Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 420
หลังจากชูฮันก้าวออกไปจากห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋ ชูฮันก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาถูกสองเฒ่าจิ้งจอกนั่นใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการปัญหา ทั้งๆที่เขามักจะเป็นฝ่ายที่ใช้คนอื่นแทนเสมอ ครั้งนี้เขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
“ทำความเคารพครับ ท่านพลเอก!”
“ท่านพลเอกชูฮัน!”
เหล่าทหารที่กำลังเดินอยู่ในทางเดินในสำนักงานเห็นชูฮันกำลังเดินมามาจากห้องสุดทางเดินก็รีบวางงานของตัวเองลงและทำท่าวันทยาหัตถ์ให้ชูฮันทันที สุดทางเดินนี้คือห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋และตอนนี้ชูฮันก็เดินออกมาจากทางนั้น ตลอดทางชูฮันได้ยินแต่เสียงทำความเคารพของเหล่าทหาร หากชูฮันในตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทักทายใคร เขาเมินเฉยต่อนายทหารทุกนายที่เดินผ่าน ทว่าจู่ๆชูฮันก็หยุดฝีเท้าและมองไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในสำนักงานที่ไม่โดดเด่นอะไรแต่เขาก็ไม่สามารถมองผ่านไปได้เฉยๆ
“กัปตันเหอเฟิง” ทันใดนั้นชูฮันก็ยิ้มมุมปากและเดินไปหาเหอเฟิที่อยู่ตรงหน้า
เหอเฟิงมองไปที่ชูฮันอย่างสงสัย น้ำเสียงค่อนข้างเบื่อหน่าย “พลเอก”
คนรอบๆหันมาดูสีหน้าของเหอเฟิงและชูฮันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้เรื่องราวในห้องประชุมได้แพร่ไปทั่วหมดแล้ว ถึงแม้ปกติกัปตันเหอเฟิงจะเป็นคนเรียบๆไม่โดดเด่นอะไร แต่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าจ้องตากัปตันเหอเฟิงมากกว่า 10 วินาที
ในตอนนี้จู่ๆชูฮันก็เรียกชื่อเหอเฟิง หลายคนเริ่มสงสัย เหอเฟิงมีตำแหน่งในกองทัพที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครๆจะสนิทกับเลาหมิงได้…ใครจะไม่รู้จักเหอเฟิงบ้าง? คนที่อยู่ข้างกายเลาหมิง แม้แต่การประชุมระดับลับสุดยอดยังอนุญาตให้เหอเฟิงเข้าร่วมได้ และตอนนี้ชูฮันกำลังหาเรื่องเหอเฟิง?
ฮ่าฮ่า! นี่จะต้องโชว์ที่สนุกอย่างแน่นอน!
ชูฮันกวาดสายตาขึ้นมองตราตำแหน่งตรงหน้าอกของเหอเฟิง น้ำเสียงแผ่วเบา “ว่างรึเปล่า? ช่วยฉันส่งผ่านข้อความทีสิ บอกเฉินเสี้ยนกาว…ให้เก็บของและออกไปรอฉันที่นอกเมือง ฉันต้องไปแล้ว”
เหอเฟิงกระพริบตาและเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ฉันไม่รู้จักเฉินเสี้ยนกาว”
ชูฮันยกมือขึ้นจับปากกาบนโต๊ะของเหอเฟิงเล่น “ถามพ่อนายดูสิ”
เหอเฟิงสูดลมหายใจเข้า พยายามระงับอารมณ์ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ฉันไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนาย”
ชูฮันยิ้มอย่างไม่แยแส ยกมือขึ้นด้วยท่าทางสบายๆและวางปากกาลงบนตราตรง
หน้าอกเหอเฟิง ปลายปากกาสัมผัสกับตราที่แวววาวพร้อมกับเสียงขูดขีดที่ดังขึ้น
ชูฮันไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทว่าท่าทางของชูฮันได้แสดงทุกอย่างออกมาชัดเจน…กัปตันเหอเฟิง ตำแหน่งนายคือกัปตัน ฉันเป็นพลเอก นายต้องทำตามคำสั่งของฉันไม่ใช่เหรอ?
