Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 514
เหย่จือโปไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงเดินเงียบๆไปอีกด้านหนึ่งของโต๊ะยาว และหยุดยืนนิ่ง เหงื่อแตก พร้อมกับขาสั่น หากการกระทำของเขานั่นเห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยให้มีคนเอาเก้าอี้มาให้นั่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหล่าลูกผสมที่ยืนอยู่ด้านข้างภายในห้องโถงต่างหัวเราะเยาะใส่เหย่จือโปลั่น เห็นได้ชัดว่าเหย่จือโปน่าจะสมองกลวง วันนี้คงจะได้เป็นวันตายของเขา
มู๋เย๋ยิ้ม แม้ว่ามันน่าตลกแต่มันก็มีแววบางอย่างปรากฏในนัยน์ตาของมู๋เย๋ นี่มันคือการต่อรองสินะ? ใครจะเริ่มก่อนล่ะ? มู๋เย๋ยังคงจ้องเหย่จือโปต่อด้วยท่าทางอย่างราชา รอให้เหย่จือโปเปิดปากพูดก่อน
“ถึงแม้ฉันจะมีหน้าที่ในซางจิงแต่ฉันไม่ใช่คนของซางจิง ฉันไม่มียศตำแหน่งทางทหาร!” เหย่จือโปค่อยๆเปิดปากพูดก่อนช้าๆ พยายามกดหัวใจที่เต้นรัวเร็วของเขาลง เขาพยายามทำตัวให้ดูนิ่งต่อหน้าอีกฝ่าย “ครั้งนี้ที่ฉันมา ฉันมาในฐานะตัวแทนจากตระกูลเกา”
มู๋เย๋ยกมือที่สวมถุงมือสีดำไว้และเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ น้ำเสียงมีร่องรอยของความสับสนปนอยู่เล็กน้อย “ตระกูลเกา?”
มันมีรอยยิ้มลึกลับและเต็มไปด้วยความมั่นใจบนสีหน้าของเหย่จือโป “จีนไม่ได้มีเพียงแค่ค่ายหลักๆแค่ไม่กี่ค่าย เพราะว่านอกเหนือจากพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งหลายแล้ว มันยังมีเหล่าตระกูลลึกลับอย่างมากอยู่อีก”
“ตระกูลลึกลับ?” มู๋เย๋ตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้เรื่องนี้
“ประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปนานมากแล้ว ญาติสนิทแต่งงานกันเองภายในตระกูลเพื่อรักษาเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ คนพวกนี้เมื่อในยุคศิวิไลซ์ควบคุมทั้งเศรษฐกิจ วิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและอีกหลายๆด้านของจีน เรียกได้ว่าหมดทุกด้าน และเมื่อเกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้น แม้มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายกับทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ ทว่าพวกตระกูลลึกลับพวกนี้กลับไม่เกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่กลายพันธุ์ เพราะแต่เดิมพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ปกติอยู่แล้ว พวกเขาเกิดมาแข็งแกร่งตั้งแต่แรกเกิด” เหย่จือโปพูด จู่ๆเขาก็มีรอยยิ้มประหลาดใจปรากฏขึ้น “ตอนนี้ ฉันสามารถพูดคุยเป็นกันเองกับนายได้รึยัง”
เมื่อเอ่ยเรื่องของตระกูลลึกลับออกมา เหย่จือโปเชื่อว่าถึงแม้มู๋เย๋จะไม่เชื่อทั้งหมดที่เขาพูด แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสนใจพอที่จะนั่งฟังได้
“แน่นอน” มู๋เย๋กระพริบตา “เอาเก้าอี้มาให้เขาซะ”
เหล่าลูกผสมหลายคนที่ตะลึงอยู่รีบขยับตัวไปหาเก้าอี้หรูหรามาวางด้านหลังเหย่จือโปทันที
เหย่จือโปถอนลมหายใจอย่างโล่งอกและนั่งลงและประจันหน้ากับมู๋เย๋ตาต่อตา “ฉันมาอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นขอเข้าประเด็นเลยละกัน หากมีอะไรข้องใจสามารถถามได้ทันที”
เหย่จือโปยิ้ม “เมื่อตอนในยุคศิวิไลช์ พวกเขาคือคนที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังจีน แต่แล้วซางจิงกลับละเลยและไม่สนใจพวกเขาพอเกิดการปะทุขึ้น นายคิดว่าด้วยพลังและอำนาจของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้บ้างล่ะ?”
มูเย๋ค่อนข้างพอใจ เขาเคาะนิ้วลงโต๊ะและตะโกนสั่งพ่อครัวที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้น “ไปเตรียมอาหารเนื้อมนุษย์ให้ฉัน ฉันต้องการกินหัวใจและไวน์”
“ครับ ครับ!” พ่อครัวพลันพยักหน้ารัวเร็ว ผุดลุกขึ้นยืนเพื่อไปเตรียมอาหารทันที
มู๋เย๋ยิ้มให้เหย่จือโปที่อยู่ตรงข้าม “ฉันไม่เคยต้องทำการต้อนรับแบบนี้มาก่อน ถ้างั้นเรากินก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันละกัน”
เหย่จือโปยิ้มอยู่ในใจ ภารกิจของเขาสำเร็จไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากก็ได้ ฉันเป็นแค่ตัวแทนมาเจรจาเท่านั้น”
หลังจากการตกลงเบื้องต้นระหว่างทั้งสองผ่านไป มู๋เย๋ก็ปัดความรู้สึกสบประมาทต่อเหย่จือโปออกไปและเอ่ยถาม “ฉันขอถามอะไรบางอย่างก่อน ในเมื่อตระกูลลึกลับนั่นทรงพลังมากขนาดนี้ ทำไมพวกเขายังต้องมาร่วมมือกับฉัน? และความสัมพันธ์ของนายกับตระกูลลึกลับนั่นคืออะไร? แล้วตำแหน่งของนายในค่ายซางจิงคืออะไร?”
เหย่จือโปยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ “ฉันพึ่งพูดไปว่ามันมีข้อจำกัดระหว่างตระกูลลึกลับกับทางรัฐบาล หนึ่งในนั้นก็คือพวกเขาไม่มีสิทธิควบคุมมนุษยชาติได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการสับสนขึ้น”
มู๋เย๋พยักหน้าและรอเหย่จือโปพูดต่อ แค่ได้ยิน ในใจของมู่เย๋ก็เริ่มคิดแผนการต่างๆต่อไปแล้วในหัว
“สาเหตุที่เรามองหาการร่วมมือจากนายนั้นง่ายมาก” เหย่จือดโปพูดต่อ “ลูกผสมสำหรับการจัดการซอมบี้และมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ความสามารถของพวกนายเหมือนพรที่ได้รับจากพระเจ้า ฉันไม่ได้พูดเพื่อประจบแต่มันคือความจริง ส่วนตระกูลลึกลับนั้นมีพลังเหนือมนุษย์ พวกเขาอยู่บนยอดสูงสุดของปีรามิต เหนือสุดของสิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง ทว่าการกำเนิดของลูกผสมได้ทำลายวัฏจักรนี้ พละกำลังของลูกผสมนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลลึกลับ เพราะฉะนั้นพันธมิตรที่ทรงพลังจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าจะหาความร่วมมือกับใครแน่นอนว่าควรจะร่วมมือกับนายถึงเหมาะสมที่สุด”
เหล่าคนติดตามหลายคนของมู๋เย๋ที่ยืนถัดไปเริ่มมีแววตาเป็นประกาย หลังจากมู๋เย๋กำจัดภาพลักษณ์อัปลักษณ์ออกไปและเริ่มใกล้เคียงรูปร่างของมนุษย์เข้าไปเรื่อยๆ อีกทั้งข้อมูลที่เหย่จือโปนำมาให้เหล่าลูกผสมอีก มันได้สร้างความหวังอันยิ่งใหญ่ให้แก่พวกเขา
พลังของลูกผสมไม่เพียงแต่เหนือกว่ามนุษย์ แต่ยังสามารถทำให้ร่างกลับไปเป็นมนุษย์เหมือนเดิมได้อีก พวกเขาคือที่รักของสวรรค์!
“สำหรับความสัมพันธ์ของฉันกับตระกูลลึกลับ!” เหย่จือโปยิ้มและพูดต่อ “ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อในยุคศิวิไลซ์ เธอเป็นหญิงสาวที่รวยมากและเป็นหม้ายสามีตาย ฉันอยู่กับเธอจนกระทั่งคืนสุดท้ายก่อนเกิดการปะทุขึ้น”
มู๋เย๋สูดกลิ่นอาหารเข้าปอด “หญิงสาวคนนี้คือ?”
“เธอคือ เกาม่านโชว” เหย่จือโปเล่าความหลังด้วยรอยยิ้ม “เธอเป็นคนตระกูลเกา แต่เนื่องจากลูกของตระกูลเกาจะต้องมีเลือดบริสุทธิ์ และเกาม่านโชวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดังนั้นตัวตนและสถานะของฉันจึงไม่ได้รับอนุญาต ตระกูลเกาไม่อนุญาตให้ฉันและเกาม่านโชวมีลูกด้วยกัน”
แววตาของมู๋เย๋มีรอยยิ้มปราฏ เหย่จือโปอดไม่ได้ที่จะแสดงความดูหมิ่นต่อตระกูลเกาที่รังเกียจเขา
“แม้ว่าฉันจะไม่มีสถานะในตระกูลเกา แต่ฉันโชคดี” เหย่จือโปพูดพร้อมกับความภาคภูมิในนัยน์ตา “จู่ๆตระกูลเกาก็นึกถึงพลังของมนุษย์ขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงส่งฉันไปที่ซางจิงในฐานะตัวแทนจากตระกูลเกา แฝงตัวเข้าไปถึงชั้นในของค่ายซางจิง”
“ตัวแทนของตระกูลเกา?” มู๋เย๋สัมผัสได้ถึงใจใจความสำคัญและเอ่ยถาม “จีนมีตระกูลลึกลับทั้งหมดกี่ตระกูลกัน?”
เหย่จือโปส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ใช่สมาชิกหลักของตระกูลเกา”
มู๋เย๋กระพริบตาและถามต่อ “แล้วจุดประสงค์ของตระกูลเกาคืออะไร?”
เหย่จือโปเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปาก “สร้างอณาจักร”
ทันทีที่คำตอบของเหย่จือโปหลุดออกมา ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด มู่เย๋หายใจรุนแรง ความทะเยอทะยานและความกล้าของตระกูลเกานั้นใหญ่มาก!
ท่ามกลางความเงียบ พ่อครัวก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับจานที่จัดมาอย่างสวยงาม มันถูกวางลงตรงหน้าทั้งสองตามมาด้วยแก้วไวน์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
มู๋เย๋ปรับลมหายใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับแก้วไวน์ยกขึ้นและยิ้มมุมปาก “ยินดีที่ได้ร่วมมือ”