Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 579 ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้
“รอสักครู่ ขอฉันจบการประชุมก่อน” ชูฮันพยายามทำให้อารมณ์ของกูเหลียงเฉินสงบลง
“ครับ” กูเหลียงเฉินสงบอารมณ์ลงทันที จากนั้นก็เดินไปที่มุมห้องคว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่ม เขาเองก็กำลังปรับความคิดในหัวตัวเองอยู่
ชูฮันตัดสินใจหันไปมองซูชิงและคนอื่นๆที่ตะลึง จากนั้นก็รีบพูดออกมา “ในตอนนี้ให้ตั้งค่าพวกจุดแรกๆก่อน แล้วก็เริ่มสร้างพวกจุดแรกๆก่อน และซูชิงเรามีรถมอเตอร์ไซค์ในโกดังมั้ย?”
“มีครับ” ซูชิงตอบ เขาเกือบจะเปลี่ยนเรื่องตามชูฮันแทบไม่ทัน
ชูฮันเอามือแตะคาง “G55 และ Wrangler เปลี่ยนเป็นจำกัดการใช้งานที่ขั้นสอง นายจะเอามันไปใช้ก็ได้ถ้าจำเป็น งานจะได้เร็วขึ้น”
สำหรับของต่างในค่ายเขี้ยวหมาป่านั้นลำดับในการใช้งานที่แตกกันไป แยกตามลำดับของแต่ละคนในค่าย ซึ่งชูฮันเป็นคนคิดความคิดนี้ขึ้นมาและให้ซางจิ่วจี้นำไปใช้
สำหรับรถ Wrangler ของชูฮันนั้น เขาเจอจังหวะที่เอามันไปเก็บไปในโกดัง ขณะนี้มันเข้าสู่ปีที่สองของโลกาวินาศแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มที่โลกาวินาศปะทุออกมาในฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้แผ่กระจายไปทั่วทุกที่ ทำให้การใช้ถนนนั้นถูกจำกัด ดังนั้นเจ้ารถทั้งสองคันที่เก็บไว้ในโกดังมันจึงเหมาะที่จำกัดการใช้สำหรับคนที่มีความสามารถมากพอและจำเป็นจริงๆ ไม่อย่างนั้นรถอาจจะพังได้
“ให้ดัดแปลงเหรอครับ?” ซูชิงเริ่มปวดหัว “ผมพยายามลองดูแล้วครับ แต่เหอซางไม่อยู่ที่นี้ เขาเก่งที่สุดแล้ว”
ชูฮันเหลือบมอง “แล้วเหอชางล่ะ อยู่ไหน?”
ทันทีที่พูดขึ้น ซูชิงเองก็ช็อค “ครับ เหอซาง?”
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง ชูฮันก็โบกมือ “เขายังไม่ตาย ไม่ต้องห่วง ส่วนมอเตอร์ไซค์นั่นไม่ต้องเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมากก็ได้ เน้นที่ความเร็ว”
ชื่อของเหอซางบนระบบล่มสลายยังคงอยู่ แสดงว่าทุกอย่างยังปกติ ความภักดีก็ยังคงอยู่ในระดับสูงมากเหมือนเดิม เมื่อได้เห็นแบบนี้ ชูฮันก็โล่งใจ ยังไม่ตาย
เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกาวินาศคือความตายที่ไม่หยุดหายใจ
“โอ้ ได้ครับ” ซูชิงที่กำลังวุ่นอยู่ในหัว เขาไม่ได้ถามว่าชูฮันรู้ได้ยังไงว่าเหอซางยังไม่ตาย
ในขณะที่ทุกคนในห้องประชุมจากไปเพื่อไปทำงานของตัวเองต่อ ชูฮันก็เรียกกูเหลียงเฉิน “ปิดประตูซะ”
“ครับ” กูเหลียงเฉินสูดลมหายใจลึกและตรวจสอบสองครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าประตูปิดแล้วจริงๆ สายตาของชูกูเหลียงเฉินตึงเครียดและจริงจังมาก
ชูฮันไม่ได้ทำลายความเงียบของกูเหลียงเฉิน เขาคาดไว้ว่าวันนี้จะมาถึงแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ และไม่คิดว่ากูเหลียงเฉินจะมีอารมณ์ปั่นป่วนที่รุนแรงขนาดนี้
“ผมอยากจะขอโทษก่อน” นี่เป็นประโยคแรกของกูเหลียงเฉิน สายตาเขาจริงจังอย่างมากและมันแฝงความเสียใจอยู่ในนั้นด้วย
“กรุณาอย่าขอโทษ” ชูฮันขัดขึ้นมาโดยที่กูเหลียงเฉินไม่คาดคิด “บอกข้อมูลที่คุณรู้มา ฉันจะมองข้ามมันไป และนายจะได้เป็นกัปตันของทหารกองหนุนของกองทัพเขี้ยวหมาป่า”
ความไว้วางใจและความมุ่งมั่นของชูฮันทำให้กูเหลียงเฉินช็อคจนหลุดโพล่งออกมา “ท่านรู้?”
เมื่อเป็นเช่นนี้ สีหน้าของชูฮันจึงเปลี่ยนไป “คุณคิดจะมีคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าเล็ดรอดสายตาฉันไปได้เหรอ? ฉันกำลังรอให้คุณแสดงตัวออกมาด้วยตัวเอง แต่ด้วยเพราะก่อนหน้าที่คุณทำให้ได้ดีและเก่งมาก และไม่เคยทำอะไรที่เป็นการเสียหายต่อกองทัพเขี้ยวหมาป่า ถึงแม้คุณเป็นสายของบางคนในซางจิงแต่ฉันก็ยังพอใจกับคุณ ถือซะว่าปิดตาข้างหนึ่ง”
พอชูฮันพูดออกมาแบบนี้ กูเหลียงเฉินก็ยิ่งช็อคจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ส่ายหน้า ชูฮันรู้ทุกอย่าง ทั้งๆที่รู้แต่ก็ยังปล่อยให้เขานำทีม นี่ชูฮันเป็นคนใจกว้างมากหรือว่าเขาสามารถควบคุมทุกคนอย่างไร้ขีดจำกัดกันแน่?
เพราะชูฮันมีความมั่นใใจว่าไม่มีใครสามาถรอดมือเขาไปได้!
“แล้วถ้าผมทำอะไรที่ไม่ดีต่อกองทัพเขี้ยวหมาป่า ท่านจะเปลี่ยนใจมั้ยครับ?” กูเหลียงเฉินถามอย่างกังวลด้วยความอยากรู้ที่ไม่สามารถระงับได้
ชูฮันเหลือบมองกูเหลียงเฉิน เขาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อันดับแรก ฉันจะไม่ให้โอกาสคุณอย่างนี้ ข้อสอง ถ้าคุณทำ คุณจะต้องเจอบทลงโทษของหลิวยู่ติง”
“ผู้คุมหลิวก็รู้เหมือนกันงั้นเหรอ?!” กูเหลียงเฉินตกใจอีกครั้
เชาคิดว่าเรื่องของเขาเป็นความลับและไม่มีใครรู้มาตลอด แต่ผลกลับกลายเป็นว่า สองผู้นำสูงสุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่ารู้และสังเกตเขาอย่างเงียบๆมาตลอด
“ไร้สาระ” ชูฮันขี้เกียจจะพูดกับกูเหลียงเฉิน “บอกฉันมาว่าคนเบื้องนายเป็นตระกูลเกาหรือตระกูลป่าย?”
ห้ะ!
กูเหลียงเฉินช็อคจนคางแทบถึงพื้น มองไปที่ชูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ ชูฮันรู้ทุกอย่าง
“เกา ตระกูลเกาครับ” กูเหลียงเฉินตกใจจนติดอ่าง
ชูฮันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถอนหายใจหนักๆ ตามมาด้วยประกายวาบในแววตาและถามต่อ “เหย่จือโป?”
“ครับ” กูเหลียงเฉินไม่กล้าที่จะอยู่ทั้งสองฝั่งแล้วอีก ความรู้สึกที่มีต่อชูฮันจากความชื่นชมและเคารพได้เปลี่ยนไปเป็นความกลัวแล้ว
ชูฮันรู้จักตระกูลเกาและก็ยังตระกูลป่ายอีก แถมยังรู้จักเหย่จือโปด้วย มีอะไรอีกที่เขาไม่รู้? ตลอดเวลาการฝึกสามเดือนที่ผ่านมา เขาและทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีการติดต่อกับคนนอกเลย แล้วชูฮันไปรู้อะไรมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
คนคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน!
“เหย่จือโปไว้ใจนาย?” ชูฮันถามต่อ
“ครับ เราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขาช่วยชีวิตผมไว้ แต่มันเป็นความตั้งใจที่เขาวางแผนเอาไว้ เขาฆ่าพ่อแม่ของผมเพราะเขาต้องการจะใช้ผม” ความคิดของกูเหลียงเฉินเริ่มสับสนเพราะชูฮัน แต่ก็ยังพยายามทำให้อารมณ์สงบลงและบอกข้อมูลทั้งหมดที่ตัวเองรู้
“คุณรู้เจตนาของเขามั้ย?” ชูฮันถามอีกครั้ง “ในเมื่อเหย่จือโปบอกคุณเรื่องตระกูลเกา เขาน่าจะต้องบอกอะไรบางอย่างกับคุณอีก”
“ครับ จุดประสงค์คือเพื่อหาโอกาสในการกำจัดท่าน” กูเหลียงเฉินตอบเสียงแผ่ว “ถ้าผมไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ให้กลับไปที่จุดเดิมที่ท่านไว้วางใจและซ่อนตัวต่อไป”
กึก! กึก!
ชูฮันเคาะนิ้วลงโต๊ะเป็นจังหวะ คิ้วย่นเล็กน้อย เขาไม่สนใจสายตาของกูเหลียงเฉินที่มองมา ไม่สนใจความคิดของอีกฝ่าย เขาเพียงแค่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
ตระกูลลึกลับสองตระกูล ทั้งตระกูลเกาและตระกูลป่ายเป็นตระกูลที่แข่งแกร่งที่สุดในโลกาวินาศชาติที่แล้ว แต่ครั้งหนึ่งตระกูลเกาถูกตระกูลป่ายเข้ารวม มันเกิดอะไรขึ้นนั้นชูฮันไม่รู้เลย
ส่วนเหย่จือโป เขาเอาชนะซาวจิงได้ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลลึกลับ และได้กลายเป็นผู้นำของค่ายที่ใหญ่ที่สุดในช่วงสามปีสุดท้ายของชาติที่แล้ว
มันธรรมดาเกินไปที่ตระกูลป่ายจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ยิ่งเมื่อป่ายหวีเนอนั้นสนิทกับเขามากอย่างนี้
แต่ตระกูลเกา? ทำไมพวกเขาถึงจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง?
หลังจากความเงียบพักใหญ่ ชูฮัยก็พูดขึ้นอย่างกระทันหัน “ถ้างั้นคุณก็ไม่ได้ทำอะไร ถ้าคุณจำเป็นต้องส่งข้อความถึงเหย่จือโป ส่งไปซะ”
“เอ่อออ…” กูเหลียงเฉินประหลาดใจอย่างมาก “ให้ผมส่งข้อความให้เหย่จือโป?”
“ใช่ แน่นอน บอกเรื่องของฉันให้ชัดเจน มันจำเป็นที่คุณจะต้องคอยติดต่อกับเอาไว้” แววตาของชูฮันเต็มไปด้วยการคำนวณ “ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ คุณรู้จักมั้ย?”