Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 549
ซูเฟิงที่วิ่งออกมาไกลพร้อมกับชูฮันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ท่านวางแผนจะจัดการกับมันยังไงครับ?”
เสียงฝีเท้าของชูฮันเดินตามร่องรอยบนพื้นไปเรื่อยๆ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆหากน่ากลัว “แน่นอนว่านายเป็นจัดการมัน ส่วนฉันจะรับผิดชอบเรื่องยิงปืนเอง”
แกร๊ก—–
เท้าของซูเฟิงหยุดชะงักทันที เขาหันไปมองชูฮันที่พูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อหู “ให้ผมเผชิญหน้ากับมันแล้วท่านซ่อนตัว?”
ชูฮันไม่หันไปมองซูเฟิงด้วยซ้ำ เขายังคงเดินตามหาร่องรอยของเฉินจีกวงต่อไป “นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 นายสามารถฆ่ามันได้”
“ไม่ ผมหมายถึง ท่านเก่งเรื่องการโจมตีไม่ใช่เหรอครับ?” ซูเฟิงรู้สึกสมองกลับ
“ใช่” ชูฮันพยักหน้าและอยากจะพูดต่อ หากจู่ๆเขาก็ก้าวเท้าไปด้านหน้า คิ้วขมวดเมื่อร่องรอยหายไปอย่างกระทันหัน และอุปสรรคขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“ไม่มีอะไรครับ” ซูเฟิงพบว่ามันไม่หนทางจะพูดต่อ เขามองไปรอบๆและอดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวลขึ้นมา “ซ้ายหรือขวา มันไปทางไหนกันแน่?”
พรึบ!
ชูฮันจับด้ามขวานซิ่วโหลในมือพร้อมกับน้ำเสียงระแวงและตื่นตัว “แยกกันไปคนละทาง นายไปซ้าย ฉันไปขวา อีกฝ่ายพึ่งไปไม่นาน เมื่อถนนมาบรรจบกันนั่นคือจุดนัดพบของเรา อย่าพึ่งเผชิญหน้ากับมัน รักษาความเร็วเอาไว้”
ซูเฟิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ครับ”
นอกเหนือจากวิธีที่ชูฮันพูด มันก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ทั้งสองรีบเคลื่อนย้ายไปตามเส้นทางที่แตกต่างกันของตัวเองทันที ซูเฟิงเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 ระดับสูงสุดซึ่งรวดเร็วกว่าชูฮันมาก แต่ชูฮันกลับจงใจเมินต่อความสามารถนี้ เขาจำเป็นต้องคงความเร็วเอาไว้ แม้จะไม่ชัดเจนแต่ซูเฟิงก็ปฏิบัติตามคำสั่งของชูฮัน
ชูฮันที่แยกจากซูเฟิงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะขยายพลังของเขาขึ้นไปถึงระดับสูงสุด ในขณะเดียวกันอาวุธหนักที่เขานำพามาด้วยก็ส่งผลอย่างมากต่อความเร็วของเขา จนในที่สุดเขาจึงจำต้องเก็บพวกมันไว้ในประตูมิติแทน
ครั้งนี้หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าของชูฮันก็โผล่ออกมาอย่างกระทันหันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ
กระต่ายสีขาวตัวใหญ่วิ่งอย่างรวดเร็วขนาบข้างไปกับชูฮัน “ชูฮัน ขึ้นมา!”
ชูฮันไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังของหวังไค อย่างเดียวที่ไม่ได้ทำงานหนักในสงครามครั้งนี้คือหวังไค ตั้งแต่การฆ่าฝูงซอมบี้ไปจนถึงการฆ่ากลุ่มลูกผสม หวังไคทำแต่เพียงดูอย่างเดียวเท่านั้น
มันรู้ว่าอาการบาดเจ็บของชูฮันนั้นไม่เบาเลยทีเดียว พวกซอมบี้ระดับสูงนั้นมีจำนวนหลายพันตัวและคนพวกนั้นก็ไม่สามารถรับมือไหวได้ ชูฮันเองก็ไม่สามารถวางมือได้และได้แต่พยายามกดความเจ็บและฝืนตัวเองเอาไว้ให้สู้ต่อไป หวังไครู้มานานแล้วชูฮันพยายามอดทนมานานแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะพละกำลังทางร่างกายที่เต็มเปี่ยมของชูฮัน คาดว่าเลือดของชูฮันคงไหลพรากหนักกว่านี้
ในตอนนี้ชูฮันกำลังทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างจริงจัง…การมาไล่ตามลูกผสมแบบนี้ มันคือวิกฤตแน่ๆถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งเจอกับลูกผสมก่อน หวังไคที่ไตร่ตรองเรื่องนี้ออกใช้พละกำลังทั้งหมดของตัวเองมุ่งหน้าวิ่งต่อไปอย่างรวดเร็ว
————-
ในขณะเดียวกัน เหนือป่าทึบ เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำบินไล่ตามกันมาทีละลำ ลำหน้าสุดคือลำของทีมลาดตระเวนที่ตามร่องรอยของซอมบี้มาตลอดเวลาหลายชั่วโมง หากพวกเขากลับไม่ได้อะไรเลย
เฮลิคอปเตอร์ที่ตามมาด้านหลัง 3 ลำเป็นกลุ่มทหารฝีมือดีที่สุดของค่ายเจียนอี๋ที่ถูกรวบรวมมา ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด แม้แต่ระยะต่ำที่สุดก็ยังเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 3 พวกเขาคือหน่วยรบพิเศษของค่ายเจียนอี๋ เป็นกำลังหลักของค่าย
ทุกคนมีอาวุธครบครันทุกคนสวมเสื้อกางเกงแขนขายาวด้วยผ้าหนาพิเศษ ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการขีดข่วนจากซอมบี้ มันเป็นผ้าหนาพิเศษ สำหรับคนที่มีความสามารถและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อป้องกันตัว
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องทำตามคำสั่งของท่านพลโทหลูอี๋เพื่อไปทำภารกิจช่วยเหลือท่านพลเอกชูฮันที่กำลังรับมือกับฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวและกลุ่มลูกผสมที่ไม่ทราบจำนวนอยู่ในภูเขา
ขณะนี้ทุกคนกำลังนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ในห้องโดยสารเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ทุกคนได้แต่มองไปรอบๆไม่หยุด ทุกคนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเหนื่อยล้าประกอบกับเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่ดังสนั่นจนน่าปวดหัว ทำให้หลายคนทนไม่ไหวจนระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุด
“ทีมลาดตระเวนผิดพลาดอะไรหรือเปล่า? ความจริงแล้วมันไม่มีซอมบี้เลยสักตัว?” บางคนเริ่มบ่น
“ผมว่าท่านพลเอกชูฮันและทหารของเขาน่าจะถูกฝูงซอมบี้ฆ่าไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเราถึงหาไม่เจอเลย?” บางคนหัวเราะเยาะและสาปแช่ง
“หุบปาก!” หลูอี๋ตะคอกใส่ “ถ้าเวลามันเหลือมากจนบ่นได้งั้นก็ลดตำแหน่งหน่อยดีกว่า แกตำแหน่งอะไรห้ะ?!”
ทุกคนต่างไม่พอใจกันทั้งนั้น หากคำบ่นของทุกคนถูกหลูอี๋หยุดไว้
“จำเป็นต้องตามหา? ผมคิดว่าสิ่งที่สมควรทำตอนนี้ก็คือติดต่อไปที่ค่ายซางจิง”
“นั่นแหละ เมื่อฉันติดต่อค่ายซางจิงไป มันก็จะสายเกินไปแล้วสำหรับการช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำของเราจะต้องกระจายตัวออกไปเพื่อช่วยชูฮัน”
“ถึงแม้ท่านจะหรือตือรือร้นที่จะช่วยพลเอกที่ไม่คู่ควรคนนั้น ท่านควรจะปล่อยพวกเราไว้ที่ค่าย ตอนนี้ในเมื่อเราไม่สามารถหาซอมบี้ได้เจอ ลูกผสมก็ไม่มีเลยสักตัว ทีมของชูฮันก็หาไม่เจอ ฉันคิดซอมบี้น่าจะจากไปนานแล้ว มันไม่มีแม้แต่กระดูกเหลือทิ้งไว้ด้วยซ้ำ”
“ใช่ แถมในกองทัพนั่นยังมีคนธรรมดามากกว่าครึ่งอีก”
“พวกเขามีวิวัฒนาการระยะ 6 และ 5 อยู่ด้วยใช่มั้ย?”
“วิวัฒนาการระยะสูงสองคนจะรับมือกับฝูงซอมบี้ถึง 20,000 ตัวได้ไหวยังไง? ไหนจะกลุ่มลูกผสมอีก? อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง!”
“ไม่ต้องพูดถึงพวกลูกผสมเลย ต่อให้รวมทหารทั้งค่ายของเราเข้าไปด้วย มันก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวได้ด้วยซ้ำ แล้วไหนจะลูกผสมอีก เหมือนให้เราไปตายชัดๆ?”
“ท่านพลโทหลูอี๋คงสับสน ในการจะช่วยพลเอกชูฮันโดยมันต้องมีกำลังสนับสนุนที่มากพอ เขาต้องใช้ทหารทั้งค่ายเลยด้วยซ้ำ ฉันได้ยินว่าพลตรีหยางหลินได้พาวิวัฒนาการระดับสูงเดินเท้าเข้าไปในภูเขา”
“ผลที่ได้คือแน่นอนว่าชีวิตของทุกคนต้องจบลง!”
มีเสียงโวยวายดังลั่นอย่างไม่พอใจอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำ กลุ่มคนพวกนี้เป็นทหารระดับสูงของค่ายเจียนอี๋กันหมด พวกเขาไม่มีใครพอใจที่ตอนนี้หลูอี๋กำลังพาพวกเขาไปตายชัดๆ
ในตอนนั้นเอง วิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น มันคือน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของหลูอี๋ “พบหรือไม่? พวกนายตามหามานานแค่ไหนแล้ว?”
“เห้อ!” เสียงถอนหายใจดังขึ้น หนึ่งในทีมลาดตระเวนกำลังจะตอบ—–
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงอุทานอย่างตกใจของคนหนึ่งดังขึ้นมา “มีควัน! มีควันหนามากที่สิบนาฬิกาด้านล่าง!”
ทุกคนตกใจ หลูอี๋พลันออกคำสั่งผ่านทางวิทยุสื่อสารทันที “เจ้าหน้าที่ทุกคนฟังคำสั่ง กองทัพของชูฮันอาจกำลังสู้อยู่กับซอมบี้ เตรียมตัวเข้าสู่การรบ!”
ฟรึบ!
เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีควันลอยหนาในอากาศทันที