Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 600 การคำนวณ
“เรียกสมาชิกทุกคนของทีมความลับของพระเจ้าเข้ามาประชุมด้วย ครั้งนี้พวกคุณจะเป็นกองกำลังหลัก ทำให้ดีล่ะ” ชูฮันพูดขึ้น
“ครับ!” หลูปิงเซ่อรับคำ เขาก็มองไปรอบๆและจู่ๆก็เรียกชื่อคนหนึ่งขึ้นมาเมื่อนึกบางอย่างได้ “เหมิงชีเหว่ยล่ะครับ?”
ชูฮันย่นคิ้ว เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยสั่งขึ้นมา “ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง”
“ครับ!” แม้จะไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของชูฮัน แต่หลูปิงเซ่อก็ไม่อยากจะถามมาก
ห้านาทีต่อมา ห้องพักถูกปิดตายสนิท เหมิงชีเหว่ยและคนของเขายืนอยู่หน้าห้องนิ่งเงียบไม่ไปไหน ไม่กล้าแม้แต่จะหนี
ต้องบอกว่าหลูปิงเซ่อทำให้เหมิงชีเหว่ยกลัวจริงๆ จนคิดมากไปหมด!
ทว่า ชูฮันและคนอื่นๆในบ้านตกลงแผนการกันได้หลังจากห้องถูกปิดสนิทโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดใดๆออกมา
ข้อมูลต่างๆได้ถูกเก็บรวบรวมมาจนเกือบครบ ทีมกุ้งเสือดำทำการสำรวจเส้นทางเรียบร้อย ตอนนี้ที่เหลือก็คือรายละเอียดของแผนการ ซึ่งกระบวนการทุกอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ ถ้ามันเกิดความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียว หรือทำให้หลูอี๋เกิดความสงสัยและข้องใจ แผนการของชูฮันจะถูกยกเลิกทันที
“ก่อนอื่น ข้อมูลที่เรามีอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ส่งต่อไปดูทีละคน” แม้เขาจะเป็นคนนำทีมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะพลาดโอกาสในการขัดเกลาความสามารถเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมความลับของพระเจ้า แววตาของชูฮันเป็นประกายอย่างเจ้าเล่ห์ “จำเป้าหมายสูงสุดของเราได้ไหม?”
“แหะ! แหะ! แหะ!”
ทีมความลับของพระเจ้าทั้งสิบก้าคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างอึดอัด พวกเขามองชูฮันอย่างหมดหนทาง คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในหัวของคนพวกนี้
หลูปิงเซ่อเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับกระดาษข้อมูล หลังจากทำการจดจำข้อมูลเอาไว้ในหัวจนเสร็จ เขาก็มองหน้าชูฮันด้วยแววตาประกายและพูดขึ้น “เรียร้อยครับ”
ในขณะเดียวกัน สมาชิกทีมความลับของพระเจ้าต่างจ้องไปที่ชูฮันกันตาไม่กระพริบทุกคน พวกเขานั่งอยู่ที่พื้นล้อมเป็นวงกลม พวกเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแ้ลว ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง กระตือรือร้น แววตาไม่แฝงไปด้วยความสับสนอีกต่อไป
ในที่สุด มันก็เริ่มขึ้นแล้ว!
ชูฮันอ้าปาก กวาดสายตามองสายตาทั้งสิบห้าคู่ที่กำลังจ้องมองตอบมาที่เขาเช่นกัน และหยิบกระดาษที่พื้นขึ้นมา “ฟัง ฉันจะสอนกลยุทธ์นี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
อีกสองทีมไม่มีความสามารถในการหว่านเมล็ดของความไม่ลงรอยให้ค่ายเจียนอี๋เท่ากับทีมความลับของพระเจ้า เพราะงั้นการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงต้องพึ่งทีมความลับของพระเจ้าเป็นหลัก ส่วนบทบาทของทีมกุ้งเสือดำนั้นเป็นเพียงแค่การเสริมเพิ่มเติม ในอนาคตถ้ามันมีสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ชูฮันจะไม่ให้แผนการที่มีรายละเอียดแบบนี้ให้พวกเขาอีก เขาจะแค่บอกเป้าหมายสูงสุดที่ต้องการเห็น และทุกคนจะต้องไปคิดแผนการเพื่อทำไปสู้เป้าหมายที่เขาหนดกันเอาเอง
“เข้าใจนะ” ชูฮันพูด ทุกคนที่อยู่ในบ้านแทบกลั้นลมหายใจ พวกเขาจดจ่อและตั้งใจฟังทุกอย่างที่ชูฮันอธิบายเป็นขั้น เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะได้ฟังแผนการรบจากชูฮัน มันเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อนกับพวกเขา พวกเขาได้ยินชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วของชูฮันไม่ว่าจะสงครามเมืองแห่งความตายหรือสงครามกลางภูเขา ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดของสงครามเลย แม้แต่แผนการรบชูฮันก็ไม่เคยเปิดเผยให้ใครฟัง เขาเพียงแค่สั่งการทีละคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปดำเนินการ
แต่ครั้งนี้ ชูฮันสอนพวกเขาเองกับมือ!
ชูฮันหยุดพักหายใจครู่หนึ่ง และเมื่อได้เห็นสีหน้าราวกับได้เจอพระเจ้าของทั้งสิบห้าคนที่กำลังมองเขาอยู่ ชูฮันรู้ก็รู้สึกตลกขึ้นมา ทุกคนมองเขาเปรียบเหมือนกับเทพเจ้าจริงๆและยังบูชาเขาอีก
มันก็แค่การวิเคราะห์แผนการต่อสู้เท่านั้นเอง
“คนสำคัญ” ชูฮันชี้ไปที่รายชื่อของคนบนกระดาษ “คนแรก ชินหยวน หลูปิงเซ่อรายงานสถานการณ์เขามา”
“ครับ” หลูปิงเซ่อรีบตอบรับ “ชินหยวน อายุ 26 ปี เข้าร่วมกับกองทัพมาแล้ว 8 ปี ในยุคศิวิไลซ์เขาทำความสำเร็ตให้แก่กองทัพมากมายด้วยคทักษะของเขา แม้แต่เมื่อสามปีก่อน เขาก็นำหน่วยทหารไปที่ชายแดนทางตะวันตกและทำสงครามกับพวกผู้ก่อการร้าย เป็นกัปตันของหน่วยป้องกันแนวหน้า ก่อนที่จะเกิดการปะทุขึ้นเขาคือกัปตันที่หนุ่มที่สุดในกองทัพ”
“หลังจากเกิดการปะทุขึ้น ชินหยวนได้กลายเป็นวิวัฒนาการเมื่อเดือนสิงหาคม ตอนนี้เมษายนของปีที่สองเขาได้กลายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 แล้ว” เมื่อมาถึงตรงนี้ หลูปิงเซ่อก็ยิ้มออกมา “เขามีกองกำลังของตัวเอง หลังจากเริ่มทำการนับยุคโลกาวินาศ เขาก็นำกองกำลังของเขาออกไปสู้รบกับซอมบี้ และในที่สุดก็พาคน 50 เข้าร่วมกับค่ายเจียนอี๋และกลายเป็นหนึ่งในทหารภายใต้การนำของหลูอี๋”
“คนแบบนี้น่าจะทะยานไปตลอด ไต่อันดับทางทหารขึ้นไปไม่หยุด แต่ต้องบอกว่าชินหยวนโชคดีเกินไป ตอนนี้เขาไม่ต้องลงไปทำการต่อสู้แล้ว เขากลายเป็นข้าราชการพลเรือนอยู่ในแผนกโลจิสติกส์” หลูปิงเซ่อพูดพร้อมกับน้ำเสียงสมเพชและส่ายหัวอย่างไม่ชอบใจ “เขาเดินทางมาที่ค่ายเจียนอี๋พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อว่าเหลียงชูหมิง ซึ่งเป็นคนโลภ ตัณหา โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะสมยอมหรือไม่ และชอบฆ่าคน ชอบทรมานคนจนตาย เป็นคนโหดร้ายและน่ารังเกียจสุดๆ”
“ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยกวับเหลียงชูหมิง มีแค่ว่ามันมีพ่อ ชื่อว่าเหลียงชูซิน” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลูปิงเซ่อก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เหลียงชูซินนี่ไม่ได้เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แต่เค้าเป็นหนึ่งในทหารของหลูอี๋ เป็นพวกเส้นสาย และเป็นคนชอบเยินยอคนมาใหม่”
ทุกคนที่ได้ฟังทุกอย่าง ต่างไม่เข้าใจว่าทำไมชินหยวนที่พาที่เลวร้ายแบบนั้นเข้ามา และยังได้ทำงานที่ค่ายเจียนอี๋
“ขอเสริม” ชูฮันพูดขึ้น “ชินหยวนเป็นหัวหน้าของแผนกทหารเก่าแก่ แม้เขาจะไม่มีอำนาจในมือ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้เหล่าทหารเก่าแก่ได้มีหน้าที่และบทบาทในค่ายเจียนอี๋”
“มาคุยกันเรื่องเหลียงชูซิน” ชูฮันยิ้มอย่างมีนัยนะ “ตัวตนของเขาไม่ธรรมดา แล้วเรื่องการเลื่อนตำแหน่งของคนมาใหม่อีก แม้ว่านี่เป็นโลกาวินาศซึ่งมันไม่กฏระเบียบที่เข้มงวดอยู่แล้ว แต่แน่นอนเลยว่านี่เป็นบาดแผลขนาดใหญ่สำหรับทหารเก่าแก่ที่มีแต่การโรยเกลือเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆให้มันแสบกว่าเดิม เหลียงชูซินที่ทะเยอทะยาน และปกปิดปิดบังหลายอย่าง อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าแผนกดูแลเจ้าหน้าที่ให้กับหลูอี๋ มันจึงง่ายที่เหลียงชูซินจะออกนโยบายตามความต้องการของตัวเอง แน่นอนความหลูอี๋ก็รู็ความจริงในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเหลียงชูซินโดยตรง จึงทำเป็นไม่รับรู้กลบเกลื่อนปัญหาภายใน”
เมื่อรู้ถึงสถานการณ์จริง ชูฮันก็แสดงความเห็นใจต่อหลูอี๋ เขาคิดว่าเมื่อตอนที่เขาจากค่ายเขี้ยวหมาป่าไป ซางจิ่วตี้คงไม่ยอมให้ใครจากค่ายซางจิงเข้ามาเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว