Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 564
“โอ้ หือ?” เหลาเกาหัวเราะด้วยเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ทันใดนั้นก็เบิกตากว้างจ้องไปที่ชูฮันอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน นิ้วเล็กๆป้อมๆที่กำลังสั่นๆยกขึ้นมาชี้เข้าที่จมูกตัวเอง “ผม?”
“ใช่ คุณ” ชูฮันพยักหน้ารับโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
คนอื่นๆในห้องต่างก็มีปฏิกิริยาตกใจไม่ต่างกับเหลาเกา ทุกคนมีสายตาเป็นกังวล พวกเขารู้ว่าเหลาเกาเป็นคนกลุ่มแรกของค่ายเขี้ยวหมาป่า อยู่มาก่อนที่ชูฮันจะเข้ามาเป็นผู้นำของค่ายเขี้ยวหมาป่าแทนหยางเทียนซะอีก แต่เหลาเกาไม่มีการติดต่อใดๆชูฮันเลย และนอกเหนือจากการเพาะปลูกและไม่มีความสามารถอื่นๆอีก เหลาเกายังเป็นคนขี้ขโมย ทั้งยังแก่เกินไปสำหรับงานที่สำคัญเช่นนี้
ครั้งนี้สำหรับการกลับมาของชูฮันน ที่เหลาเกาได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมการประชุมนั่นก็เพราะว่าคุณความดีที่ที่เหลาเกาได้ทำต่อค่ายเขี้ยวหมาป่ามหาศาล และความจริงแล้วที่เหลาเกายอมมาก็เพราะว่าคิดถึงของกินในหัวเท่านั้น
แต่แล้วชูฮันกลับมอบตำแหน่งสูงให้ทันทีที่เหลาเกามา?
เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและสับสนของทุกคน ชูฮันก็ทำเพียงแค่ยิ้มและมองไปที่เหลาเกา “อายุ 40 ปี? หรือ 55?”
“55 ครับ” เหลาเกาตอบ
“จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาเกษตรศาสตร์ของจีน และดูเหมือนว่างานวิจัยบางตัวก็ได้รับรางวัลระดับนานาชาติเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ชื่อนั่นไม่ตรงกับคุณ คนที่ยอมละทิ้งอนาคตทุกอย่างและย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่เมืองอันลู” ชูฮันพูดท่ามกลางในห้องประชุมโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า “คนคนนั้นใช่คุณรึเปล่า?”
พรึบ!
ตาของทุกคนหันไปจับจ้องที่เหลาเกากันทันที แววตาของทุกคนประกายจ้าด้วยความตกใจ
ตัวเหลาเกาเองก็ตะลึงเหมือนกัน มองไปที่ชูฮันด้วยสายตาหวาดกลัว โลกาวินาศปะทุออกมาโดยไร้สัญญาณเตือน ข้อมูลของทุกคนถูกล็อคไว้ในห้องสมุดเก็บของมูลแบบอิเล็คทรอนิกส์ ตอนนี้ทุกอย่างก็เหมือนการเกิดใหม่ คนส่วนใหญ่ละทิ้งทุกอย่างไว้ในอดีตและเริ่มต้นขึ้นใหม่
แต่แล้วเรื่องราวที่มากกว่าสิบปีที่แล้ว ชูฮันรู้ได้ยังไงกัน?
“อย่าถามว่าฉันรู้ได้ยังไง?” ชูฮันยิ้มบางๆ “ในอนาคตแผนกโลจิสติกส์จะถูกส่งมอบให้คุณเป็นผู้ดูแล”
“เอ่อ ครับ” ในเวลานี้ เหลาเกาไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งนั้น นอกเหนือจากความช็อค
“เรื่องต่อไป ซูชิงจะรายงานเรื่องการก่อสร้างของค่าย” ไม่ปล่อยเวลาให้ทุกคนได้หายใจ ชูฮันก็รีบเปลี่ยนไปที่หัวข้อต่อไปทันที
ชูฮันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวเหลาเกา ทั้งหมดที่พูดนั่นคือสิ่งที่เขารู้ ความจริงแล้วเหลาเกาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในชาติที่แล้ว เขาโด่งดังในเรื่องการผลิตอาหาร มันเทศกลายพันธุ์และเหล่าโภชนาการต่างๆ คุณค่าทั้งอาหารที่เขาผลิตนั้นสูงอย่างมาก ให้พลังงานแก่ร่างกายสูงและยังรสชาติอร่อย หลังจากเหลาเกามีชื่อเสียง เขาก็ตอบโต้เหล่าคนที่เคยกีดกันเขาทันที ในตอนนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เล็กๆ เพราะงั้นการที่ชูฮันจะรู้เรื่องราวของเหลาเกาจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
ขณะปล่อยให้เหลาเกาได้พัฒนาค่ายเขี้ยวหมาป่าของเขาไป ชูฮันเองก็มีความคิดในหัวของตัวเอง เหลาเกายังต้องพัฒนาอีกมากและมันไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ ส่วนเรื่องการขโมยอาหารกินนั้นไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเฉินช่าวเย่ขโมยมากกว่าเหลาเกาเยอะ ถ้าคุณมีคนที่มีความสามารถอยู่ในมือ คุณควรสนับสนุนคนพวกนั้นให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญและให้พวกเขาได้แสดงฝีมือตัวเองอย่างเต็มที่
“ผมมีปัญหาตรงนี้เยอะมาก หัวหน้า หัวหน้าต้องช่วยผม กำลังพลของเราไม่เพียงพอ เรานำทหารจากกองทัพเขี้ยวหมาป่ามาใช้ด้วยได้มั้ย?” ซูชิงเริ่มลากยาวทันทีที่มีโอกาสพูด “ค่ายแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นหลัก มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ มันไม่สามารถซ่อมแซมได้ การป้องกันระดับนี้ไม่ต้องพูดถึงลูกผสมเลย แค่ซอมบี้มันก็ป้องกันไม่ได้แล้ว”
“อย่าพูดเกินจริงเหมือนมันจะมีซอมบี้ 100,000 ตัวโจมตีที่ค่ายเรางั้นแหละ!” หยางเทียนที่ทนไม่ไหวตะโกนขึ้นมาอย่างโมโห
“มีซอมบี้กี่ตัวในเมืองอันลูกัน? คุณกำลังพูดอะไร?” ซูชิงพูดขัดคำของหยางเทียน
ชูฮันยกมือขึ้นเป็นสัญญาณห้ามทั้งคู่ไม่ให้ทะเลาะกัน หลังจากเงียบอยู่ประมาณสองวินาที เขาก็มองหน้าซูชิง “นี่คือโครงร่างที่วาดไว้ใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ครับ เอ่อ!” ซูชิงอยากจะร้องไห้ออกมา “แบบร่างจะต้องรวมเข้ากับการตรวจสอบพื้นที่ทางภูมิศาตสตร์ก่อนที่จะออกแบบได้ ตอนนี้ทางค่ายไม่มีกำลังคนมาช่วยผมทำการตรวจสอบเลย ผมทำได้แค่ตัวคนเดียวเท่านั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมันยังไม่เสร็จเลยครับ”
ชูฮันใช้มือแตะปลายคางอย่างพยายามใช้ความคิด จากนั้นก็พูดขึ้น “วันพรุ่งนี้นายขึ้นไปทางเหนือของแม่น้ำและตามหาเรือ พาคนที่อยู่ในเรือกลับมาที่นี่”
“อ่า.” ซูชิงตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและถาม “ผม? แม่ง! ให้ผมเป็นคนไปพามา?”
“ใช่ นายนั่นแหละ” ชูฮันยิ้ม ในตอนนั้นนอกเหนือจากหวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชองชูฮันและกำลังเลียเมล็ดแตงโมอยู่ ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าทำไมชูฮันถึงตัดสินใจแบบนี้
บนเรือในแม่น้ำ ชูฮันปล่อยให้หวังชื่อชรงและคนอื่นๆในเรือทำการตรวจสอบทั่วทั้งแม่น้ำ เวลาผ่านล่วงเลยมาเป็นเวลาหลายเดือน พวกเขาสามารถช่วยซูชิงทำการตรวจสอบพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้ พวกเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และก็น่าจะคุ้นเคยกับงานอย่างนี้ดี
“เอ่อ” ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของชูฮันได้ ซูชิงเองก็ได้แต่ยอมรับ
ขณะนี้ ซูชิงที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะได้ผู้ช่วยที่มีความสามารถจำนวนหนึ่ง เขาค่อนข้างหัวเสียและไม่พอใจที่ตัวเองเหมือนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต่างอะไรกับลูกบอลแฟบๆ ตอนนี้เขารู้สึกเสียดายอย่างมาก ในตอนนี้ที่ตัวเขามีทักษะความสามารถอย่างสมบูรณ์แบบแต่กลับไม่สามารถนำมันไปใช้ได้ ไม่แม้แต่จะสามารถพูดออกมาได้
“เจียงโจว” จู่ๆชูฮันก็มองไปที่เจียงโจวที่ยังไม่เคยปริปากพูดเลยตั้งแต่ชูฮันเข้ามา “ฉันเห็นสิ่งที่นายทำแล้ว นายสร้างมันเองเหรอ?”
เจียงโจวค่อนข้างตื่นเต้น เนื้อตัวสั่นและพูดติดอ่าง “หัวหน้า หัวหน้าพูดแบบนี้แสดงว่าของพวกนั้นมีประโยชน์ใช่มั้ยครับ? ผมทำสิ่งที่มีประโยชน์ใช่มั้ยครับ?”
ช่วยได้มั้ยเหรอ?
แววตาของชูฮันเป็นประกายและยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ “แน่นอน ช่วยได้มาก!”
บทสนทนาลึกลับที่ผู้พูดเข้าใจกันอยู่เพียงสองคนทำให้ทุกคนในห้องเต็มไปด้วยความกังวล เจียงโจวเป็นนักเคมี ทุกคนรู้ว่าเขาพึ่งมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าได้ไม่นานและส่งมอบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือจากชูฮันให้กับซางจิ่วตี้ และเจียงโจวก็ได้บ้านพักแยกตัวคนเดียวไปทันที ซึ่งเป็นส่วนที่ปลอดภัยที่สุดรองเพียงแค่บ้านพักของหยวนซีเย ไม่เพียงแค่นั้น หยางเทียนก็ยังถูกส่งเข้าไปในตัวเมืองอันลูเพื่อจัดหาอุปกรณ์จำนวนมากให้เจียงโจวสำหรับการวิจัยบางอย่าง
แม้แต่คนในค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ยังต้องเข้าไปในป่าลึกทุกวันเพื่อตามมาหาพันธุ์ไม้พิเศษที่ขึ้นเป็นพุ่มและมีกลิ่นเหม็นซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกาวินาศ ทุกคนเรียกมันว่า เถาวัลย์เหม็น มันมีรูปร่างเหมือนเถาวัลย์และมีกลิ่นเหม็น พวกมันถูกตัดเป็นกองจำนวนมากและถูกขนเข้าไปในห้องแล็บของเจียงโจวแทบทุกวัน
พูดได้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของค่ายเขี้ยวหมาป่าต่างทำงานให้เจียงโจว แต่เจียงโจวกำลังศึกษาอะไรอยู่และทำไมเขาถึงต้องการวัตถุดิบแปลกประหลาดนี้เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัย?
ใครสามารถบอกพวกเขาได้?