Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 601 สองปัจจัย
“ดังนั้น เราต้องกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างชินหยวนและเหลียงชูซิน?” สมาชิกในทีมความลับของพระเจ้าคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างลังเล
“ไม่ต้องกังวล พูดอย่างที่คิดได้เลย” ชูฮันเห็นท่าทางลังเลของเขา “มันเป็นเรื่องดีที่ช่วยกันคิด”
อู๋เจียช่าวยกมือตัวเองขึ้นและพูด “ผมไม่คิดว่ามันถูกต้อง ถ้าเราไปกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างชินหยวนและเหลียงชูซินเพื่อให้เราบรรลุเป้าหมาย มันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก อย่างแรก มันมีสองประการ หนึ่งชินหยวนเป็นหนึ่งในทหารเก่าแก่ ทระนงในศักดิ์ศรี แน่นอนว่าเขาสามารถทำให้ทหารเก่าแก่หลายคนลุกฮือตามเขาได้ แต่มันก็เกินกว่าเหตุรึเปล่า? เพราะมันเป็นแค่ประเด็นส่วนตัวระหว่างชินหยวนและเหลียงชูซิน แม้ว่าเหล่าทหารเก่าแก่ทั้งหลายจะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่พวกเขาก็ไม่ควรถูกตราหน้าว่าทำเรื่องเสื่อมเสียให้หลูอี๋”
ชูฮันพยักหน้าตามอย่างชื่นชมความคิด “ถูกต้องแล้ว แล้วข้อที่สองล่ะ?”
ยิ่งได้รับคำชมจากชูฮัน อู๋เจียช่าวยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง เขาจึงพูดต่อ “อย่างที่สอง ประสิทธิภาพในการสู้รบของเหล่าทหารเก่าแก่ กับการเผชิญหน้ากับพวกทหารใหม่ๆหนุ่มๆของเหลียงชูซินที่เป็นแต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่อีกต่างหาก จากข้อมูลสัดส่วนบุคคลากรที่เรามี ในกลุ่มทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ 500 คน อัตราส่วนของพวกมาใหม่เป็น 70% ในขณะที่ทหารเก่านั้นมีเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น ซึ่งมันมีช่องว่างที่ห่างกันมากเกินไป พวกคนมาใหม่นั้นมีมากกว่าทหารเก่าถึงสี่เท่า”
ความชื่นชมในนัยน์ตาของชูฮันไม่ใช่การแสร้งทำ “ดีมาก มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกมั้ย?”
ทีมความลับของพระเจ้าส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองมาที่ชูฮันอย่างเทิดทูน ดูราวกับกลุ่มหมาป่าที่รอคอยอาหาร
“ทั้งสองประเด็นนี้ เราจะแก้ไขมันไปทีละขั้น อันดับแรกเรื่องข้อขัดแย้งและปัญหานั้นมันยังไม่พอ” ชูฮันยิ้มเล็กน้อย “พวกเรารู้ดีว่าแม้มันจะมีข้อขัดแย้งระหว่างพวกมาใหม่กับทหารเก่า และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากันโดยใช้ดาบกับดาบแน่ๆ ที่จริงสถานการณ์นั้นไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่เป็นเรื่องที่เห็นๆกันอยู่ เหมือนกับสหายหลิวเซียงที่เรามีกระดาษข้อมูลของเขาอยู่แล้ว เขามีหน้าที่เฝ้ายามประตูทางเข้าของค่าย ไม่เพียงแค่เขาจะรู้สึกแย่กับประสบการณ์ที่ตัวเองสั่งสมมาเท่านั้นแต่เขายังต้องทำงานร่วมกับพวกมาใหมาและยอมให้คนมาใหม่มาทำงานตำแหน่งที่เคยเป็นของเขา เขามีความรับผิดชอบ แม้ว่าเขาจะคอยแอบช่วยเหลือเหล่าทหารเก่าแก่ที่ไม่สามารถขึ้นเป็นวิวัฒนาการได้อย่างลับๆ”
“มันทำไม?” หลูปิงเซ่อเริ่มเครียด เขารู้สึกว่าภารกิจนี้มันยากเกินไป
“เราสามารถสร้างความขัดแย้งได้มั้ย?” ชูฮันยื่นนิ้วขึ้นมา เลิกคิ้วขึ้นอย่างมีแผนการในหัว
เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮัน ทุกคนก็ตะลึงนิ่ง พวกเขามองชูฮันอย่างไม่เข้าใจและแฝงไปด้วยความหลงใหล ความขัดแย้งอะไร?
“ดูที่กระดาษข้อมูลนี้อีกครั้ง เหลียวเหวินถาวพูดว่าอะไร? เขาบอกว่าพวกมาใหม่บางคนไม่ทำตามกฏระเบียบ บางคนก่ออาชญกรรมในพื้นที่อาศัยของชาวบ้าน ขโมยเงินจากคนที่ไม่มีทางสู้ ไปที่บ้านของชาวบ้านบางคนกินอาหารของพวกเขาโดยไม่ให้เงินตอบแทน กดขี่ทหารเก่าแก่ และกดขี่เหล่าผู้รอดชีวิตทั่วไป” สีหน้าของชูฮันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย “เอาเป็นว่า สมมตติเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในค่ายเขี้ยวหมาป่าของเรา คิดว่าคนพวกนี้ยังมีโอกาสจะได้เป็นทหารต่อมั้ย?”
“มันจะต้องตกอยู่ในบัญชีดำอย่างแน่นอน!” หลูปิงเซ่อตอบอย่างขึงขัง “เกลียดที่สุดคือพวกรังแกคนที่อ่อนด้อยกว่า แม้ผมจะชอบกลั่นแกล้งหลายคน แต่ก็เป็นพี่น้องกันเองทั้งนั้น แต่มีหรือที่ผมกดขี่คนที่อ่อนกว่าผม?”
หลายคนพยักหน้าตาม ชูฮันเองก็พยักหน้า แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหลูปิงเซ่อค่อนข้างพูดผิดไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลูปิงเซ่อกำลังหลงประเด็น
ชูฮันเหลือบมองหลูปิงเซ่อและพูดต่อ “นี่จะเป็นจุดแตกหัก เราจะต้องใช้จังหวะนี้ ก่อนอื่นเราจะรอจนกว่าเรื่องมันจะไปถึงหลูอี๋ แล้วเราก็จะโหมไฟเข้าไปอีกครั้งเพื่อให้มันโกลาหลเข้าไปอีก”
ในที่สุด หลังจากรอใจความสำคัญ ทุกคนก็รีบสะบัดความคิดเกี่ยวกับมุขตลกของชูฮันออกไปและตั้งใจฟัง
“ความขัดแย้งและบาดหมางระหว่างเหล่าพวกมาใหม่และเหล่าทหารเก่านั้นยังไม่มากพอ เราจะต้องสุมไฟเข้าไปอีก แม้พวกคนมาใหม่ที่ทำเรื่องผิดกฏจะมีเพียงแค่เล็กน้อยไม่กี่คน แต่เราสามารถนำเรื่องนี้มาใช้ประโยชน์ได้” ชูฮันยิ้มอย่างเยาะเย้ย “ลองคิดดู ถ้าพวกทหารเก่ารู้ถึงกลุ่มพวกมาใหม่ที่ทำเรื่องผิดกฏต่างๆนี้เข้าอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายและความผิด ไม่เพียงแค่ครอบครัวของเหล่าทหารเก่าแก่ที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ของชาวบ้าน แล้วไหนจะกลุ่มทหารเก่าแก่ที่ไม่สามารถกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้อีก ศักดิ์ศรีของพวกเขาถูกเหยียบย่ำ คิดว่าเหล่าทหารเก่าแก่ที่มียศตำแหน่งในกองทัพจะคิดอย่างไรล่ะ?”
