Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 490
อู๋หยูเฉียงตกใจ…ชูฮันมาตามหาซุปเปอร์ซอมบี้จริงๆด้วย เขาไม่คิดเลยว่ากองทัพจะรู้เรื่องของซุปเปอร์ซอมบี้ด้วย แถมยังมีพลเอกมาปรากฏตัวถึงที่นี้อีก?
น่าสนุกดี! “มีอะไรอีกมั้ย?” อู๋หยูเฉียงยิ้มพลางจ้องหน้าเจิ้งเย้า น้ำเสียงของเขาค่อนข้างพึงพอใจ
“ไม่มีแล้ว” เจิ้งเย้าส่ายหัว แต่แล้วจู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมาแหกปาก “โอ้ ใช่ พวกมันดูเหมือนจะหัวเสียกับพวกเรา 60คน พวกมันดูเหมือนกลัวที่จะให้พวกเราอยู่ด้วยและมองว่าเป็นข้อด้อยของกลุ่ม ขี้ขลาดชะมัด”
“หัวเสีย?” อู๋หยูเฉียงหัวเสีย อินี่ไร้ประโยชน์จริงๆ เวลาอินี่พูด พูดแบบโง่ๆไม่มีสมอง แต่อู๋หยูเฉียงก็พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาก็เลยถามเจิ้งเย้า “แกพูดว่าทั้งหมด 160 คน แต่ตอนที่ฉันเจอพวกแกมันมีแค่ 10 คน มันยังไงกัน?”
“ใช่ หัวเสีย” เจิ้งเย้าเปิดกล่องอาหารออกและมุ่งมั่นแต่จะกินมัน เธอไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางหมดความอดทนของอู๋หยูเฉียง เธอกินอาหารเข้าปากและตอบ “มันถูกแบ่งออกเป็น 16 กลุ่ม มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าไอ้งี่เง่านั่นมันคิดอะไรอยู่ ภายในตัวเมืองด้วยจำนวนซอมบี้ที่มากขนาดนี้แต่มันกลับยังแบ่งพวกเราออกเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อให้ทุกคนแยกกันไปคนละเส้นทาง——“
ปัง!
เกิดเสียงกระแทกเบาๆขึ้น เสียงของเจิ้งเย้าพลันหยุดชะงักไปกลางอากาศ
พรึบ!
ร่างของเจิ้งเย้าล้มลงกระแทกพื้น คอของเธอถูกบิด สีหน้าบิดเบี้ยวแสดงออกถึงความโศกเศร้าคงค้างไว้ อาหารทะลักคาอยู่ที่ปาก
อู๋หยูเฉียงมีสีหน้าพึงพอใจ “แมลงสาบก็เป็นแมลงสาบอยู่วันยังค่ำ ควรตายไปซะ”
มองไปที่สัตว์เลื้อยคลานที่พื้นที่ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาที่ร่างของเจิ้งเย้าอย่างช้าๆ อู๋หยูเฉียงเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาในหัว…ชูฮันเข้ามาในสุสานนี้ด้วยคน 160 คนแต่กระจายออกไปโดยไม่ได้อะไรเลย เพื่อต้องการขู่หรือกระตุ้นกลุ่มของเขาหรือยังไง?
ช่างเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุด! “หึ!” อู๋หยูเฉียงแสยะยิ้มอย่างสมเพช ความรู้สึกของอู๋หยูเฉียงที่มีต่อชูฮันได้เปลี่ยนจากอิจฉาเป็นเหยียดหยามไปแล้ว การที่ชูฮันอยากจะมาที่นี้อย่างเจิ้งเย้าพูด ชูฮันเป็นไอ้โง่งี่เง่า แต่เดิมกองทัพของชูฮันก็ไม่ได้มีคนมากพออยู่แล้ว แล้วยังมาแยกพวกเขาออกเป็นกลุ่มเล็กๆอีกเพื่อที่จะได้กระจายกำลังคนออกไปให้ทั่วเนี่ยนะ
ตลกสิ้นดี ไอ้โง่แบบนี้เป็นพลเอกได้ด้วยเหรอ? และไอ้โง่แบบนี้อยากจะมาหลิงเฉิงเพื่อหาร่องรอยของซุปเปอร์ซอมบี้? เลิกฝันลมๆแร้งๆได้แล้ว!