เหอเฟิงกำหมัดแน่น จากนั้นเขาก็คว้าหมวกขึ้นมาสวมและออกเดิน หากมันกลับมีน้ำเสียงของชูฮันดังขึ้นขณะที่เหอเฟิงเดินผ่านไป เสียงนั้นแผ่วเบาและรวดเร็ว “ไปเดินกัน!”
ชูฮันวางปากกาลงและหมุนตัวออกเดิน
สำหรับผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง…สองเฒ่านั่น ชูฮันไม่กล้าที่จะหาเรื่องหรือต่อกร แต่กลับเหอเฟิง….เขากล้า ถ้าเหอเฟิงเผชิญหน้ากับเขาในฐานะกัปตันของทีมฮูหยาแน่นอนว่าชูฮันคงไม่สามารถกลั่นแกล้งอะไรได้ แต่ในเมื่อเหอเฟิงเลือกที่จะปกปิดตัวตนและแสร้งทำเป็นแค่นายทหารตำแหน่งเล็กๆ สถานการณ์มันจึงพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง
ทั้งสองฝายต่างกำลังเล่นแง่กันอยู่ ทั้งคู่ไม่ต้องการให้ใครรู้ความจริง!
เหอเฟิงเป็นหัวหน้าทีมฮูหยา เป็นความจริงที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้และวิธีการทำงานของเหอเฟิงก็ชัดเจนว่าเขาจงใจที่จะปิดบังเอาไว้ มันไม่ใช่ว่าชูฮันพึ่งจะมารู้เรื่องราวที่โต๊ะอาหารเมื่อตอนที่ชูฮันได้เข้ามาเห็นเหอเฟิงอยู่กับสมาชิกอีกสองคนของฮูหยา แต่เหอเฟิงคาดว่าชูฮันน่าเก็บความลับนี่มานานแล้วจนถึงตอนนี้ ชูฮันน่าจะรู้ความลับของเขามานานแล้ว
ชูฮันคิดว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก….3 องค์กรในโลกาวินาศ ทีมหลงยา ทีมฮูหยา และทีมเขี้ยวหมาป่า
ทีมหลงยาเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมด สมาชิกของหลงยามีแต่รายชื่อของคนโด่งดัง ส่วนทีมฮูหยาก็รองลงมาทว่าหัวหน้าทีมเป็นคนที่ลึกลับมาก ส่วนทีมเขี้ยวหมาป่าไม่ได้มีบทบาทอะไรในยุคศิวิไลซ์หากในยุคโลกาวินาศป่ายหวีเนอที่เป็นหัวหน้าได้แสดงพลังขั้นสุดยอดออกมาให้ทุกคนได้กระจ่าง
ถึงแม้ว่าชูฮันจะไม่รู้ว่าทำไมหัวหน้าของฮูหยาถึงเป็นแค่ทหารตำแหน่งเล็กๆแบบนี้ แต่จริงๆแล้วเบื้องหลังเหอเฟิงจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดจากพฤติกรรมของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง
สองเฒ่าจิ้งจอกนั้นมีความสุขมากที่ได้แกล้งเขา ถ้างั้นเขาก็จะแกล้งคนของสองเฒ่านั่นกลับ
ขณะนี้ชูฮันได้เดินห่างออกไปหลายสิบเมตรแล้ว ความจริงแล้วลูกเล่นแรกชูฮันแค่ต้องการทดสอบอารมณ์ของเหอเฟิงเพื่อยืนยันว่าเหอเฟิงใช่คนของเลาหมิงจริงๆรึเปล่า หรือภารกิจที่เป็นไปไม่ได้จะถูกส่งไปให้คนอื่นทำแทน แต่ตอนนี้ชูฮันได้ข้อสรุปแล้วว่าเหอเฟิงได้ยืนอยู่ท่ามกลางอำนาจมากมายในซางจิง!
ไม่สงสัยว่าทำไมสุดท้ายเหอเฟิงถึงต้องการปกปิดตัวตนของตัวเอง ในฐานะหัวหน้าของทีมฮูหยา ตามระเบียบแล้วจะไม่สามารถมีอคติส่วนตัวได้
เมื่อเห็นเหอเฟิงและชูฮันเดินคู่กันออกไป ทุกคนในพื้นที่สำนักงานก็โพล่งเสียงออกมา
“กัปตันเหอเฟิงจะไปไหน?”
“พลเอกชูฮันดื้อรั้นเกินไปแล้ว แม้แต่กัปตันเหอเฟิงยังก็ยังไม่เว้น ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป!”
“ไม่ นี่แสดงให้เห็นว่าพลเอกชูฮันสูงกว่ากัปตันเหอเฟิงที่อยู่กับเลาหมิง”
“ความจริงแล้ว มันก็ควรจะเป็นไปตามนั้น ยังไงเหอเฟิงก็เป็นแค่กัปตัน”
“ถึงแม้จะเป็นกัปตัน แต่ใครๆก็รู้ว่าเลาหมิงถือว่าเหอเฟิงเป็นทายาท?”
“ชู๊ววววว! หยุด!”
โดยไม่สนใจเสียงกระซิบที่ไล่ตามหลังมา ชูฮันมองไปที่แผนกโลจิสติกส์ด้วยสายตาร้ายกาจ การได้กลั่นแกล้งกัปตันทีมฮูหยา เจ๋ง!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชูฮันได้เดินผ่านอาคารหลายหลังจนมาถึงแผนกโลจิสติกส์ เมื่อเขาก้าวเท้าแรกผ่านประตูเข้าไปชูฮันก็ต้องหยุดฝีเท้าทันที เนื่องจากมันมีกลุ่มคนปรากฏตัวต่อหน้าชูฮัน แต่ที่ชูฮันหยุดไม่ใช่เพราะเห็นคนพวกนี้แต่เป็นเพราะว่าจำนวนคนที่มายืนอยู่ข้างหน้าในตอนนี้ต่างหากที่แออัดมากเกินไป
มันมีคนอัดแน่นอยู่ในนี้มากกว่าสองร้อยคน!
“ท่านพลเอก!” กลุ่มทหารตะโกนกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง เสียงดังก้อง
แต่มันไม่มีค่าอะไรเท่ากับที่มีเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงอยู่ท่ามกลางในนั้น ทั้งสองคนมีท่าที่ตื่นเต้นมากและแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารเต็มยศ
ท่ามกลางคนสองร้อยกว่าคน มีแค่เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงที่ชูฮันรู้จัก ส่วนคนอื่นๆเป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้น เรื่องสำคัญจริงๆก็คือคำพูดของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก่อนหน้านี้…ในคนพวกนี้มันมีคนที่จงรักภักดีกับฝ่ายอื่นอยู่ หาตัวและกำจัดมันออกไปซะ!
ถือเป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดกำลังของศัตรู ฉันจะเตรียมการทุกอย่างให้เหมาะสม ทำให้ดีละชูฮัน!
นี่เป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงโยนมาให้เขา!
ท่าทางของชูฮันทำให้ฝูงชนนิ่ง จากนั้นชูฮันก็เบนสายตาออกไปด้านนอก “ทุกคน ออกไปข้างนอก”
หลังจากพูดจบชูฮันก็เดินออกไปด้านนอกทันที—-
“อะไรน่ะ?” บางคนเริ่มไม่พอใจและตะโกน “ข้างนอกมันลบสิบองศา จะให้เราออกไปอยู่ข้างนอกเนี่ยนะ? มีความเป็นคนบ้างรึเปล่า?”