Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 505
ทุกคนตะลึงค้างและมองไปที่ปึกกระดาษกองโตที่หลิวยู่ติงหยิบออกมา เขาเขียนอะไรมากมายขนาดนั้น? ทั้งหมดนั้นคือกฏระเบียบทหารและบทลงโทษของกองทัพเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย?
“พวกคุณคิดว่าการเป็นผู้ควบคุมกฏระเบียบทหารมันง่ายมากเหรอไง? คิดว่ากฏระเบียบและบทลงโทษมากมายพวกนี้ใครจะเขียนขึ้นมาก็ได้เหรอ? ไม่ต้องคิด? ไม่ต้องเขียนเหรอ? แล้วหลังจากเขียนแล้ว มันไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเหรอไง?” ชูฮันยิ้มเยาะ “หลิวยู่ติง บอกพวกเขาไปสิว่านายไม่ได้หลับตามากี่วันแล้ว!”
“สามวันครับ!” เสียงหลิวยู่ติงไม่ได้ดังลั่น บางคนเริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมา
“คำตอบไม่ตรงตามระเบียบทหาร วิดพื้นหนึ่งร้อยครั้ง!” ชูฮันคำสั่งทันทีอย่างไม่ลังเล
“ครับ!” หลิวยู่ติงประหลาดใจหากเขาก็รีบทรุดตัวลงไปวิดพื้นอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆต่างตกใจกันหมด บางคนที่ช่างสังเกตก็รู้ดีว่าตาของหลิวยู่ติงแดงก่ำเพราะเหนื่อยล้าและไม่ได้นอนมาตลอดสามวัน และครั้งนี้แม้แต่คนที่เป็นวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์ก็ยังตกใจกันหมด หลิวยู่ติงทั้งถูกลงโทษและได้รับหน้าที่ที่หนักมากจนไม่ได้หลับนอนตลอดสามวันเพราะร่ายกฏระเบียบและบทลงโทษของกองทัพเขี้ยวหมาป่าขึ้นมา
คนคนนี้ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า?
กองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นมีสมาชิกมากกว่าหนึ่งร้อยคน หากทุกคนทราบดีว่าการจะสร้างกองทัพเพื่อรบขึ้นมาจริงๆมันจะต้องมีจำนวนทหารมากกว่านนี้และแต่ละเรื่องจะต้องผู้ดำเนินการเป็นคนๆ และกฏระเบียบทหารเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ใครเป็นคนตัดสินใจ? ปกติแล้วต้องเป็นชูฮัน ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของชูฮัน เขาไม่ได้มีอคติหรือความลำเอียง กองทัพรบต้องพัฒนาและโตขึ้น มันไม่พอกับการแต่ฆ่าฝูงซอมบี้ไปเรื่อยๆ มันต้องมีแผนกกฏระเบียบ แผนกโลจิสติกส์ แผนกเจ้าหน้าที่และอื่นๆ ทุกอย่างต้องแบ่งเป็นสัดส่วน
“ถูกต้อง” ชูฮันเหมือนจะรู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ “นี่คือผลลัพธ์ที่ฉันได้จากความใส่ใจที่ให้พวกคุณสินะ พวกคุณไม่มีใครฟังฉันเลยไม่ว่าจะทั้งทหารหรือพลเรือน”
หลายคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป
“ทำไม? ไม่พอใจความคิดของฉัน?” น้ำเสียงของชูฮันอวดดี “พวกคุณมีความคิดเห็นได้ แต่พวกคุณต้องมีความสามารถที่จะได้คะแนนประเมิณ S+ สามครั้งติดต่อกันและมีความสามารถได้ขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งของเสาหินทั้งสามระยะ มีความกล้าที่ไปซางจิงและให้พวกทหารระดับสูงพวกนั้นขอร้องให้เป็นหนึ่งในสิบห้าพลเอกของจีน แถมยังมอบอภิสิทธิ์ให้เหนือกว่าพลเอกคนอื่นๆ และพวกคุณต้องมีความสามารถที่จะล้มพันชางเซียนหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์และสั่งให้เขามอบทรัพยากรที่มากกว่ากำหนดไว้ให้อย่างฉัน!”
“ถ้าพวกคุณทำเรื่องพวกนี้ได้ ถ้างั้นฉันจะยอมรับว่าพวกคุณสุดยอด แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วไม่พอใจกับกฏระเบียบที่ฉันตั้งขึ้นมา—-” ชูฮันกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “ก็ออกไปจากกองทัพของฉันเดี๋ยวนี้!”
พรึบ!
ฝูงชนพลันเงยหน้ามองชูฮันด้วยความกลัว นี่เขาพูดจริง?
ชูฮันยิ้มเยาะใส่คนมาใหม่ทั้งสิบคน “ฉันจะไม่ปล่อยให้ขยะเปล่าประโยชน์แบบนี้มาอยู่ในกองทัพของฉัน!”
คนมาใหม่ทั้งสิบคนหน้าแดงก่ำ
“เราพึ่งพูดไป เขาไม่ฟังเลยรึไง?”
“แล้วกองทัพนี้อยู่ไหน?”
@#$%^&(#$%^&*
ปัง!
เกิดเสียงดังขึ้นกระทบหน้า ทั้งสิบคนที่โจมตีและปลิวกระเด็นลอยตรงออกไปนอกซุปเปอร์มาร์เก็ต
ซูเฟิงชักเท้ากลับมาและมองด้วยสายตามืดมัว “จบสักที!”
“หลิวยู่ติง” ชูฮันเอ่ยขึ้น “รวมชื่อคนพวกนี้เข้าไปในบัญชีดำด้วย”
“ครับ!” หลิวยู่ติงรีบตอบรับเสียงดัง
ในตอนนั้นคนมาใหม่ทั้งสิบคนที่ถูกขับไล่ออกจากกองทัพไปแล้วยังคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้คนพวกนี้จะต้องเสียใจต่อการกระทำของตัวเองในวันนี้ พวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปในค่ายเขี้ยวหมาป่าได้ ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้ ภายภาคหน้าชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่จะโด่งดังยันเหนือจรดใต้ พวกเขาละทิ้งทุกอย่างลงด้วยมือตัวเองแล้ววันนี้!
คนที่เหลือหนึ่งร้อยสี่สิบคนต่างปิดปากเงียบสนิท โดยเฉพาะทหารผ่านศึกหนึ่งร้อยคนที่กำลังพอใจอยู่ในอกอย่างมาก เพราะถึงยังไงคนพวกนี้ก็ต้องออกจากกลุ่มไปอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว
ชูฮันและซูเฟิงจากไป และปล่อยให้ทุกคนได้คิดเอาเองอยู่ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต หลิวยู่ติงอยู่ต่อแต่เมื่อเขาเห็นเพื่อนทหารด้วยกันตรงหน้าเขาก็มีท่าทีอึดอัด ยังโชคดีที่การลงโทษจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าคนพวกนี้คงจะหัวใจวายตายกันหมดวันนี้แน่
หลังจากความเงียบผ่านไปพักหนึ่ง คนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยสี่สิบคนในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา มันเป็นค่ำคืนที่มีเรื่องราวมากมาย พวกเขาได้ลงไปถึงจุดที่ดิ่งลึกที่สุดของหัวใจและมันก็เป็นการปลุกสติพวกเขาได้ดี
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเขาได้ประสบกับชัยชนะมากมายโดยไม่มีการบาดเจ็บใดๆ หลังจากการสาธิตมากมายที่เกิดวันนี้พวกเขาได้ประสบกับการฝึกที่หนักหน่วงมามากจนทำให้พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าใครเป็นคนมอบทุกอย่างให้พวกเขา
ถ้าไม่มีการนำของชูฮัน ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการต่อสู้ให้เป็นข้อได้เปรียบจากชูฮันครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่มีการคาดเดาที่แสนจะแม่นยำของชูฮัน พวกเขาจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้มั้ย?
การต่อสู้ภาคปฏิบัติครั้งแรกนั้นเรียบง่ายมาก ปล่อยให้พวกเขาลงมือด้วยตัวเองและคิดว่าการรบเสมือนจริงครั้งนี้เป็นโอกาสที่ท่านพลเอกชูฮันปล่อยให้พวกเขาได้ผ่อนคลายบ้าง ตอนนี้พวกเขาพึ่งรู้ว่าความคิดของพวกเขาไร้เดียงสาขนาดไหน และพวกเขาสะเพร่าและเลินเล่อมากแค่ไหน!
ครั้งนี้การฝึกรบเสมือนจริงในหลิงเฉิง…อย่างที่ท่านพลเอกชูฮันพูด พวกเขาล้มเหลว
มันนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้ยินคำสองคำนี้ นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้ประสบกับความรู้ของความพ่ายแพ้แบบนี้? มันภาคภูมิใจเท่าไหน มันแย่แค่ไหนกับความรู้สึกแพ้?
หลังจากได้ประสบกับความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ เหล่าคนที่มีความสามารถกว่าร้อยคนก็ได้สติขึ้นมาและตระหนักได้ว่าที่ผ่านม่มันเป็นเพราะชูฮันคอยคุ้มครองพวกเขามาตลอดเวลา ด้วยความสามารถของพวกเขาเองแล้วพวกเขาคงไม่มีวันมองเห็นความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะชูฮันให้ซูเฟิงคอยตามดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาตลอดสามวันที่ผ่านมา มันคงได้กลายเป็นสงครามจริงไปแล้วและมันจะมีจำนวนคนตายตลอดสามวันทั้งหมดกี่คนกัน?
เหล่าทหารผ่านศึกต่างกำหมัดแน่น ตอนนี้พวกเขายังมีเวลาเปลี่ยนแปลงตัวเอง การฝึกต่อไปในอนาคตพวกเขาจะไม่ทำผิดพลาดอีก!
ชูฮันและซูเฟิงเดินออกไปบนถนนมืดมิดในหลิงเฉิงท่ามกลางค่ำคืนจนหายไปในความมืด มีเพียงแค่เสียงคำรามที่น่าขนลุกของซอมบี้ให้ได้ยิน เมืองที่มีซอมบี้ 500,000 ตัวถ้าพวกมันทั้งหมดรวมตัวกัน ภาพที่เกิดขึ้นจะน่าตื่นตาขนาดไหนกัน?
ก็คงเหมือนกับบนถนนในตอนนี้ ซอมบี้มากมายหลายพันตัววิ่งออกมาโจมตีชูฮันและซูเฟิง หากซอมบี้ทั้งหลายก็ถูกทั้งคู่จัดการได้อย่างง่ายดาย
“นายว่าหลี่บี๋เฟิงเป็นยังไง?” จู่ๆชูฮันก็ถามขึ้นมา
ซูเฟิงแสยะยิ้มและมองไปที่ซากศพซอมบี้ทั้งหลายที่พื้น เขาคิดว่าชูฮันคงกำลังอารมณ์ไม่ดีและต้องการฆ่าซอมบี้เพื่อระบายอารมณ์
เพื่อที่ต้องการป้องกันตัวเองและตอบอย่างระวังภัย ซูเฟิงจึงตอบคำถามของชูฮันออกมาหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “ไม่ครับ ผมว่าผมหล่อกว่า”