Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 646 ระดับ
“ตระกูลป่าย?” จ่าวฮ่าวฮาวถอนหายใจและอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “ไม่ใช่ตระกูลเกา?”
ทันใดนั้นเหย่จือโปก็สะดุ้งด้วยความตกใจอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นตระหนกราวกับโดนน้ำฝน ความกลัวคำรามลั่นอยู่ในใจ พยายามรีบแก้คำพูดของตัวเองทันที “มันคือตระกูลเกา ท่านๆทั้งหลายต่างไม่พอใจฉันกันอย่างมาก โดยเฉพาะเกาม่านโชว ฉันไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้แล้ว ไอ้ชูฮันนี่จะต้องถูกกำจัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”
คิ้วของจ่าวฮ่าวฮาวย่นอย่างสงสัย เขาและเหย่จือโปรู้จักกันมานาน แม้อยู่ดีๆเหย่จือโปจะกลายเป็นประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในยุคโลกาวินาส แต่จ่าวฮ่าวฮาวก็ยังมองออกมาเหย่จือโปโกหกหรือไม่ ดังนั้นดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเหย่จือโปน่าจะเป็นรากฐานบางอย่าง ไม่ใช่ตระกูลเกาแต่เป็นตระกูลป่าย
แต่ที่สำคัญคือทำไมเหย่จือโปถึงต้องหลบซ่อน?
แถมยังโกหกเขาซึ่งๆหน้าอีก แม้แต่ชื่อ อายุ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆของเกาม่านโชวก็ไม่คิดปกปิด? หรือว่าเกาม่านโชวมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับเหย่จือโป?
ค่อยๆเรื่อยๆ ปัญหาค่อยปรากฏออกมาให้เห็น และทันใดนั้นเองจู่ๆจ่าวฮ่าวฮาวก็ขบคิดทุกอย่างออก มันมีเรื่องราวบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ทุกอย่างนั้นเอง!
เมื่อเห็นว่าจ่าวฮ่าวฮาวเอาแต่เห็น แถมสีหน้ายังดูกระอักกระอ่วนแปลกๆ เหย่จือโปจึงรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจ ทันใดนั้นเหย่จือโปกำแก้วในมือและเขวี้ยงใส่หัวจ่าวฮ่าวฮาวอย่างแรง!
“ปัง!”
“เพล้ง!”
แก้วน้ำแข็งๆถูกปาเข้าใส่หัวจ่าวฮ่าวฮาวเต็มๆ เลือดปรากฏตัวหน้าผากของจ่าวฮ่าวฮาว แผลกลึกจนเปิดกว้างไปถึงกระโหลกเหนือเปลือกตาของจ่าวฮ่าวฮาว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นวิวัฒนาการและมีพลังป้องกันในระดับหนึ่ง แรงของแก้วน้ำที่ปาใส่หัวเขาอาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดแผลแค่นี้ แต่อาจจะถึงขั้นตายได้!
จ่าวฮ่าวฮาวเจ็บปวดอย่างหนัก เขาไม่คิดเลยว่าเหย่จือโปจะเป็นฝ่ายเริ่มลงมือกับตัวเองก่อนแบบนี้
“ไสหัวไป! รีบไปติดต่อกูเหลียงเฉินให้มันรายงานเรื่องชูฮันมาซะ!” เหย่จือโปที่กำลังเดือดตะคอกใส่จ่าวฮ่าวฮาว
ความรู้สึกไร้สาระจู่ๆก็กระแทกเข้าหัวใจของจ่าวฮ่าวฮาว ความเสียใจอย่างรุนแรงทำให้จ่าวฮ่าวฮาวอยากจะวิ่งหนีไปเดี๋ยวนี้ เหย่จือโปปฏิบัติกับเขาเหมือนทาส เขารู้ว่าอารมณ์ของเหย่จือโปไม่คงที่ตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้นแต่มันคิดเลยว่ามันจะเปลี่ยนความคิดและนิสัยของเหย่จือโปไปมากจนทำลายมิตรภาพที่มีมาเนิ่นนานของพวกเขาลงแบบนี้ แถมยังสิ่งที่ดูถูกเขาอย่างมากลงไปอย่างวันนี้อีก!
“ครับ!” จ่าวฮ่าวฮาวไม่ปฏิเสธ เขาหมุนตัวและเดินจากไปเงียบๆ หากแววตาของจ่าวฮ่าวฮาวกลับค่อยๆแข็งกร้าวและเย็นช้าขึ้นเรื่อยๆ
มองไปที่แผ่นหลังของจ่าวฮ่าวฮาวที่กำลังจากไป มันมีก็สายตาเย็นชาและดูถูกปรากฏขึ้นในแววตาของเหย่จือโป ตอนนี้โลกาวินาศเป็นที่สำหรับคนที่มีพลังต่อสู้ แน่นอนว่าพลังของจ่าวฮ่าวฮาวแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ใครล่ะที่ได้เป็นตัวแทนของตระกูลลึกลับ ทำไมตระกูลลึกลับถึงเลือกเขา?
จ่าวฮ่าวฮาวมันก็แค่สุนัขรับใช้ แล้วมาดูกันว่าใครจะมีอำนาจในโลกใบนี้!
————–
ชูฮันที่กำลังยุ่งอยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า
“ทีมก่อสร้างที่เรายืมตัวมาจากค่ายตวนนั้นเป็นมืออาชีพสุดๆ!” ซูชิงตื่นเต้นจนกระโดดโลดเล่นไปมาในที่ประชุม เขาไม่คิดปิดบังความชื่นชมที่มี “ความเร็วไม่ได้รวดเร็วเกินไป และพวกเขาสามารถเข้าใจความต้องการพิเศษของผมได้ นี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนมากมายขนาดนี้เข้าใจความต้องการที่แสนจะซันซ้อนและเป็นมืออาชีพแบบนี้”
ซางจิ่วตี้เองก็ค่อนข้างพอใจที่ได้เห็นชูฮัน “สถานที่แรกที่ได้ทำการก่อตั้งเรียบร้อยแล้ว ตามการรายงานความคืยหน้าจากหวังชื่อชรง เงื่อนไขทางภูมิศาสตร์ของหลายๆจุดได้ทำการตรวจสอบและเริ่มดำเนินการแล้ว”
“แต่เรามีอีกหลายจุดที่ต้องสร้างในค่ายเขี้ยวหมาป่า ผมกลัวว่ามันจะยังไม่แน่นอนและไม่สามารถคาดเดาได้อยู่พักหนึ่ง และการยืมตัวของทีมก่อสร้างจากค่ายตวนมีกำหนดการณ์ถึงเมื่อไหร่ครับ?” ซูชิงถามอย่างกังวล “พวกเขาต้องส่งตัวพวกเขาคืนเมื่อไหร่?”
ชูฮันไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะส่งตัวพวกเขากลับ?”
“ฟู่~”
ติงซือเย้าที่กำลังจิบน้ำอยู่พ่นน้ำกระจายออกมาอย่างกระทันหันด้วยความตกใจ “ไม่คืนตัว? ยึดตัวเหรอครับ?”
ชูฮันมองติงซือเย้าด้วยสายตาต่อว่าราวกับคำว่า ‘ไร้สาระ’
คนอื่นๆในห้องประชุมชะงักกันหมดทันที พวกเขาตะลึงจนไม่รู้ต้องทำยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสถานการณ์ที่ไร้ยางอายอย่างนี้ ยึดสิ่งที่ยืมมาอย่างด้านๆ
ติงซือเย้ารีบแหกปากโวยวายทันที “ค่ายตวนส่งคนมาถามถึงกำหนดระยะเวลาที่สิ้นสุดงาน แถมหัวหน้ายังไม่ยอมตอบคำถามพวกเขา และตอนนี้หัวหน้าจะให้ผมตอบพวกเขายังไง?”
“บอกความจริง” ชูฮันไม่สนใจเลยสักนิด มันก็แค่คนเกลียดชังเขาที่มีค่าเหมือนกับไม้จิ้มฟัน “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ได้อ่านจดหมายด้วยซ้ำ”
“เวร…” ติงซือเย้าหมดคำพูด เขาไม่มีอะไรจะพูดกับชูฮันอีก
“ในเมื่อเราก่อสร้าง ผู้คนก็จะย้ายเข้าใช้ชีวิตอยู่ในนั้น เราต้องได้ความชื่นชมจากผู้คน” ความคิดของชูฮันนั้นรวดเร็วมาก เขาได้กระโดดไปอีกมิติหนึ่งแล้วโดยไม่มีใครตามทัน “ผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกจะเริ่มกิน ดื่ม เล่น แต่มันต้องไม่เสรีเกินไป เราต้องมีระดับ”
หลายคนมองชูฮันอย่างงงๆ พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ระดับ’
ระดับไหน?
“ชาวบ้านชุดแรกจากค่ายเขี้ยวหมาป่า ก่อนอื่นพวกเขาต้องทำให้ตัวเองมีคุณค่า แน่นอนว่าพวกเขาต้องอาสาสมัคร” นิ้วของชูฮันเคาะเป็นจังหวะสุ่มๆลงกับโต๊ะ ทันใดนั้นประโยคต่อมาก็ทำให้ซางจิ่วตี้ย่นสีหน้าอย่างไม่พอใจ “เรามีผู้หญิงในค่ายเขี้ยวหมาป่ามั้ย?”
“ฟู่~” มีหลายคนที่พ่นน้ำออกจากปากในจังหวะนั้น บรรยากาศตกอยู่นความอึดอัด หลายคนก้มหน้าจ้องไปที่โต๊ะด้านหน้าตัวเองไม้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นดู
“ไม่” ชูฮันแตะปลายคาง ดูเหมือนไม่รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องประชุม “มันอาจเป็นปัญหา แต่มันไม่สำคัญฉันจะพูดถึงเรื่องในเมืองอันลูก่อน
การประชุมดำเนินต่อไปทามกลางบรรยากาศแปลกๆนี่ หลายคนมองหน้าชูฮันด้วยสายตาแปลกๆ
หลังจากการประชุม หลายคนเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงแค่กูเหลียงเฉินที่ยังอยู่
“มีอีกข่าวหนึ่งจากฝั่งนั้น พวกเขาถามว่าหัวหน้าเคลื่อนไหวหรือยัง” กูเหลียงเฉินยิ้มอย่างไม่สามารถปกปิดได้
ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็สามารถคิดออกได้แล้วว่าทำไมชูฮันถึงบอกให้เขาส่งต่อข้อความไปให้ฝ่ายนั้น แค่คิดว่ามีกลุ่มคนมายืนรอคอยซุ่มโจมตีชูฮันอยู่เป็นอาทิตย์ กูเหลียงเฉินก็อยากจะหัวเราะ พวกนั้นมันโง่ชะมัด และเขาคิดว่าเหย่จือโปคงกำลังคลั่งจัดจนอยากจะตาย ชูฮันแกล้งพวกนั้นให้วิ่งไปทั่ว!
“ทำดีมาก ติดต่อพวกมันไว้ ฉันจะบอกพวกมันในอีกสองวันว่าฉันไปจากค่ายเขี้ยวหมาป่า จำไว้ว่าต้องแสดงว่ามันเป็นข่าวเร่งด่วน บอกพวกมันว่าฉันแอบหลบออกไปจากค่ายเงียบๆหลังจากฉันประชุมสั่งการทุกอย่างเสร็จ ฉันมาเจอคนอื่นๆไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ” ชูฮันยังคงมีสีหน้าแจ่มใส ยังไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความรู้สึกผิดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
แววตาของกูเหลียงเฉินเป็นประกาย “คลื่นลูกที่สอง? ท่านพลเอก ท่านยังจะเล่นอยู่อีกเหรอครับ?”