เมื่อมองไปที่ร่างที่เริ่มถูกแทะกินของเจิ้งเย้าที่พื้น อู๋หยูเฉียงก็ยิ่งรู้สึกสมเพช แถมคนแบบนี้ยังสามารถเข้าร่วมกองทัพของพลเอกได้อีก?
มีร่องรอยของความโหดร้ายและตื่นเต้นปรากฏขึ้นที่สีหน้าของอู๋หยูเฉียง “ถ้าฉันฆ่าพลเอกและกองทัพของพลเอกทั้งหมด ฉันจะได้เงินมากขนาดไหนกันนะ?”
“น่าจะได้เพิ่มจากเดิมประมาณสามเท่า” จู่ๆเสียงของหลิงหลิงซวนก็ดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและมองมาที่อู๋หยูเฉียงด้วยสายตาหยอกเย้า
อู๋หยูเฉียงตกใจ “แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
หลิงหลิงซวนยิ้มและก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เมินเฉยต่อร่างของเจิ้งเย้าที่ถูกหนอนซอมบี้แทะกินจนเริ่มเห็นกระดูกสีขาว น้ำเสียงของหลิงหลิงซวนเย็นยะเยือก “ฉันยืนฟังอยู่ข้างนอกมาได้ห้านาทีแล้ว ฉันได้ยินแต่ประโยคไร้สาระจากผู้หญิงคนนี้ แล้วหลังจากฟังเรื่องมาตลอด แกไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของฉันเลยเหรอไง ความระมัดระวังต่ำเหลือเกินนะ”
อู๋หยูเฉียงพลันสีหน้าเปลี่ยนทันที นี่มันคำพูดเดียวกับที่ตัวเขาใช้พูดกับกลุ่มทหารที่เขาเจอก่อนหน้านี้ใช่มั้ย? แต่ถึงยังไงครั้งนี้อู๋หยูเฉียงก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันผันแล่นแล้ว การที่หลิงหลิงซวนไม่ล่วงหน้าไปไหน เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายน่าจะติดตามรอบๆเขามานานแล้วแต่ตัวเขาเองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
นี้มันเป็นไปได้ยังไง? พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นวิวัฒนาการระยะ 5 เหมือนกัน หรือเป็นไปได้ว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้หลิงหลิงซวนซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้?!
หลิงหลิงซวนไม่สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของอู๋หยูเฉียง เขากลับเดินตรงที่เก้าอี้กลางห้องและนั่งลง “อยู่ดีๆก็มีคนมากมายปรากฏตัวขึ้นในหลิงเฉิง แถมยังเป็นว่าคือพลเอกของจีนกับกองทัพทหารของเขาที่มีเป้าหมายมาเพื่อตามหาซุปเปอร์ซอมบี้? น่ารักชะมัด!”
“หลิงหลิงซวน!” อู๋หยูเฉียงขี้เกียจเกินกว่าจะเดินตามเกมส์ของหลิงหลิงซวน เขาเปิดประตูออกไปมองภูเขาด้านหน้าแทน “แกอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ฉันแค่อยากจะบอกว่า…” หลิงหลิงซวนค้างปากเอาไว้อย่างต้องการกวนอารมณ์อีกฝ่าย “ฉันไม่อยากได้ซุปเปอร์แล้ว เราเลิกสู้กันดีกว่า”
“อะไรนะ?” อู๋หยูเฉียงคิดว่าหูเขาต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เขามองไปที่หลิงหลิงซวนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หลิงหลิงซวนไม่สนใจท่าทางของอู๋หยูเฉียง เขาผายมือออกพร้อมเอ่ยอธิบาย “ไม่ต้องสงสัย ฉันพูดความจริง ฉันไม่สามารถเอาชนะไอเดียของพลเอกนี้ได้ ฉันก็เหมือนกับหนูตัวเล็กๆที่พยายามไต่ขึ้นเขา ฉันไม่กล้าจะต่อกรกับพลังอันยิ่งใหญ่อย่างนั้น”
“หืม!” หลังจากได้ยินอย่างนั้น อู๋หยูเฉียงก็แสยะยิ้มและพูดเยาะเย้ยใส่หลิงหลิงซวน “หลิงหลิงซวน…หลิงหลิงซวน ฉันคิดว่าแกเป็นคนจริง เป็นคนกล้าซะอีก ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ แค่เห็นว่าอีกฝ่ายมียศตำแหน่งสูงก็เลยกลัวงั้นสิ?”
