Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 559
หยางหลินรีบพากลุ่มทหารตามมาหาหลูอี๋ เขาจัดการให้คนไปทำความสะอาดทันทีโดยไม่พูดหรือถามอะไรทั้งนั้น คนกลุ่มต่อไปที่มาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่วนกลับไปรับใหม่ก็ทยอยมาถึงเรื่อยๆจนกระทั่งมากันหมดทั้งค่ายเจียนอี๋ ทุกคนได้ช่วยงานทำความสะอาดหลังสงครามจบกันหมด หลายคนพยายามทำหัวให้โล่ง ขบคิดหาคำตอบแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากการทำความสะอาดเรียบร้อยลงและพวกเขากลับมาถึงค่ายเจียนอี๋แล้ว หลายคนคันปากอยากจะถามเหลือกเกิน พวกเขารู้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าหายไป เพราะพวกเขาไม่เห็นใครเลยสักคน พวกเขารู้เพียงอย่างเดียวคือมันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและน่าตกใจหลังจากที่พวกเขาไปถึงสนามรบ!
หลังจากพวกเขามาถึงจุดหมาย ทุกคนเข้าร่วมการทำความสะอาดสนามรบกันหมด ชูฮันและกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่ได้รู้เรื่องราวนี้แต่ถึงพวกเขารู้พวกเขาก็คงไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น พวกเขาได้เดินทางไปไกลแล้ว และเริ่มเข้าใกล้ค่ายเขี้ยวหมาป่าขึ้นไปทุกขณะ ตอนนี้อารมณ์ของการได้กลับถึงบ้านเริ่มกระตุ้นทุกคนหนักขึ้น ท่านพลเอกชูฮันพูดอย่างชัดเจน ว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าคือบ้านของพวกเขา!
เส้นทางเหลือเพียงอีกแค่ห้าวันเท่านั้นก็จะเดินทางถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า ไม่มีอันตรายข้างหน้า จิตใจของทุกคนเริ่มผ่อนคลายและสบายใจ ระหว่างทางพวกเขาพูดคุยสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะให้ได้ยินตลอดทาง กำลังใจของทุกคนก็สูงขึ้นเช่นกัน
“เฮ้ เฮ้ โอ้! หัวหน้านี่น่าทึ่งมาก!” เฉินช่าวเย่ที่หาคำพูดไม่เจอ เขาเดินอยู่ข้างหลิวยู่ติง “หัวหน้าไม่ปล่อยให้หลูอี๋พูดอะไรเลย!”
“ใช่ นายก็มียศเดียวกับหลูอี๋ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจะพูดต่อหน้านายมากมาย แต่นายไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น” หลิวยู่ติงมีสายตาไม่พอใจ
เฉินช่าวเย่กรอกตา “นั่นก็เพราะว่าฉันรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก มันเหมือนกับว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“นายไม่รู้อะไรเลย ฉันกำลังถ่วงเวลาเพื่อรอให้ท่านพลเอกกลับมาต่างหาก!” หลิวยู่ติงตะลึงกับความเข้าใจของเฉินช่าวเย่
“เฮอะ ความสามารถไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความสามารถ หาข้ออ้างแก้ตัวมากมาย!” เฉินช่าวเย่ไม่กลัว เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฏระเบียบทหารสักหน่อย
ขณะที่เหล่าสมาชิกของกองทัพเขี้ยวมหาป่ากำลังเดินทางพร้อมกับพูดคุยหัวเราะกันไปด้วย หลูอี๋ที่พึ่งกลับมาถึงค่ายเจียนอี๋กำลังวุ่นวาย สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้สามารถนำมาเขียนเป็นนิยายได้เลย อารมณ์ของเขานั้นพลุ่งพล่านยิ่งกว่า จากที่มันเคยคงที่มาตลอด ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงอย่างมาก
“เร็วเข้า เอาจดหมายที่ฉันสั่งให้เอาไปส่งให้ซางจิงก่อนหน้านี้มาเร็ว!” หลูอี๋ ที่พึ่งกลับมาถึงค่ายเจียนอี๋ตามหาคนสนิทของเขาทันที
“นี่ครับ ผมปิดผนึกเรียบร้อย ให้ส่งไปตอนนี้เลยมั้ยครับ?” คนสนิทของหลูอี๋รีบปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เอามา!” หลูอี๋คว้าจดหมายนั้นมาฉีกทิ้งกระจาย จากนั้นเขาก็คว้าปากกาขึ้นมาและเริ่มเขียนลงในกระดาษแผ่นใหม่ ยิ่งเขียนมากเท่าไหร่ แก้มของหลูอี๋ก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆด้วยความตื่นเต้น คนสนิทที่อยู่ข้างๆไม่เข้าใจสีหน้าที่แสดงออกมาของหลูอี๋ ทำไมดูตื่นเต้น? พวกเราถูกชูฮันสั่งให้ทำความสะอาดสนามรบทั้งหมด ท่านควรจะโกรธและไม่พอใจไม่ใช่เหรอ?
โอ้ ใช่ มันควรจะแดงก่ำ เพราะท่านน่าจะกำลังระบายความโกรธทั้งหมดเกี่ยวกับชูฮันจนหน้าดำหน้าแดง!
แต่
“ท่านพลโทครับ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าการใช้คำพูดไม่ดีเกี่ยวกับท่านพลเอกดูจะไม่ดีเท่าไหร่นะครับ” จู่ๆหยางหลินก็เอ่ยเตือนขึ้นมา
เขาเข้าใจถึงอารมณ์ของหลูอี๋ ไม่เพียงแค่จะโดนชูฮันปล้นทรัพยากรไปแต่ยังกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของชูฮันอย่างกระทันหัน ไม่แปลกใจที่หลูอี๋จะโกรธจัด แต่ครั้งนี้สงครามได้จบล
ไปแล้ว ชูฮันบอกว่าคนที่ซางจิงจะโทษว่ามันเป็นความผิดของหลูอี๋แทนด้วยซ้ำเพราะถึงอย่างไรแล้วชูฮันก็ได้ทำคุณงามความดีขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรไม่ดี ในรายงานก่อนหน้านี้ฉันก็เขียนไปอย่างซื่อสัตย์ ฉันจะใส่ทั้งหมดที่รู้ลงไปในจดหมาย!” หลูอี๋จ้องหน้าหยางหลินจากนั้นก็ก้มลงไปเขียนต่อด้วยท่าทางตื่นเต้น ไม่นานหลังจากนั้น แผนที่คร่าวๆ รายละเอียด แผนการทุกอย่างของสงครามกลางภูเขาก็เสร็จสมบูรณ์
หลูอี๋ไม่ได้ถูกครอบงำด้วยความโกรธ เขาเขียนไม่ดีถึงชูฮัน หากสาเหตุที่เขาตื่นเต้นก็เพราะเมื่อตอนที่เขาทำความสะอาดสนามรบ เขาก็เข้าใจทั้งกระบวนการและกลยุทธ์ของสงครามกลางภูเขา!
ในขณะเดียวกันเขาก็เดาว่าชูฮันจงใจให้เขาอยู่ทำความสะอาดสนามรบ เพราะต้องการให้เขาเข้าใจกระบวนการทุกอย่างด้วยตัวเอง?
จากร่องรอยที่สนามรบสำหรับใช้ฆ่าซอมบี้ไปจนถึงกับดักที่วางไว้ที่สนามรบหลักสำหรับใช้จัดการพวกลูกผสม และจุดตำแหน่งที่จัดวางไว้ แต่ละอย่างนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นจุดสำคัญทั้งหมด โดยความเป็นชูฮันแล้ว เขาไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรของตัวเองไว้เลย แต่นี่ชูฮันจงใจทิ้งไว้เพื่อให้เขาได้เห็นทุกอย่างด้วยตัวเอง
ชูฮัน ผู้ชายคนนี้กำลังอวด!
อวดความสามารถของเขา อวดกลยุทธ์ของเขา อวดรูปร่างหน้าตาของเขาว่าเหนือกว่าหลูอี๋ในทุกด้าน!
ดังนั้นตอนนี้หลูอี๋จึงยิ่งทั้งตื่นเต้นและชื่นชม เขาเขียนบรรยายทุกอย่างอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ขณะอีกใจหนึ่งเขาก็แทบจะกระอักเลือดอยู่ในอก หากอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ทั้งเกลียดและชื่นชมชูฮันไปในเวลาเดียวกันได้ เขารู้สึกอารมณ์ขึ้นๆลงๆ มันกำลังจะทรมานเขาจนเป็นบ้า
ชูฮันเป็นพ่อมด!
โชคร้าย ที่เขาพรากความรักตั้งแต่วัยเด็กของเขาไป…
ชูฮันเป็นผู้บัญชาการรบระดับเทพ!
โชคร้าย ที่เขาพรากความรักตั้งแต่วัยเด็กของเขาไป…
ชูฮันได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อขึ้น!
โชคร้าย ที่เขาพรากความรักตั้งแต่วัยเด็กของเขาไป…
พ้ะ!
หลูอี๋กระแทกปากกาลงอย่างโมโห เขาวางกระดาษที่เขียนรายงานลง ซึ่งมันคนละเรื่องราวกับรายงานก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยคำพูดไม่ดีเกี่ยวกับชูฮันมากมาย เขาปิดผนึกรายงานชุดใหม่เรียบร้อยและส่งมอบให้คนสนิท
“เอาเฮลิคอปเตอร์ไป มั่นใจว่าส่งมอบให้ถึงเลาหมิงหรือผู้บัญชาการมู๋เท่านั้น!”
“อ่าาา…” ร้อยโทคนสนิทพนักหน้ารับ “ครับท่าน!”
การส่งจดหมายด่วนนั้นถูกส่งไปถึงซางจิงภายในวันเดียวกัน ในตอนเย็นผู้บัญชาการมู๋ได้ทำสำเนารายงานสงครามหลายฉบับจากที่หลูอี๋เขียนส่งมาและแจกจ่ายมันไปยังเหล่าทหารระดับสูงทั้งหลาย
ในเย็นวันเดียวกัน ความช็อค เสียงอุทาน เสียงตกใจ ความวุ่นวายต่างได้ระเบิดไปทั่วซางจิงตลอดค่ำคืน
สงครามกลางภูเขานั้นถูกนำมาหารือในโต๊ะกลมของห้องประชุมในซางจิง ข่าวที่น่าตกใจเหมือนรังสีรุนแรงที่แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว มันทั้งน่าตกใจ ไม่น่าเชื่อ และน่าหวาดกลัว เหล่าคนที่ได้ยินเรื่องราวยิ่งกระตือรือร้นและแพร่สะพัดมันไปทั่วค่ายหลักต่างๆ พวกเขาพูดคุยหารือเกี่ยวกับสงครามกลางภูเขากันไม่หยุด
ในโลกาวินาศมันไม่มีข้อมูลอะไรมากมายให้เป็นข่าวสารให้ผู้คนสนใจและพูดถึง มันไม่มีอุปกรณ์ความบันเทิงเพื่อสนองอารมร์ของผู้คน ดังนั้นการปรากฏของสงครามกลางภูเขาจึงกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงและดึงดูดผู้คนที่สุดในโลกาวินาศ ชูฮันยิ่งกลายเป็นที่จับตามองของทุกคนหนักขึ้นไปอีก
การเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนี้!
ไม่ว่าจะที่ไหน ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกคนมักจะพูดถึงเกี่ยวกับการต่อสู้ในสงครามกลางภูเขาและกองทัพเขี้ยวหมาป่า เช่นเดียวกับพลเอกชูฮัน
ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่ากลายเป็นที่รู้จักของทั่วทั้งจีนแล้ว!