ขณะนี้พวกเขาควรจะกินปีกไก่อยู่ในโรงอาหาร หรือไม่ก็กำลังทานอาหารดีๆกับแฟนของพวกเขาอยู่ในร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม ความจริงของโลกาวินาศก็ได้พรวดขึ้นมาในใจของทุกคน มันมีอาหารเหลือตุนไม่มากเท่าไหร่ในหอพัก ความต้องการอาหารทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นจริง
ผู้คนที่อยู่ในหอพักเดียวกันและที่ไม่ได้กลายร่างเป็นซอมบี้เริ่มที่จะมีความกล้ามากขึ้น พวกเขาสังเกตเห็นสถานการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้นผ่านรอยแยกของประตูห้อง เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ประตูห้องต่างๆเริ่มที่จะเปิดออกมากขึ้น
พวกเขาใช้เหล็กเส้นที่ฉีกออกมาจากขอบเตียง พร้อมกับแผนมากมายที่จะหนีออกไปพร้อมกับเหล่าเพื่อนร่วมทาง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะอยู่ในห้องพักของพวกเขา หยิบโทรศัพท์ที่ไร้ประโยชน์ขึ้นมา พยายามที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือ และรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากแต่มันกลับไร้ผล
ผู้รอดชีวิตที่เดินไปจนถึงโถงทางเดินชั้นล่าง ได้พบกับฉากภาพอันน่าตสยดสยอง พวกเขายืนนิ่งงันคล้ายกับตกอยู่ในห้วงความฝัน กลิ่นเน่าเหม็นจากของเหลวไหลจากศีรษะที่ถูดตัดขาดของเหล่าซอมบี้เจิ่งนองอยู่ตามทางเดิน ซากศพของซอมบี้นับสิบตัวที่วางเรียงรายกันจนเกิดเป็นเส้นทางเดิน หัวที่ถูกตัดขาดของซอมบี้ตัวหนึ่งวางอยู่ตรงปลายเท้าของซอมบี้อีกตัว เชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆ
ใครทำ? ใครในโลกสามารถฆ่าซอมบี้นับสิบตัวภายในชั่วพริบตาได้?
ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ตัวสั่นเทารุนแรงด้วยความหวาดกลัว บางคนถึงกับเข่าอ่อนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
หลังจากเดินมาตามทางเดินที่วางไว้ด้วยศพของเหล่าซอมบี้ พวกเขารู้สึกหัวหมุนไปตามๆกันเมื่อได้เห็นคำที่เขียนอยู่บนประตูห้อง 104 มันต้องมีความกล้าหาญมากเพียงใด ที่จะเผชิญหน้ากับซอมนี้นับสิบๆตัว อีกทั้งคนผู้นั้นยังคงเหลือโอกาสในการหลบหนีไว้ให้พวกเขาอีก
หรือนี่คือการกระทำของชูฮัน!
ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นชูฮัน
———-
ชูฮันไม่ได้เดินไปที่ประตูทางออกของมหาลัยและออกจากตึกไป หากทว่าเขากลับมุ่งหน้าเดินไปทางตึกจอดรถแทน เขาไม่ได้โง่ที่คิดจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเท้า ในช่วงแรกของโลกาวินาศถนนค่อนข้างที่จะโล่ง หมายความว่ารถยนต์เป็นพาหนะที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทาง
เขาฆ่าซอมบี้ไปได้อีกไม่กี่ตัวระหว่างทาง ก่อนจะปีนข้ามทางกั้นและลอดตัวผ่านไปยังทางลัดเข้าไปในตึกจอดรถ ในที่สุดอย่างที่เขาหวังไว้ รถยนต์หลายคันจอดเรียงรายอยู่ที่นั่น!
มีรถเฟอรารี่สีแดง 458 หรือแม้กระทั่ง เมอเซเดซ-เบนซ์ G55
ชูแฮนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นภาพของ G55
รถรุ่น G ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบรถที่ดีที่สุดของพลเรือนในยุคโลกาวินาศ เนื่องจากความสามารถในการลุยข้ามประเทศ ความแข็งแรง และความทนทานของรถ ประกอบกับกันชนหน้าซึ่งมีความทนทานเป็นพิเศษ ไม่แตกหักแม้จะชนกับแถบเหล็กกั้นทาง
อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณความจุที่จำกัด มันจึงไม่เหมาะสำหรับทีมที่มีสมาชิกมากกว่า 10 คน ทำให้มันถูกจัดอันดับอยู่ต่ำกว่ารถตู้และรถประจำทาง
ชูฮันวางแผนที่จะรีบเร่งไปยังเมืองอันลู เพื่อตามหาพ่อแม่ของเขา เขาในตอนนี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจัดตั้งทีมขึ้น อีกทั้ง G55 ยังสามารถใช้งานได้ง่ายกว่ารถตู้ มันจึงเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานคนเดียว
ชูฮันเดินไปที่ฝั่งเบาะคนขับ มองลอดผ่านหน้าต่างดำเพื่อตรวจสอบสภาพภายในรถอย่างรอบคอบ เขาสังเกตเห็นว่าเจ้าของรถก่อนหน้านี้รักษาความสะอาดภายในรถเป็นอย่างดี มีของประดับน่ารักๆพร้อมกับรูปภาพของเด็กผู้ชายและเด็กสาว
ช่างน่าบังเอิญ เด็กชายในภาพนั้นคือคนเดียวกับที่เขาพึ่งเจอมาราวครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี้เอง มันคือ ต้วนหมิง ส่วนเด็กผู้หญิงคือหนึ่งในดาวของมหาวิทยาลัยหมิงชิว จีชิงหลิว นั่นเอง
รถคันนี้เป็นของจีชิงหลิว ในความเป็นจริงก็คือต้วนหมิงให้เธอเป็นของขวัญ ส่วนรถเฟอรารี่ที่ชูฮันไม่แม้แต่จะสนใจนั่นคือรถของต้วนหมิง
ชูฮันหรี่ตาลงพร้อมกับความทรงจำที่ลืมไปยาวนานก็เริ่มที่จะหวนกลับคืนมา เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ชูฮันถอยหลังออกไปสองก้าว ก่อนที่จะยกขวานขึ้นพร้อมเดินหน้าเข้าไปทุบตรงตัวล็อคของเบาะข้างหลัง
‘เพล้ง!’ ความแรงที่กระแทกลงมายังหน้าต่าง ทำให้เศษแก้วแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
‘ตี้ดดดดดดดดดดดดดดดด!’
สัญญาณกันขโมยของG55 ส่งเสียงร้องขึ้น เสียงดังที่เกิดขึ้นทำให้ชูฮันรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนว่องไว แต่สัญญานก็ส่งเสียงดังเกินไป เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นซอมบี้นับสิบตัวอยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตรกำลังวิ่งเข้ามายังตำแหน่งของเขา
ชูฮันเปิดประตูรถและกระโดดเข้าไปใน G55 เหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปอีกฝั่ง และคลานไปยังที่นั่งคนขับ ก้มศีรษะลงไปใต้พวงมาลัย พลางใช้ขวานดึงสายไฟออกมาและพยายามต่อไฟ
การทำให้เช่นนี้จะทำให้เครื่องยนต์ของรถทำงาน ความจริงแล้ว เขาทำเรื่องแบบนี้มานับไม่ถ้วนในชาติที่แล้ว
อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ได้กลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยในยุคของโลกาวินาศ ชูฮันสงสัยว่านี่อาจจะผลจากการมาถึงของพลังงานที่ไม่ทราบที่มาไหลเข้ามาโลกในช่วงโลกาวินาศ ทำให้อุปกร์อิเล็กทรอนิกส์ระดับสูงต่างๆกลายเป็นของไร้ประโยชน์
ยานพาหนะยังคงใช้งานได้ แต่การทำงานต่างๆภายในนั้นไม่สามารถใช้งานได้ ยกเว้นวิทยุกระจายเสียง แม้ว่าระบบกระจายพลังงานแห่งชาติและอินเทอร์เน็ตจะพังทลายลงไปแล้ว หากรัฐบาลที่มีอำนาจยังคงยึดมั่นในการแก้ปัญหาให้ได้อยู่
การกระจายเสียงทางวิทยุไม่ใช่ระบบที่ซับซ้อนเท่าไหร่ ในไม่ช้ามันจะได้รับการซ่อมแซม ในชาติที่แล้วของชูฮัน วิทยุเป็นช่องทางการสื่อสารเพียงช่องเดียวในการรวบรวมข้อมูลจากทั่วประเทศ รัฐบาลได้วางแผนที่จะปล่อยถุงยังชีพไปทุกเมืองผ่านทางเครื่องบิน ถุงยังชีพเหล่านี้รวมทุกอย่างของสิ่งของจำเป็นเอาไว้ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล อาวุธ และอาหาร
และในช่วงเวลานั้น ทหารจะได้รับคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ไปพร้อมๆกับเหล่าผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่สามารถรอต่อไปได้อีกแม้แต่เพียงวันเดียว เขาต้องรีบไปเมืองอันลู!
ซอมบี้หลายตัวที่วิ่งเร็วกว่าตัวอื่น ได้มาถึง G55 ก่อน มันใช้เล็บที่ขยายยาวอันแหลมคมขีดข่วนหน้าต่าง
หนองที่กลิ่นเหม็นเขียวเล็ดรอดออกมาจากรอยแตกตามผิวหนังเปรอะเปื้อนก่อให้เกิดคราบบนหน้าต่าง เหล่าซอมบี้ล้อมรถไว้ทุกทิศทาง พวกมันใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมาและง่ายที่สุด นั่นคือทุบรถๆไปเรื่อยๆจนกว่าจะพัง
พวกมันต้องการจะฉีกคนในรถออกเป็นชิ้นๆกินและเนื้อสดๆของเขาไม่ให้เหลือรวมถึงสิ่งสกปรกในอวัยวะของเขาด้วย ซอมบี้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆทุบกำปั้นของพวกมันมาที่ G55 ทำให้รถสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง กระจกด้านหน้าถูกป้ายด้วยเลือดสีดำและเศษชิ้นเนื้อเน่าเปื่อย ในไม่ช้ารถจะพังทลายด้วยฝีมือของเหล่าซอมบี้ที่บ้าคลั่ง
‘ปัง!’
ช่วงวินาทีอันลุ้นระทึก ในที่สุดชูฮันก็สามารถต่อไฟได้สำเร็จ เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยเสียงคำรามดังก้อง
ชูฮันเบนสายตาไปมองดูเหล่าซอมบี้ที่แทบจะจมทับรถ
พลันเหยียบคันเร่งอย่างแรง!
‘บึง!’
รถขนาดใหญ่ 1.9 เมตรพุ่งชนเข้ากับกลุ่มซอมบี้!
เหล่าซอมบี้ที่ไร้ซึ่งสมองไม่มีความคิดที่จะหลบหนีรถที่พุ่งเข้ามา และถึงแม้มันจะทำมันก็สายไปแล้ว ชูฮันเหยียบเท้าอย่างมั่นคงลงไปที่คันเร่ง ทำให้รถออฟโรดพันธุ์ลุยมุ่งตรงไปข้างหน้า พุ่งชนเหล่าซอมบี้ล้มลงคล้ายกับลูกพินโบว์ลิ่ง
‘ปัง ปัง ปัง!’
เหล่าซอมบี้ที่ดุร้ายหลายตัวพร้อมที่จะฆ่าชูฮันถูกรถชนอัดจนตาย ชูฮันระบุเส้นทางที่เขาต้องการจะไป ขับรถวิ่งออกจากลานจอดรถและมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของโรงเรียน
———-
“เราควรทำอย่างไรดี ติงเซว? ทำไงดี?” จีชิงหลิว ดาวมหาวิทยาลัยในตอนนี้ไม่ได้เหลือคราบความสง่างามหรือความสวยงามใดๆตามตำแหน่งของเธอเลย ในทางกลับกันเธอในตอนนี้กลับดูสิ้นหวัง ดวงตาบวมแดงช้ำ พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ติงเซวเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่
หากเธอยังสามารถควบคุมอารมณ์ที่วุ่นวายได้ เธอจับด้ามไม้เบสบอลในมือไว้อย่างแน่นหนา ตัวของเธอแข็งเกร็งไปด้วยความกลัวและอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมา ตัวไม้กระบองชุ่มไปด้วยเลือดข้นหนาผสมกับน้ำหนอง จนกลายเป็นสีแดงสลับขาว
ซอมบี้หญิงที่ถูกตีด้วยกระบองไม้เบสบอล นอนตายอยู่ตรงพื้นตรงข้ามพวกเธอ
ของเหลวในสมองอันมีสีเทากระจายไปทั่วพื้น ผ้าปูที่นอน และผ้าม่าน เศษกระดูกที่แตกรวมกับสารเหลวของสมองแผ่กระจายไปทั่วพื้นหอพัก เลือดข้นสีเข้มสาดกระเซ็นเต็มผนังจนกลายเป็นสีแดงฉาน
ซอมบี้สองตัวนี้เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องพักของพวกเธอมาก่อน โชคดีที่พวกเธอนอนบนเตียงชั้นบนกัน ทำให้พวกเธอยังมีเวลาได้ตอบสนองต่อการโจมตีกระทันหันจากซอมบี้ พลังงานทั้งหมดของพวกเธอได้ใช้ไปหมดแล้วกับการฆ่าซอมบี้ทั้งสองตัวนี้ อีกทั้งสภาวะทางจิตใจของเด็กสาวอายุ 20ปีทั้งสองคนในตอนนี้ยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆอีกด้วย
ทั้งคู่เกือบจะยอมจำนนต่อความสิ้นหวังไปแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงหวีดร้องของเครื่องยนต์ที่ขับผ่านไป และเสียงดัง “ปัง” ที่เกิดขึ้น
“มีคนกำลังขับรถอยู่เหรอ?” ดวงตาของติงเซวเพ่งมองทันที “มีคนกำลังหนี!”
ทั้งคู่รีบรุดไปที่หน้าต่างและได้เห็นออฟโรดพันธุ์ลุย มุ่งหน้าไปยังประตูทางออก มันวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับพายุที่พัดผ่าน พาเหล่าซอมบี้ล้มกระจุยกระจายดั่งกับตุ๊กตาล้มลุก
จีชิงหลิวจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านั่นคือรถของเธอเอง เนื่องจากสภาพของรถ G55 ในตอนนี้ดูแตกต่างไปมาก ตัวรถถูกอาบไปด้วยเลือดของซอมบี้ เธอกุมมือของติงเซวแน่นอย่างตื่นเต้นขณะความปรารถนาที่จะหลบหนีออกไปเริ่มก่อตัวขึ้น
ติงเซวและจีชิงหลิวไม่ใช่เพียงคนสองคนที่เห็นภาพรถที่วิ่งด้วยความเร็วผ่านประตูออกไป เด็กชายและเด็กสาวอีกนับไม่ถ้วนเป็นพยานถึงฉากที่เกิดขึ้นผ่านทางหน้าต่างของห้องพวกเขา ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าจะมีโอกาสหนีรอดออกไปจากตึกนี้ได้เช่นกัน ถ้าหากมีคนอื่นทำได้สำเร็จ
ชูฮันไม่ได้รู้เลยว่าการจากไปของเขาเมื่อสักครู่ ได้สร้างความหวังขึ้นแก่เหล่านักเรียนทั้งหลาย
จริงๆแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอกับเหล่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยหมิงชิวในชาตินี้ด้วยซ้ำ…