Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 660 สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือจิตใจคน
ตอนนี้ชูฮันถูกนำทางมาถึงด้านหน้าของห้องที่เป็นที่ต้องห้ามภายในคฤหาสน์หลังโตของเถาจินแล้วโดยฟานเจี้ยน มีเจ้าหน้าที่ยืนคุมรักษาการณ์อยู่ห่างออกไป ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกออกคำสั่งไม่ให้เข้าใกล้ห้องลับนั้นอย่างเข้มงวด ถ้าไม่ใช่เพราะฟานเจี้ยนบอกคนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตรงนี้มีห้องลับอยู่
“แค่นี้แหละ ไม่มีใครเข้ามาใกล้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันแต่ก็ไม่เคยเข้าไป” ฟานเจี้ยนชี้ไปที่ประตูที่ล็อคไว้อย่างแน่นหนา “และมันมีตัวล็อคใหญ่มาก นายอยากให้ฉันเปิดให้มั้ย? ค่าจ้างมันถูกมาก ฉันจะให้ส่วนลดนาย—“
พรึบ!
มีเสียงกระแทกเบาๆเกิดขึ้นกระทันหัน ตัวล็อคประตูถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ชูฮันยิ้มและส่งตัวล็อคที่พังแล้วให้ฟานเจี้ยน และเก็บกริชที่เกือบถึงขีดจำกัดใช้งานของมันกลับไปที่ช่องในแขนด้านขวาเหมือนเดิม
ฟานเจี้ยนที่ยังพูดประโยคที่สองไม่จบได้แต่กลืนคำพูดลงคอไป เขายักไหล่ “ถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรละกัน”
ชูฮันอยากจะเปิดประตูห้องเลย ทว่าจู่ๆแล้วคิ้วของชูฮันก็เลิกขึ้น มันมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น
“มีอะไร?” ฟานเจี้ยนถาม
ชูฮันเลียริมฝีปาก ไม่พูดอะไรแต่เลือกที่จะผลักประตูเปิดออกแทนทันที ทันใดนั้นมันก็มีกลิ่นเหม็นๆแปลกๆบางอย่างคลุ้งหนาลอยมาปะทะจมูกชูฮันอย่างแรง ข้างในมือสนิท และเมื่อแสงจากด้านนอกส่องเข้าไป ภาพที่ปรากฏขึ้นก็ช็อคชูฮันและฟานเจี้ยนอย่างแรง
มันไม่มีสมบัติอะไรทั้งนั้น ไม่มีกองภูเขาคริสตัลของซอมบี้หรือเหรียญล่มสลาย ไม่มีสิ่งของมีค่าอะไรเลยสักอย่าง แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือโศกนาฏกรรมของมนุษย์ ชูฮันรู้ว่าเถาจินเป็นคนที่มีความปรารถนาสูงมาก แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะสร้างซ่องไว้ในบ้านตัวเองแบบนี้ แถมยังโหดร้ายอีก
มันมีกลุ่มเด็กสาวสิบกว่าคน เด็กสาวที่อายุเยอะที่สุดคาดว่าประมาณสิบห้าปี ส่วนคนที่เด็กที่สุดนั่นชูฮันเดาไม่ออก ไม่มีใครสักคนที่เป็นสาวโตเต็มวัย เนื้อตัวเปล่าเปลือย มีเพียงแค่เด็กสาวเท่านั้น ทันใดนั้นลมหนาวก็พัดเข้ามาทางประตูที่เปิดไว้ เด็กสาวทั้งหลายตัวสั่นเทิ้ม เบียดอัดแน่นกันอยู่ในมุมห้อง สายตาหวาดกลัวจับจ้องมาที่คนแปลกหน้าสองคนที่ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หากไม่มีใครส่งเสียงหรือพูดอะไรเลย แม้ทุกคนจะดูสะอาดทว่ากลับผอมแห้งติดกระดูก
ตรงพื้นในห้องนั้นมันมีกองเลือดสีดำจำนวนมากเปรอะอยู่ซึ่งไม่สามารถเดาได้ออกว่าเป็นเศษซากของอะไร อีกมุมหนึ่งของห้องมีกองสิ่งเหม็นเน่าอยู่ที่ดูไม่ออกว่าคืออะไรแต่มันเหม็นเน่าแล้วแน่นอน
ทันใดนั้นแววตาของฟานเจี้ยนก็เปลี่ยนไป “ไอ้เ*ย!”
ชูฮันยืนอยู่ตรงกรอบประตู ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอยู่เป็นเวลาพักหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นว่าชูฮันมีสีหน้าอย่างไรท่ามกลางความมืด มีเพียงแค่คลื่นพลังงานพลังผวนบางๆหมุนวนรอบตัง
ในตอนนั้นเองฟานเจี้ยนก้าวเท้าเดินนำเข้าไปด้านในก่อน น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของฟานเจี้ยนส่งผลให้เด็กๆหวาดกลัวกันยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก ทุกคนทำหน้าเหมือนกับเจอปีศาจ เด็กสาวที่ดูเหมือนอายุสิบปีกลัวจนตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า
“อย่ากลัว! ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยหนู!” ฟานเจี้ยนถอดเสื้อคลุมของเขาออกมา เขาต้องการนำมันไปคลุมตัวของเด็กน้อย ทว่าเด็กสาวกลับกลัวและพยายามถดตัวถอยหนีไปหลบที่มุมห้อง ร้องไห้กระซิกและตัวสั่นเทิ้ม
“ไม่ต้องกลัวนะ! ฉันไม่ใช่คนไม่ดี” ฟานเจี้ยนรู้สึกหัวใจสลายกับภาพที่ได้เห็น เขาพยายามส่งยิ้มใจดีให้เด็กสาวคลายความกลัว “พวกหนูมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง บอกพี่ชายมาได้เลย ใครรังแกหนู เห็นพี่ชายคนข้างหลังพี่มั้ย เขาแข็งแกร่งมาก เป็นคนที่ทรงพลังที่สุดในโลก หนูบอกพวกพี่มา พวกพี่จะไปจัดการมันให้เอง”
“อย่าถาม!” จู่ๆชูฮันก็พูดขัดฟานเจี้ยนขึ้นมา น้ำเสียงเรียบปกติหากแฝงไปด้วยความกดขี่
ฟานเจี้ยนชะงักและหันไปจ้องชูฮัน ฟานเจี้ยนที่หันไปเห็นชูฮันตอนนี้เกิดอาการช็อค เขาบรรยายชูฮันในตอนนี้ไม่ถูก แต่ทันทีที่เห็นจิตใต้สำนึกของเขาคิดว่านี่ไม่ใช่ชูฮันแน่ๆ
ฟานเจี้ยนไม่เคยเห็นชูฮันเป็นแบบนี้มาก่อน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจกดขี่อย่างรุนแรง ราวกับว่าวินาทีต่อไปเขาพร้อมที่จะถล่มโลกแล้ว
“พวกเธอเป็นใบ้” ชูฮันพูดเสียงแหบ ฟังดูราวกับจะหายใจไม่ออก
สิ่งที่กองอยู่ในมุมและเหม็นเน่านั้นชูฮันรู้ว่าคืออะไร มันคือลิ้น ลิ้นมากกว่าสิบชิ้นถูกตัดและทิ้งไว้จนเน่า ดูแล้วมันน่าจะผ่านมานานแล้วเพราะกลิ่นเหม็นเน่าโชยรุนแรงมาก มีหนอนแมลงจำนวนมากค่อยๆโตขึ้นจากกองลิ้นเน่า นั้นจึงเป็นสาเหตุที่พอพวกเขาเปิดประตู เด็ดสาวที่อยู่ด้านในจึงไม่มีใครส่งเสียงกันเลยสักคน มันมีเพียงแค่สาเหตุเดียวนั้นก็คือลิ้นของพวกเธอถูกตัด ซึ่งการพูดของทุกคนถูกทำลายทิ้งไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ทำไมเถาจินถึงทำแบบนี้? ชูฮันไม่กล้าจะคิด มันโหดร้ายและทารุณเกินกว่าที่ใครจะรับได้
ชูฮันรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ เขาอยากจะฆ่าคน
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกาวินาศไม่ใช่ซอมบี้ ไม่ใช่ลูกผสม แต่เป็นจิตใตคน!
“ไปกัน ฉันจะกลับมารับพวกเธอหลังรุ่งสางเอง” ชูฮันพูดทิ้งไว้ ใจจริงเขาตั้งใจจะจากไปโดยไม่กลับมาอีก
ในตอนนั้นเอง จู่ๆขากางเกงของชูฮันก็ถูกดึงไว้ ชูฮันหันหน้ากลับมาดูและได้เห็นเด็กสาวตัวน้อยพยายามดึงกางเกงเขาไว้ไม่ให้ไป เนื้อตัวของเด็กน้อยเปล่าเปลือยเหมือนกับทุกคนในห้อง แต่ที่ต่างจากคนอื่นคือเด็กน้อยคนนี้มีแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น
ในมือของเด็กน้อยมันมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ใช้เลือดเขียน ซึ่งมันก็คือความในใจที่เด็กน้อยต้องการจะพูด
มันเป็นเพียงแค่ประโยคไม่กี่บรรทัด : หนูชื่อ ตงหรุย เถาจินเป็นฐาติของหนู พี่แข็งแกร่งมั้ย? หนูยอมทำทุกอย่างที่พี่ต้องการแต่หนูต้องการฆ่าเถาจิน
“ไอ้ชั่ว!” ทันใดนั้นพลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 6 ของฟานเจี้ยนก็ระเบิดออกมาทันที เขาโกรธแค้นและพร้อมจะอาละวาดเต็มที่!
สถานการณ์มันชัดเจน ชูฮันไม่กล้าที่จะสื่อสารกับเด็กน้อยต่ออีก เขากลัวว่ายิ่งรู้มากเท่าไหร่เขาก็ยับยั้งอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมาไม่ได้ เขากลัวว่าตัวเองจะเข้าสู่ความมืด เขาไม่อยากเผชิญตัวตนที่โหดร้าน ด้านมืดที่สุดของธรรมชาติมนุษย์ของตัวเองอย่างในชาติที่แล้วอีก
พั้วะ!
ชูