Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 55 เธอนั่นเอง
ชูฮันอยากจะลากซางจิ่วตี้กลับมาด้วยมือตัวเอง ด้วยเพราะเขาขอให้เธอรอเขาอยู่ที่นี้ก่อนเพราะบรรยากาศรอบๆมันดูแปลกๆและประหลาด แต่เลาเสี่ยวเสียวเองก็กระโดดลงจากรถและตามซางจิ่วตี้เข้าไปด้วยกันพร้อมกับปืนไรเฟิลของเธอ เลาเสี่ยวเสียวดูกังวลขณะวิ่งเข้าไปในตึก
มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไม่ใช่เลาเสี่ยวเสียวเกลียดสิบสามมากเหรอ?
ชูฮันรู้สึกประหลาดใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่ความสงสัยของเขาก็เริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทัศนคติที่ผู้หญิงสองคนนั้นมีต่อสิบสามเป็นเรื่องแปลกมาก เขามองไปที่ตัวตึกอย่างระมัดระวัง มันดูมืดมนมากโดยเฉพาะเวลากลางคืนเช่นนี้ ดวงจันทร์ที่แต้มสีแดงสามารถมองเห็นได้เหนือหลังคา ให้ความรู้สึกถึงราวกับสถานที่แห่งความตาย
เลือดสีดำที่สาดกระเซ็น รวมตัวกันเป็นรูปทรงแปลกๆ ขณะที่กิ่งก้านของต้นไม้ที่ตายแล้วแผ่เรียงรายอยู่บนกำแพงยิ่งทำให้สถานที่นี้ยิ่งดูน่าขนลุกขึ้นไปอีก ทุกๆส่วนของที่นี่แปลกไปหมด
เฉินช่าวเย่ขับรถไปจอดตรงทางออกฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวังตามคำสั่งของชูฮัน เขาคิดเสมอว่ามันมีอะไรผิดปกติในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาจะได้หนีออกไปได้เร็วที่สุด
“ไปกัน!” ชูฮันพูดกับเฉินช่าวเย่อย่างเบาๆขณะเดินนำหน้าไปพร้อมกับขวาน
ซางจิ่วตี้และเลาเสี่ยวเสียวเข้าไปข้างในแล้ว ชูฮันและเฉินช่าวเย่รีบเข้าไปหาพวกเธอทันทีขณะใช้ไฟฉายในมือส่องทางหาไปด้วย มันมีห้องโถงโล่งๆและแผนที่ที่มีสีสันอยู่บนพื้น เศษเนื้อเน่ากระจายอยู่รอบๆ ยากที่จะแยกแยะออกได้ เก้าอี้และโต๊ะต่างๆกระจายไปทั่วทุกจุด และมีขาไม้ของโต๊ะตัวหนึ่งหัก
มีอะไรบางอย่างสีดำติดอยู่บนกำแพง เขาแยกไม่ออกว่ามันเป็นเลือดของคนหรือของซอมบี้กันแน่ มีพวกของเล่นอยู่ตรงมุมผนัง ขณะที่ตุ๊กตาสีขาวตัวหนึ่งกลับโชกไปด้วยเลือด
มันไม่มีทั้งซอมบี้หรือคนอยู่ในนี้ หากดูจากสภาพของห้องโถง แสดงให้เห็นว่ามีร่องรอยของการต่อสู้รุนแรง ต่อมา ชูฮันและเฉินช่าวเย่รีบขึ้นไปยังชั้นสองทันที สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้มีขนาดเล็กมากที่ว่ามันมีแค่สองชั้นเท่านั้น ห้องต่างๆจะอยู่บนชั้นสอง และถ้ามันมีเสียงอะไรก็ตามดังขึ้นพวกเขาจะได้ยินชัดแน่นอน หากทว่ามันกลับเงียบสนิท
มันดูว่างเปล่า ราวกับผู้หญิงสองคนนั้นหายตัวไปในอากาศ
โถงทางเดินบนชั้นสองมืดสนิทไร้แสงใดๆ มีห้องขนาดใหญ่สองห้องตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง ภายในห้องมีเตียงสองชั้นวางเรียงเต็มห้อง มันน่าจะเป็นเตียงนอนของเหล่าเด็กกำพร้า หากตอนนี้มันกลับเละเทะและสกปรก เลือดกระจายเลอะเต็มบนฟูกนอน ชูฮันเห็นกระดูกนิ้วเท้าบนเตียงนอนซึ่งมันน่าจะเป็นกระดูกของเด็กอายุประมาณ8ขวบ
มันคือเด็กที่ถูกซอมบี้กิน….
ชูฮันใช้ไฟฉายส่องตรวจดูรอบๆห้องและเดินต่อไปเมื่อเขาเห็นแล้วว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจ จนเดินมาจนถึงหน้าห้องของห้องสุดท้าย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับห้องนี้แต่มันไม่มีใครอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้เลย แต่เขาเห็นเต็มๆตาว่าซางจิ่วตี้และเลาเสี่ยวเสียววิ่งเข้ามาในตึกนี้ เพราะฉะนั้นพวกเธอควรจะอยู่ที่นี้สิ
แต่…ทำไมพวกเธอถึงไม่ส่งเสียงอะไรเลย?
ชูฮันหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ความระมัดระวังของเขาทำให้เฉินช่าวเย่เริ่มกังวล หัวใจของเขาเต้นรัวมากกว่า200ครั้งต่อนาที
“หัวหน้า? พวกเขาถูกกัดเหรอ?” คำพูดของเฉินช่าวเย่หยุดชะงักชูฮันที่กำลังจะเปิดประตูออก
“โดนกัด? ใครกัด?” ชูฮันคิดว่าความคิดของเขาไม่ได้ไปทางเดียวกับเฉินช่าวเย่
เฉินช่าวเย่กลืนน้ำลายพร้อมกับจ้องไปที่ประตู เขาไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอีกด้วยเพราะเขารู้สึกว่าเสียงเขามันดังกังวานและดูน่าขนลุกภายในสถานที่ๆเงียบสนิทแบบนี้
แอ๊ด!
ลูกบิดประตูถูกบิด
ร่างอ้วนๆของเฉินช่าวเย่สั่นถึง3ครั้งเมื่อได้ยินเสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา
ชูฮันเดินเข้าไปในห้อง
เฉินช่าวเย่มองไปที่เงาของชูฮัน จากนั้นก็มองไปที่บรรยากาศโดยรอบที่ดูน่าขนลุกและตัดสินใจเดินตามชูฮันเข้าไปทันทีเพราะเขารู้สึกปลอดภัยกว่าที่จะอยู่กับหัวหน้าของเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แสงของดวงจัทร์ที่มีเฉดสีแดงส่องผ่านมาทางหน้าต่าง และถูกสะท้อนขึ้นโดยพื้นอิฐใสบนพื้น
ในห้องทั้งมืด ใหญ่และรก ของทุกอย่างกระจัดกระจายไปทั่วหากมันกลับดูสะอาดกว่าที่อื่นในตึกนี้
มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงข้ามกับเขาที่ดูเป็นของเก่าและเริ่มโทรม
มีกองเอกสารและหนังสือต่างๆตั้งอยู่ พร้อมกับมีตู้ชั้นวางสูงสองตู้วางอยู่ตรงกำแพงทั้งสองฝั่ง
ม่านสีขาวที่ถูกรื้อออก วางกองอยู่บนพื้น
ชูฮันรีบปิดไฟฉายในมือพร้อมกับมองบรรยากาศรอบๆอย่างเงียบๆ
“อ๊ายยยยย! ผี! ผี! ผี!” เฉินช่าวเย่ตะโดนออกมาอย่างดังด้วยความกลัวเมื่อเข้าไปในห้องขณะที่หลบอยู่หลังชูฮัน
ชูฮันกรอกตาใส่เฉินช่าวเย่ มันมีแค่ซอมบี้กับคน ไม่มีผีซะหน่อย
“หุบปาก!” เลาเสี่ยวเสียวจ้องไปที่เฉินช่าวเย่และด่าออกมา “อย่าตะโกนสิวะ!”
ซางจิ่วตี้เองก็จ้องไปที่เฉินช่าเย่ด้วยความกังวล
นั่นเป็นผู้หญิงหรือซอมบี้หญิงกันแน่?
เธอคนนั้นสวมชุดสีขาวเช่นเดียวกับผิวของเธอที่ขาวใสเหลือเกิน เท้าเล็กๆของเธอดูสวยงามมากขณะกำลังนั่งงอเข่าอยู่บนพื้น หลังบางๆของเธอนั่งผิงไปกับโต๊ะทำงาน
ผมยาวประเอวสีดำยาวคลุมไปทั่วร่างของเธอขณะก้มหน้า ฝังหน้าลงไปบนเข่า
แขนของเธอโอบรอบเข่าไว้เพื่อปิดหน้าตัวเอง มีของเหลวบางอย่างไหลหยดจากมือเธอ ขณะที่มันมีกองเลือดอยู่ข้างๆ
มันเป็นเลือดสีดำ
ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเน่าจนมองไม่เห็นผิวมือของเธอ
ตาของชูฮันจ้องไปที่ฝ่ามือของเธอเป็นเวลานานพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ผิวของเธอนั้นขาวมากและมันดูซีดเหลือเกิน แสงในห้องมีไม่พอ เขาจึงดูไม่ออกว่าเธอเป็นคนหรือซอมบี้กันแน่
“สิบสาม?” ทันใดนั้น ซางจิ่วตี้ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มันเป็นครั้งแรกที่ชูฮันได้ยินที่นุ่มนวลแบบนั้นจากซางจิ่วตี้ “คุณจะมากับเรามั้ย?”
จู่ๆผู้หญิงที่อยู่ในชุดสีขาวก็ขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงของซางจิ่วตี้
นิ้วของเธอเริ่มขยับ
เฉินช่าวเย่ตื่นตัวขึ้นมายามที่เห็นเธอเริ่มขยับตัว ท่าทางของเธอดูราวกับเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปี มันดูเงอะงะราวกับท่าทางของซอมบี้
ผู้หญิงในชุดสีขาวขยับตัวอีกครั้งก่อนที่เฉินช่าวเย่จะตอบโต้อะไร…มันไม่ใช่เครื่องจักร เธอส่ายหัวเบาๆทำให้ผมยาวสวยของเธอไสวไปมาเป็นคลื่น มันเป็นความงามตามธรรมชาติที่แท้จริง
เด็กผู้หญิงตรงหน้าพวกเขาคือสิบสามงั้น?
ชูฮันแปลกใจมาก เขาเรียกเธอว่าเด็กสาวเพราะเธอดูยังเด็กอยู่ เธอน่าจะอายุประมาณ 17 ปี เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดียวไม่มีคนอื่นอยู่กับเธอ ความเมตตาและสงสารจู่โจมเขาทันที
“ไม่งั้นเหรอ?” ซางจิ่วตี้หน้าเจื่อนขึ้นมายามมองไปที่ชูฮัน พร้อมกับเดินไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อจะเกลี้ยกล่อมสิบสามอีกครั้ง
การกระทำของซางจิ่วตี้กระตุ้นสิบสามอย่างรุนแรง เธอเงยหน้าขึ้นมาราวกับมีบางคนบุกเข้ามาในเขตของเธอ ตาของเธอดูเหน็บหนาวและน้ำเสียงก็เย็นจัด
“ออกไป!”
ชูฮันมองไปที่ใบหน้าสวยงามนั่นยามที่เธอเงยหน้าขึ้นมา ร่างทั้งร่างของเขาสั่นเทา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!
ทำไมมันถึงกลายเป็นเธอ?
มันเป็นเธอนั่นเอง!