“ทำไมไอ้พวกมาใหม่ถึงได้กล้าผยองขนอย่างนี้ ใช่มั้ยครับ?” หลูปิงเซ่อกระพริบตา แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจความหมายที่ชูฮันต้องการจะสื่อ
แววตาของชูฮันฉายแววประกาย “พวกเขาอาจจะยังไม่คิดถึงขั้นนั้น แต่เราช่วยพวกเขาได้”
อะไรน่ะ?
“อะไร หัวหน้าหมายความว่าอย่างไรครับ?”
สมาชิกทีมความลับขอบพระเจ้าทั้งสิบห้าคนต่างตกใจกันหมด พวกเขารีบมองไปที่ชูฮันด้วยความกลัว
“ปลอมตัวสิ พวกคุณทำมาแล้วมากกว่าครั้งหนึ่ง” สีหน้าของชูฮันราบเรียบ เขาพูดต่อขณะที่ทุกคนที่กำลังฟังเขากำลังตัวสั่นด้วยความกลัวกับความคิดของหัวหน้า “ขั้นตอนแรก พวกคุณต้องปลอมตัวเป็นพวกมาใหม่ เข้าไปในพื้นที่ชาวบ้าน เผา ปล้น รังแก กดขี่ผู้คน แต่ห้ามทำให้มีการตายเด็ดขาด ถึงอย่างไรแล้วการฆ่ามันเป็นเรื่องที่ผิดบาป แต่เราต้องเพิ่มความขัดแย้งที่มีให้มากขึ้น เลือกครอบครัวของพวกทหารเก่า และพวกทหารเก่าที่ไม่สามารถอยู่ในกองทัพต่อเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม มันจะต้องย่ำแย่และน่าสังเวช”
อึก! อึก!
ทุกคนตกใจกับความคิดของชูฮัน ทีมความลับของพระเจ้าไม่กล้าพูดอะไรมาออกมาอยู่ซักพัก
“ขั้นตอนที่สอง” ชูฮันเพิกเฉยต่ออารมณ์ของทีมความลับของพระเจ้า และพูดต่อ “ในตอนที่มันเกิดขึ้นครั้งแรก แน่นอนว่ามันยังไม่มากพอที่สร้างความโกลาหลได้ เพราะฉะนั้นพวกคุณต้องคอยทำมันต่อไปเรื่อยๆ กระตุ้นให้มันรุนแรงขึ้นทุกครั้งๆ ไม่ช้าหลูอี๋ก็จะรู้ว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ และเขาก็จะต้องหาคนมาแก้ปัญหานี้ เขาจะต้องสั่งทหารที่ไร้ความปราณีมาดำเนินการ”
“แต่ครั้งนี้เราจะไม่ให้โอกาสเขาได้ทันตอบสนอง แน่นอนว่าเหล่าทหารเก่าในกองทัพจะต้องทนไม่ได้แน่ๆ แต่เป็นเพราะด้วยปัจจัยหลายอย่าง จะไม่มีใครลุกขึ้นยืนต่อต้านหรือแก้แค้น” ครั้งนี้ชูฮันหัวเราะราวกับปีศาจ “เพราะงั้นเราจะต้องช่วยพวกเขาทำให้สำเร็จ”
“นะ นาน ใช้เวลานานน่ะครับท่าน” หลูปิงเซ่อพูดติดอ่าง “ท่านไม่ต้องการให้เราปลอมตัวเป็นทหารเก่า แล้วก็ให้เรากดขี่ครอบครัวของทหารเก่าด้วยใช่มั้ยครับ?”
“มันคุ้มค่า กัปตันทีมความลับของพระเจ้า” ชูฮันดีดนิ้ว “ทั้งสองฝั่งไม่สามารถสู้กันได้ เราจะต้องช่วยให้พวกเขาสู้กัน และถ้าจำเป็น ก็อาจจะเป็นสงคราม”