Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 566
ขณะที่เหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในค่ายแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมากัน ทำให้เหล่าคนที่ไม่ชอบกองทัพเขี้ยวหมาป่าตั้งแต่แรกแล้วก็เริ่มแสดงตัวออกมา แม้กระทั่งเหล่าผู้รอดชีวิตในค่ายก็เริ่มรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล
ในค่ายมีประชากรทั้งหมดกี่คน? ถึงแม้มันจะเป็นค่ายขนาดเล็กเมื่อหกเดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้จำนวนประชากรนั้นเติบโตเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 10,000 คนในระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา และปริมาณของมนุษย์สายพันธุ์นั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนที่รวมตัวกันอย่างกระทันหันต่อต้านกองทัพเขี้ยวหมาป่านั่นมีจำนวนค่อนข้างมากเลยทีเดียว และพวกเขาดูเหมือนพร้อมจะเข้ามาปะทะกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้ทุกเมื่อด้วย
เสียงดังโวยวายเริ่มดังไล่หลังมาเรื่อยๆ ขณะที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังคงยืนเงียบสนิทเหมือนเดิมไม่ขยับไปไหน หากพลังผันผวนและอำนาจที่แผ่กระจายออกมาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิด ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาคนพวกนี้ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาฆ่าซอมบี้ไม่กี่พันกี่หมื่นตัวแล้ว
ซูเฟิงมองไปที่สถานการณ์ตรงหน้าที่เริ่มจะยากจะควบคุมขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะนิ่วหน้าหันไปถามกูเหลียงเฉิน “เฮ้ ในเมื่อนายหัวดีนัก ตอนนี้เราจะทำยังไงล่ะ?”
กูเหลียงเฉินที่จะอยากจะตาบอดไปซะเดี๋ยวนี้ นี่มันจุดจบของสถานการณ์ที่เหนือการควบคุมแล้ว
“นี่ไม่ใช่อะไรที่เราจะควบคุมได้แล้ว เรารอให้ท่านพลเอกมากันเถอะ” กูเหลียงเฉินที่คิดทบทวนแล้วพูดขึ้น
แม้เขาจะยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะล้มเลิกสิ่งที่เขาถูกสั่งให้มาทำจากนายจ้างหรือแสร้งทำเป็นไม่เห็นโอกาสที่จะลงมือ แต่กูเหลียงเฉินยอมรับกับตัวเองได้เลยว่าเขาเชื่อใจและนับถือชูฮันอย่างที่สุด แม้มันจะดูไม่สมเหตุสมผล แต่เขารู้สึกว่าต่อให้สถานการณ์ข้างหน้ารุนแรงจนเกินจะรับมือไหว ขนาดไหน ชูฮันก็ยังสามารถพลิกสถานการณ์ได้อยู่ดี
เมื่อกูเหลียงเฉินซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเจ้าหน้าที่ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเอ่ยมาเช่นกัน ที่เหลือของทั้งกองทัพจึงไม่เป็นกังวลอีกต่อไป พวกเขายืนนิ่งตรงอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
กลุ่มคนต่อต้านที่ยืนตรงข้ามกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า ตะโกนโวยวายด่าทอไม่หยุดจนเริ่มเหนื่อย ในที่สุดเสียงก็เริ่มแผ่วลงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?
พักดื่มน้ำก่อนสักพักละกัน
ขณะที่กลุ่มคนต่อต้านเริ่มสงบลงและได้ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า จู่ๆประตูทางเข้าภายในค่ายที่อยู่ด้านหลังของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ถูกเปิดออก
แอ็ด——
ประตูที่ไม่ได้แข็งแรงมากอย่างที่ซูชิงพูดถูกเปิดออก แสงแดดในตอนเช้าลอดผ่านเข้ามากระทบหน้าของคนที่กำลังเดินออกมา
ชูฮัน!
คนที่เดินออกมาคือชูฮัน ตามมาด้วยผู้คนอีกหลายสิบคน
ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสนิท ทันใดนั้นทุกคนก็เงยหน้ามองภาพตรงหน้าตัวเองด้วยสายตาหวาดกลัว หลายคนคิดว่าชูฮันกลับมาและนอนหลับอยู่พวกเขาจึงไม่ห้ามทำการรบกวน แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นหยางเทียนเดินตามชูฮันออกมา แล้วยังมีซางจิ่วตี้ ติงซือเย้า และคนอื่นๆอีกมากมาย ความรู้สึกแปลกๆอันรุนแรงปะทุข้ึนในอกของหลายคน
ชูฮันกลับมาหลังจากสงคราม ไม่มีการเฉลิมฉลอง ไม่มีการแสดงตัว เขากลับมาอย่างเงียบๆท่ามกลางความมืด และทำการประชุมข้ามคืนกับเหล่าสมาชิกหลักของค่ายในคืนนั้นทันทีที่กลับมาถึง?
พวกเขา…
กลุ่มคนที่เดินตามชูฮันออกมาไม่คิดว่าจะเห็นภาพคนจำนวนมากขนาดนี้ทันทีที่ออกมา เกือบทุกคนในค่ายรวมตัวกันอยู่ที่นี้ มันเป็นภาพที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน
คิ้วของซางจิ่วตี้ขมวดเข้าด้วยกัน มุมปากยกยิ้มขึ้นราวกับกำลังเยาะเย้ยในใจ ส่วนหยางเทียนนั้นแววตาสั่นไหวไปมา
หยางเทียนมึนงง ซางจิ่วตี้ทำท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง?
การแสดงออกของชูฮันนั้นเหมือนกับซางจิ่วตี้เลย หากชูฮันไม่ได้มองใครทั้งนั้น หากชูฮันก้าวเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว หยุดยืนเงียบๆและมองไปที่ฝูงชนซึ่งมีประชากรของค่ายอยู่มากกว่า 10,000 คน และนักรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าสองร้อยกว่าคน
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวและแหกปากขึ้นมา “ท่านพลเอก ยินดีต้อนรับกลับมาครับ แต่——–“
“แต่ท่านขวางทางทุกคน พวกเราไม่มีสักคนได้ทำงานตอนเช้าเลย ประสิทธิภาพในการทำงานของวันนี้ลดบงไปครึ่งหนึ่ง มันคุ้มค่าหรือไม่?”
“และถึงแม้เราจะชื่นชมกองทัพเขี้ยวหมาป่า แต่พวกเขาปิดกั้นทางเข้าซึ่งเป็นที่ทำงานของพวกเรา”
“พวกท่านมีประชุมกันก่อนหน้านี้งั้นเหรอ? ผมเองก็เป็นผู้จัดการ ทำไมไม่มีใครแจ้งผม?”
คำถามแต่ละคำถามถูกพ่นออกมาไม่หยุด มันเต็มไปด้วยความสงสัยของผู้คน หลายคนประหลาดใจที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามีการแบ่งแยกชนชั้นตำแหน่งด้วย
ด้วยเหตุนี้ ชูฮันทำเพียงแค่ยิ้ม “ทำไมฉันต้องแจ้งคุณ? ค่ายมีระบบการจัดการของค่ายอยู่แล้ว ถ้าทุกคนวิ่งมาถามว่าทำไมๆ ถ้าทุกคนเข้ามาแทรกการจัดการ แล้วค่ายจะดำเนินการได้ยังไง?”
ตรงและชัดเจน หลายคนไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินทันที
“ท่านพลเอกชูฮัน ท่านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!” มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่วิ่งเข้าเมืองอันลูไปกับหยางเทียนอยู่หลายครั้งพูดขึ้นทันที “ผมรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในกองทัพคือการเชื่อฟัง แต่ที่นี้คือค่ายผู้รอดชีวิต ไม่ใช่กองทัพของท่าน หรือว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตย?”
“พวกเราทำงานในค่ายกันหนักมาก แต่ท่านไม่สนใจพวกเรา ขาดการติดต่อ แต่พอชนะสงครามก็จะกลับมาครอบครองที่นี่?”
มองไปที่หลายคนที่มีท่าทางไม่พอใจ ชูฮันก็ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับคนแรกที่พูดกับเขา “นายติดตามหยางเทียนไปจัดการซอมบี้หลายจุดในเมืองอันลูใช่มั้ย?
“ใช่ครับ!” หลายคนมีท่าทางภาคภูมิ ก่อนการปรากฏตัวกองทัพเขี้ยวหมาป่าสู่สาธารณะ พวกเขาเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมที่สุดในค่ายนี้ แต่ตอนนี้เมื่อกองทัพเขี้ยวหมาป่ามาที่นี่ รังสีอำนาจและความภาคภูมิที่พวกเขาเคยมีก็พลันสลายไปภายในพริบตาและนั่นก็คือสาเหตุหลักที่พวกเขาเป็นคนนำการต่อต้านในครั้งนี้
ใจมนุษย์ สันดานมนุษย์ มันก็แค่นั้น
หยางเทียนมองไปที่ซางจิ่วตี้ด้วยแววตากลัว แสดงว่าคนที่เขาดึงมาให้ติดตาม เป็นลูกน้องเขา คือพวกหนอนบ่อนไส้นี่เอง!
ไม่รอให้อารมณ์ของหยางเทียนได้ทันปะทุออกมา ชูฮันก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ว่าคนพวกนี้จะมองว่าเขาหยาบคายหรือเปล่า เขาตะคอกใส่ฝูงชนตรงหน้าทันที “ใครก็ตามที่ติดตามหยางเทียนเข้าไปในอันลูเพื่อฆ่าซอมบี้อยู่ในรายชื่อทั้งหมด!”
เกิดความลังเลกระจายเข้าสู่ฝูงชน ไม่มีใครรู้ว่าชูฮันกำลังจะทำอะไร หากครั้งนี้ไม่มีใครต่อต้านอีก ชูฮันเป็นผู้นำสูงสุดของค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างไม่ต้องสงสัยและท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ปราณี ทั้ง 500 คนที่ยืนรวมตัวกันอยู่ในฝูงชน ด้วยสีหน้าเป็นกังวลและตึงเครียด หากก็ยังแสดงออกถึงศักดิ์ศรี พวกเขามีจำนวนมากกว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าถึงสองเท่า
ชูฮันไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมาก เขาใช้น้ำเสียงราบเรียบออกคำสั่งที่ทำให้ทุกคนตกใจกันถ้วนหน้า “พวกคุณ 500 คน ทั้งหมดต้องเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า ออกมายืนทางด้านฝั่งขวา!”