หลิงหลิงซวนไม่ได้สนใจท่าทางเยาะเย้ยของอู๋หยูเฉียง หากเขากลับเลือกที่จะพูดจาคลุมเครือต่อ “แน่นอนว่าฉันกลัว”
หลิงหลิงซวนไม่ได้ถึงกับหวาดกลัวขนาดนั้นแต่เขารู้สึกได้ถึงข้อห้ามที่เขาไม่ควรก้าวข้ามไปมากกว่า ข้อห้ามของหลิงหลิงซวนไม่ใช่เรื่องของตัวตนขอพลเอกชูฮันหรือพลังของชูฮันที่ซ่อนอยู่ สำหรับคนที่นับถือลัทธิเต๋า เขาไม่สนใจเรื่องค่ายฐานทัพหรือว่าความแข็งแกร่งของค่าย เขาสนใจแค่เรื่องตัวบ่งชี้ระดับพลังในอันดับรายชื่อ
หลิงหลิงซวนอิจฉา เพราะชูฮันเป็นคนเดียวที่ได้คะแนน S+ สามครั้งติดต่อกัน ชูฮันทำได้ยังไง?
สำหรับชูฮัน เราไม่สามารถปฏิบัติกับเขาได้ในฐานะวิวัฒนาการด้วยกัน แต่เขาคือปรมาจารย์ตัวจริงที่ทุกคนควรเกรงกลัวต่างหาก!
“ในเมื่อแกก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว งั้นฉันก็จะไม่เสียเวลาพร่ำอะไรไร้สาระให้เปลืองน้ำลาย” อู๋หยูเฉียงไม่ล่วงรู้ถึงความคิดของหลิงหลิงซวน เขาพูดอย่างเห็นแก่ตัว “ถึงแม้ชูฮันจะเป็นพลเอก แต่ครั้งนี้เขาพาทหารมาด้วนแค่ 100 คนเท่านั้น ส่วนไอ้ที่เกิน 100 คนมานั้นมันก็แค่พวกขยะเน่าๆที่ไม่นานก็คงกลายเป็นอาหารซอมบี้จนหมด แถมชูฮันก็ไม่ได้มีพลังมหาศาลอย่างคำร่ำลือ ผู้ชายคนนี้ก็มีเป็นคนโด่งดังมีชื่อเสียงแต่ไม่มีความสามารถแท้จริง”
หลิงหลิงซวนพยักหน้า “โอ้ อย่างนั้นเหรอ?”
อู๋หยูเฉียงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาไม่แยแสของหลิงหลิงซวน “ในเมื่อแกบอกว่าแกอยากจะถอนตัว งั้นก็รักษาคำพูดของตัวเองด้วย อย่าเข้ามาแทรกแซงในสุสานนี้อีกเด็ดขาด และไอ้ชูฮันนั่นฉันจะฆ่ามันเองและกองทัพของมันด้วย”
“ฉันจำได้ว่าเหมือนจะมีคนตั้งราคาค่าหัวชูฮันไว้ค่อนข้างสูงอยู่? แกอยากจะได้ค่าหัวสินะ?” หลิงหลิงซวนยิ้มเบาๆ น้ำเสียงของเขาไม่ได้ต้องการหาเรื่องอีกฝ่าย
“ถูกต้อง มีมากกว่าหนึ่งคนที่ต้องการคนของชูฮัน รวมถึงขวานยักษ์สีดำของมันด้วยถ้าฉันได้มันมา มีคนต้องการซื้อมันในราคาสูง” อู๋หยูเฉียงพูด “เพราะงั้น หวังว่าแกจะไม่ผิดสัญญา ในเมื่อแกพูดแล้ว แกก็ไม่ควรกลับคำพูด”
หลิงหลิงซวนลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้านนอก “แกไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ฉันจะไปจากที่นี้เดี๋ยวนี้เลย”
หลิงหลิงซวนกลัวว่าถ้าเขาไม่ไปตอนนี้ ชูฮันจะคิดว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอู๋หยูเฉียงเอา!
“ขอบคุณ” อู๋หยูเฉียงเอ่นขอบคุณ หากน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความดีใจ