Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 484
“ซูเซียงหลงนายจัดการกับซอมบี้ระยะ 2 ไป ส่วนคนอื่นๆดำเนินการตามแผนเดิมไว้ อย่าทำให้สถานการณ์ซับซ้อนและแก้ปัญหาให้หมดภายในสองนาที!” เสียงสั่งการเรียบนิ่งของเฉินช่าวเย่ค่อยๆช่วยให้อารมณ์ของเหล่าลูกทีมคงที่ขึ้น “เหล่ยเซอนายทำเหมือนเดิม คลื่นต่อไปอีกสามสิบ!”
ซูเซียงหลงทุบหัวซอมบี้จนแบะด้วยดาบขนาดใหญ่ในมือ พลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 3 ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทั้งความเร็วในการโจมตีและการเคลื่อนไหว ดาบในมือของเขาที่เริ่มจัดการกับหัวของซอมบี้ระยะ 2 ผ่านหน้าของเหล่ยเซอไปเรื่อยๆทีละตัวอย่างรวดเร็ว!
เลือดสีดำของซอมบี้ระยะ 2 กระจายเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ
ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วซูเซียงหลงคงไม่สามารถจัดการกับซอมบี้ได้อย่างหมดจดและรวดเร็สขนาดนี้ แต่หลังจากการฝึกฝนจากชูฮันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน มันก็กลายเป็นเรื่องกล้วยๆที่จะจัดการกับซอมบี้ระยะ 2 อย่างเช่นในตอนนี้
ซอมบี้ระยะ 2 ที่น่ากลัวถูกซูเซียงหลงจัดการภายในเวลารวดเร็ว ส่วนซอมบี้ที่เหลืออีก 29 ตัวนั้นก็เป็นแค่เพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น สมาชิกคนอื่นในทีมได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีแล้ว พวกเขาเงื้อมอาวุธในมือขึ้นและโจมตีเข้าใส่ฝูงซอมบี้มุ่งหน้าเข้าใส่พวกเขาทันที
ด้วยการฝึกฝนและประสบการณ์ที่เรียนรู้จากการรับมือกับคลื่นซอมบี้คลื่นแรก ทำให้พวกเขาสามารถจัดการกับซอมบี้คลื่นที่สองได่อย่างง่ายดายภายในเวลารวดเร็ว เหล่าคนมาใหม่ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัวถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มีทักษะเป็นเลิศ แต่หลังจากการรับมือกับซอมบี้หลายตัวจนรู้ถึงกลอุบายของมัน ความเร็วในการฆ่าซอมบี้ของพวกเขาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
“คลื่นลูกที่สามกำลังมา เร่งมือเข้า! เหลืออีกหนึ่งนาที!” เฉินช่าวเย่สั่งการบอกทุกคนขณะไล่ตัดหัวซอมบี้เพื่อรอการมาถึงของคลื่นซอมบี้คลื่นใหม่
หลังจากจัดการกับคลื่นซอมบี้เรียบร้อย ทักษะของเหล่าคนมาใหม่ก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ผลลัพธ์คือกลุ่มคนมาใหม่สามารถฆ่าซอมบี้ไปได้ทั้งสิ้นสี่สิบตัว และในตอนนั้นมันก็เกิดเสียงฝีเท้าขึ้นจากสองฟากของถนนที่ดังไล่ตามกันมา…มันคือเสียงฝีเท้าของกลุ่มที่เจ็ดและกลุ่มที่สิบที่เดินทางมาถึงแล้วนั่นเอง!
“ความเร็วในการส่งต่อดีมาก!” เฉินช่าวเย่สั่งการต่อทันที “หลูเหวินเฉิง นายไปช่วยเหล่ยเซอ คลื่นต่อไปคือหกสิบ!”
“ครับ!” เสียงของคนทั้ง 38 คนหรือทั้งสี่กลุ่มรวมกันที่ตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
แต่ละกลุ่มมีหน้าที่ของตัวเองให้รับผิดชอบ ติงเซวและชูเซี่ยเองก็ยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาเข้าร่วมกับทีมเหมือนกัน และสองกลุ่มที่พึ่งมาถึงก็รีบแจกจ่ายหน้าที่ให้ทหารผ่านศึกและคนมาใหม่ของกลุ่มตัวเอง ทั้งสี่กลุ่มต่างร่วมมือช่วยกันด้วยทักษะของความเป็นมืออาชีพ
ไม่นานก็มีเสียงคำรามของซอมบี้หกสิบตัวดังสนั่นขึ้น ด้วยจำนวนและการปรากฏกายที่น่าหวาดหวั่นได้สร้างความกลัวแก่กลุ่มคนมาใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมการต่อสู้
“ไม่ต้องกลัว!” กลุ่มคนมาใหม่ที่ได้ฆ่าซอมบี้ไปแล้วหลายตัวพูดปลอบใจคนข้างๆ “ฉันเองก็ฆ่าไปได้แล้วหลายตัว หลังจากผ่านไปสักพักพวกนายก็จะทำได้ เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู มันง่ายมาก!”
“ไม่ต้องกังวล จับอาวุธในมือไว้ให้แน่นและอย่าปล่อยให้ตัวเองตายซะก่อน” เหล่าทหารผ่านศึกเองก็ให้คำแนะนำแก่คนมาใหม่เช่นกัน
“แต่มือไม่จำเป็นต้องเกร็งอาวุธไว้ตลอดเวลา มันเปลืองพลังงานเปล่าๆ”
“คอยฟังคำสั่งเอาไว้ ต้องว่องไวและแม่นยำ!” ประโยคกระตุ้นและให้กำลังใจได้ส่งผ่านไปให้แก่เหล่าทหารทุกคน ฝูงซอมบี้หกสิบตัวพุ่งเข้ามาถึงภายในเวลาไม่ถึงสองนาทีและถูกกลุ่มทหารผ่านศึกและคนมาใหม่ฆ่าตายเรียบ กระโหลกของซอมบี้ถูกทุบจนระเบิดเลือดกระจายไปทั่วพื้น เลือดสีดำไหลนองจนกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เหล่าคนมาใหม่ทั้งหลายเกิดความรู้สึกสำเร็จและความกล้าขึ้นในหัวใจ พวกเขาสามารถฆ่าซอมบี้ไปได้ทั้งหมดถึงสิบแปดตัว!
ทุกคนก้าวเดินมุ่งไปข้างหน้าค่อยๆเคลื่อนไหวเข้าสู่ศูนย์กลางของฝูงซอมบี้
จากทหารมาใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์จนไปถึงการสามารถตัดหัวซอมบี้ได้ ทีละขั้นๆพวกเขากลายเป็นนักฆ่าที่ฝีมือในการฆ่าซอมบี้ไปแล้ว กลุ่มคนมาใหม่พวกนี้กำลังพัฒนาการฝีมือขึ้นไปเรื่อยๆท่ามกลางการต่อสู้ในฝูงซอมบี้ และเป็นเพราะความร่วมมือของทั้งสี่กลุ่ม จากคลื่นซอมบี้คลื่นแรกที่มีซอมบี้หกสิบตัวก็เริ่มเพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆจนถึงคลื่นที่ร้อย คลื่นสุดท้ายคลื่นที่สองร้อยพวกเขาฆ่าซอมบี้ได้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
ภายในระยะเวลาไม่นาน ซอมบี้มากกว่าสองพันตัวที่กรูกันมาตามเสียงก่อนหน้านี้ก็ถูกล่อและฆ่าอย่างรวดเร็ว!
ซูเฟิงที่ยืนดูอยู่บนที่สูงมองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เขาค่อนข้างประหลาดใจเพราะไม่เพียงแต่เหล่าคนมาใหม่ที่ฝีมือก้าวหน้าขึ้นไปอย่างมากภายใต้สายตาของเขาเองแล้วแต่เขายังประหลาดใจอย่างมากกับความแข็งแกร่งของการร่วมมือของทั้งสี่กลุ่ม
ทันใดนั้น ซูเฟิงก็เริ่มคิดไปถึงเส้นทางเข้าเมืองที่ชูฮันได้จัดแจงไว้สำหรับกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มนั้นเคลื่อนที่ไปแต่ละทิศทางที่ต่างกันหลังจากเดินทางเข้ามาในเมือง บางกลุ่มชูฮันก็จงใจจัดเส้นทางที่ยาวไกลให้ บางกลุ่มก็ได้เส้นทางเป็นถนนใหญ่ ในตอนแรกซูเฟิงคิดว่าชูฮันจงใจแยกย้ายทุกกลุ่มออกไปเพื่อที่แต่ละกลุ่มจะได้กระจายไปให้ทั่วรอบเมือง
แต่ตอนนี้เมื่อมองดูดีๆ มันเหมือนว่าชูฮันจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ เมืองนี้ก่อสร้างในยุคศิวิไลซ์ซึ่งแต่เดิมมันเป็นถนนที่ซับซ้อน ไม่ว่าถนนจะมีโค้งเลี้ยวมากเท่าไหร่ แต่เมื่อมองจากมุมสูงแล้วจริงๆมันเป็นแค่แค่จุดสองจุดและถนนเส้นเดียวเท่านั้น ซึ่งความจริงก็คือความห่างของแต่ละกลุ่มที่กระจายกันเดินไปนั้นไม่ได้ห่างอะไรกันมากมายเลย โดยเฉพาะหลังจากเวลาผ่านไปและทุกคนเริ่มเข้าใกล้ตัวเมืองขึ้นเรื่อยๆ ความห่างของแต่ละกลุ่มก็จะลดลง
วัตถุประสงค์ของการจัดการนี้ไม่เพียงแค่เพื่ออนุญาตให้เกิดการติดต่อระหว่างกลุ่มรอบๆเมื่อเกิดวิกฤตเท่านั้นแต่ยังเพราะพิจารณาจากการที่ใจกลางเมืองนั้นมีซอมบี้อยู่มากที่สุดอีก ซึ่งจะทำให้สถานการณ์นั้นจัดการได้ง่ายกว่าในกรณีที่แต่ละกลุ่มล้อมจัดก่ชารซอมบี้เป็นวงเข้ามา การฝึกฝนเต็มๆหนึ่งเดือนจะสะท้อนผลลัพธ์ให้เห็น ณ ที่นี้ มันจะแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่แท้จริง!
เมื่อนึกได้เช่นนั้นซูเฟิงก็ได้แต่เงยหน้ามองฟ้า ชูฮันคนนี้จะเหนือฟ้าอะไรขนาดนี้ มีอะไรอีกบ้างที่เขาไม่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า? ไม่แปลกใจเลยที่ชูฮันจะบอกเขาว่าเขามีโอกาสเพียงแค่ 5% เท่านั้นที่จะรอดไปถึงซางจิง ในตอนแรกซูเฟิงไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ด้วยทุกอย่างที่เขาได้รับรู้กับตัวเอง เขาเชื่อแล้วว่าที่ชูฮันพูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง!
ฝูงซอมบี้ที่รวมตัวขึ้นจนมีจำนวนมากกว่าสองพันตัวถูกทำลายล้างด้วยกลุ่มทหารเพียงแค่สามสิบแปดคน แถมจำนวนผู้เสียชีวิตยังเป็นศูนย์อีก ถึงแม้มันจะใช้เวลานานพอสมควรและทำให้ทุกคนเหนื่อยล้าจนหมดแรง แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นมากเกินกว่าคำบรรยาย! ในหมู่พวกเขา มนุษย์สายพันธุ์ใหม่หลายคนฆ่าซอมบี้ได้จำนวนมากที่สุด มนุษย์สายพันธุ์ใหม่แต่ละคนฆ่าซอมบี้ไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัวต่อคน ส่วนเหล่าทหารผ่านศึกที่เป็นคนธรรมดาแต่ละคนฆ่าซอมบี้ไปได้หกสิบตัว ส่วนพวกคนมาใหม่ที่เหลือก็ฆ่าซอมบี้ไปได้ประมาณสามสิบตัวต่อคน
พื้นที่จุดนี้เต็มไปด้วยซากศพซอมบี้นอนตายเต็มไปหมด เลือดไหลนองจนแทบจะกลายเป็นแม่น้ำ สภาพเละเทะไปหมด
“แยกย้ายกันไป ตามหาเสี่ยวฉีให้เจอ!” เฉินช่าวเย่ออกคำสั่งครั้งสุดท้าย “หัวหน้าชูฮันเคยพูดไว้ว่า อย่าละทิ้งสหายไว้!”
ในตอนนั้นเอง ตรงช่องว่างระหว่างกำแพงทั้งสองฝั่ง มันก็มีฝ่ามือบางๆค่อยๆแทรกขึ้นมา
“ซอมบี้!” สมาชิกทุกรีบกรูกันเข้ามาทันที
“ผะ ผมเอง” เสียงของเสี่ยวฉีที่อ่อนแรงดังขึ้น มันเต็มไปด้วยความกลัว ร่างกายแทบไม่มีแรงจะขยับตัว ถึงแม้ภาพลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนอาจจะน่าอับอายแต่แววตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความดีใจ
“เสี่ยวฉีน้อย?” ชูเซี่ยตะลึงอย่างตกใจจัด “นายเหรอ? ไม่มีซอมบี้โจมตีนายเหรอไง?”
มันเป็นไปได้อย่างไร? ด้วยซอมบี้จำนวนมากขนาดนี้และมีแม้กระทั่งซอมบี้ระยะ 3 ปะปนอยู่ด้วยซ้ำ มันเป็นไปได้ยังไงที่ซอมบี้ระยะ 3 จะสัมผัสไม่ได้ถึงเสี่ยวฉีที่ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าซอมบี้ระยะ 3 มีสัมผัสที่ไวมาก
“ผมเป็นพรสวรรค์ ผมสามารถกลบหลบหายใจและกลิ่นของผมได้” เสี่ยวฉีไม่คิดปกปิดอีกต่อไป เขาบอกเล่าถึงความสามารถของตัวเองทั้งหมดและในขณะเดียวกันความรู้สึกของการหนึ่งเดียวต่อกองทัพเขี้ยวหมาป่าของเสี่ยวฉีก็เพิ่มขึ้นอย่างแรงกล้า
เพื่อที่จะตามหาเขา คนพวกนี้ถึงกับฆ่าฝูงซอมบี้ทั้งฝูง! ไม่อยากจะเชื่อ!