Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 536
กลุ่มคนพลันหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองทันทีและตอบรับต่อคำสั่งของชูฮัน
“ถอยทัพ! ออกไป” กูเหลียงเฉินเป็นคนที่มีปฏิกิริยาเร็วที่สุด ทันทีหลังจากชูฮันออกคำสั่งเขาเคลื่อนตัวไปทางสนามรบหลักทันที
“ทีมนักฆ่าขนนก” ชูฮันเริ่มทำการออกคำสั่งอีกครั้ง “จัดการซอมบี้ระยะสูงที่เหลือให้หมดด้วยความเร็วและรีบตามมา”
“ครับท่าน!” ซูเฟิงตอนรับคำสั่งอย่างรวดเร็วและเดินไปที่สนามที่รบที่สามเพื่อปลุกสติของหลี่บี๋เฟิงที่คลั่งจัด “พอได้แล้ว มันไม่มีซอมบี้ระยะ 5 ให้นายฆ่าแล้ว เหลือแต่ระยะ 4 และ 3!”
“อ่า…” หลี่บี๋เฟิงได้พึ่งได้สติก็อึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าสภาพของซอมบี้รอบๆตัวอยู่ในภาพที่น่าสยองขนาดไหน เขาตกใจอย่างมาก ทั้งหมดนี่คือฝีมือเขางั้นเหรอ?
ทีมนักฆ่าขนนกที่วิ่งวนรอบวงกลมเพื่อจัดการกับซอมบี้ระยะต่ำก็อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา ในที่สุดชูฮันก็ออกคำสั่งให้พวกเขาไล่ฆ่าซอมบี้ ทุกคนจึงวิ่งกรูกันเข้าใส่ฝูงซอมบี้อย่างดุเดือดและหัวร้อนที่สนามรบที่สองทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาเอาแต่เล่นวิ่งวนไปมา ตอนนี้พวกเขาจะได้ฆ่ามันจริงๆกันสักที!
ขณะนี้ มันเหลือเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีแล้ว ชูฮันไม่เพียงแค่จัดการกับซอมบี้ระดับต่ำที่เหลืออีก 300 ตัวแต่เขายังทิ้งร่างพวกมันไว้เป็นทางเดินสำหรับกองทัพเขี้ยวหมาป่าให้ได้เห็นด้วย
ภาพที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้ยากมากที่จะทำได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้นเสมอ!
“ตามเส้นทางมา! เร็วเข้า” ชูฮันออกคำสั่ง
นี่คือสิ่งที่ชูฮันฝึกฝนพวกเขาอย่างลับๆมาตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยปกติถ้าหากกองทัพเขี้ยวหมาป่าต้องต่อสู้บนถนนพวกเขาจะถูกฝึกจนชินให้เก็บร่องรอยของตัวเองขณะเดินหน้าไปด้วย
วิธีการก้าวไปข้างหน้า, วิธีการเดิน, วิธีวิ่ง, ชูฮันเข้มงวดอย่างมากและพวกเขาต้องทำตามให้ถูกต้อง ไม่มีใครเข้าใจในคราแรก แต่เมื่ออยู่กับการฝึกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไประยะหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ เพราะพวกเขาแบ่งกันออกเป็นสองทีม และอีกฝ่ายจะไม่สามารถตามร่องรอยของอีกฝ่ายได้ทัน
ทำไมถึงฝึกแบบนั้น? เพื่อเอามาใช้อย่างตอนนี้!
ไม่มีใครจับร่องรอยได้ ไม่ต้องพูดถึงศัตรูด้วยซ้ำ?
การกำจัดร่องรอยเบาะแสของตัวเองเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวันสำหรับทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ทำไมกองทัพของซางจิงถึงไม่สามารถหาตัวพวกเขาได้พบสักที และมันก็เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดสำหรับกองทัพเขี้ยวหมาป่า ไม่เพียงแค่หลอกล่อศัตรูเท่านั้นแต่ยังทำให้หาตัวพวกเขาไม่พบอีก
และตอนนี้ที่พวกเขากำลังจะทำก็คือการวางร่องรอยผิดๆเพื่อหลอกพวกมัน กลยุทธ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำสงครามและฝ่ายไหนที่สามารถหลอกตาอีกฝ่ายได้ อย่าให้ศัตรูได้ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของฝ่ายเราและหาทางขัดขวางแผนการของอีกฝ่ายให้ไม่สำเร็จ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะนำมาซึ่งชัยชนะของสงครามในครั้งนี้
ซอมบี้ระยะต่ำที่เหลืออีก 300 ตัววิ่งตามชูฮันและกลุ่มทหารกลุ่มใหญ่ไปนั้นถูกฆ่าตายไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง ชูฮันจงใจวางแผนต่างๆและฆ่าพวกมันตลอดทาง
เมื่อมองไปเห็นฝูงซอมบี้ที่น่ากลัวจำนวนมากที่หลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น หัวใจของชูฮันก็ไม่สามารถกดความภาคภูมิในใจไว้ได้อยู่ เห็นมั้ย? นี่แหละคือกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่สามารถฆ่าล้างฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และยังคงรักษารูปแบบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในสงครามไว้ได้ และไม่มีการลังเลเลยสักนิดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาของตัวเอง
ช่างน่าภูมิใจเหลือเกิน!
และในฝั่งของชูฮัน ตลอดทางที่เขาจงใจทิ้งร่องรอยไว้ให้พวกมันตามมา ตามมาด้วยด้วยทีมนักฆ่าขนนกที่อยู่ด้านหลังที่จัดการซอมบี้ที่เหลือได้อย่างรวดเร็วและรีบตามมาสมทบอย่างทันที ซูเฟิงวิ่งขึ้นมาข้างหลัง ตามมาด้วยหลี่บี๋เฟิงที่โชกเลือดไปทั้งตัวและสมาชิกของทีมนักฆ่าขนนกอีก 18 คน
ทีมนักฆ่าขนนกนั้นได้แสดงความสามารถอันแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเต็มที่ในสงครามครั้งนี้และพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก นี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ชูฮันสร้างทีมนี่ขึ้นมา
ในเมื่อศัตรูอยากจะเล่นกับพวกเขา งั้นก็ไปเจอกันที่สนามรบหลัก!
การรับมือกับซอมบี้ระยะต่ำจำนวนมากสามารถพึ่งพากลยุทธ์หลากหลายได้เพื่อให้ทหารที่เป็นคนธรรมดาได้เป็นคนลงมือ แต่การสู้กับกลุ่มลูกผสมนั่นมันคนละเรื่องกันเลยกับการสู้กับซอมบี้ เพราะงั้นกลุ่มวิวัฒนาการที่ระดับเท่ากับลูกผสมและทีมนักฆ่าขนนกจึงเป็นกำลังสำคัญสำหรับการสู้ครั้งต่อไป
เมื่อคนมากกว่าสองร้อยคนเริ่มถอยทัพเพื่อไปรับมือกับสงครามครั้งต่อไปที่สนามรบหลักสำหรับลูกผสมโดยเฉพาะ ร่องรอยที่ทิ้งไว้โจ่งแจ้งสุดๆเพื่อให้กลุ่มลูกผสมตามร่องรอยมา
เฉินช่าวเย่และทีมยิงปืนอีก 50 คนซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ขนาบข้างซ้ายขวาพร้อมกับในมือที่ถือปืนไรเฟิลไว้ทุกคนตามจุดที่ชูฮันวางไว้ให้อย่างเงียบๆ
พวกเขาทั้งกังวลและตึงเครียดกันหมด มันเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่พวกเขารอคอยสำหรับยี่สิบนาทีสุดท้ายที่ชูฮันบอกไว้หลังจากจัดการวางกับดักทั้งหมด แต่ยังไม่มีใครโผล่มาสักทีเลยตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงลูกผสมหรือซอมบี้เลย
ในที่สุดขณะที่ความกังวลของทุกคนพุ่งถึงจุดสูงสุด จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากระยะไกล ตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคย
“ทีมยิงปืนประจำที่ เฉินช่าวเย่รายงานความคืบหน้าของแผนกับดัก” ชูฮันที่โชกเลือดไปทั้งตัวและวิ่งเข้ามาที่สนามรบหลักเป็นครั้งแรก
“ครับ!” สมาชิกทั้ง 50 คนของทีมยิงปืนตื่นเต้นกันอย่างมาก และท่านชูฮันก็กลับมาแล้ว แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เหลือที่ดูเหมือนหลงทางหลังจากผ่านสงครามมา ทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือน ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพที่น่าตกใจของชูฮันที่เต็มไปด้วยบาดแผล ความรู้โกรธพลันพุ่งปะทุขึ้นมา
สมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่านั่นจงรักภักดีต่อชูฮัน โดยเฉพาะหลังจากฝึกฝนร่วมกันผ่านมาสามเดือน ทุกคนนับถือชูฮันสุดหัวราวกับเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้วชูฮันไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชาการเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา
ชูฮันที่ไม่ค่อยลงมือต่อสู้ด้วยตัวเองเท่าไหร่ ตอนนี้บาดเจ็บอย่างหนักซึ่งเป็นผลมาจากสงคราม
นี่ชูฮันเข้าไปในสนามรบตัวคนเดียวเหรอไง?
ทุกคนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ สีหน้าเริ่มแสดงออก และในตอนนั้นเองพวกเขารู้สึกได้ถึงความรุนแรงของสงครามครั้งนี้ แม้แต่ท่านพลเอกชูฮันยังเข้าร่วมสงครามด้วยตัวเอง ทั้งๆที่หน้าที่ของผู้บังคับบัญชาคือการสั่งการรบและควบคุมสถานการณ์ ชูฮันมักคอยออกคำสั่งอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ท่านพลเอกชูฮันจะเข้าร่วมรบในสงครามด้วยแล้วแต่ยังทรมานกับบาดแผลที่ได้รับอีก
แม่ง! พวกเขาทนไม่ได้!
ความคิดของทุกคนแล่นในหัวและเลือดพล่านกันใหญ่ ตาแดงก่ำ รวมถึงทหารสองร้อยนายที่รบมาก่อนหน้านี้ด้วย พวกเขารู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างผู้บังคับบัญชาและทหาร และรู้ด้วยว่าความหมายของการที่ผู้บังคับบัญชาบาดเจ็บคืออะไร
มันเป็นความไร้สามารถของพวกเขาที่ทำให้ท่านหัวหน้าได้รับบาดเจ็บ!
ความโกรธและความไม่พอใจในใจของทหารทุกคนพึ่งทะลุถึงจุดสูงสุด!
เฉินช่าวเย่เองก็ได้เห็นภาพของชูฮันเช่นกัน เขารู้จักชูฮันมาเป็นเวลานานกว่าใครและนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นชูฮันได้รับบาดเจ็บ และก็เป็นบาดแผลรุนแรงด้วย เฉินช่าวเย่กำมัดแน่นอย่างโมโห หน้าตาตึงเครียดและเดือดดาล จากนั้นก็รายงานสถานการณ์แก่ชูฮัน “รายงานครับท่าน จัดการเรียบร้อยครับ!”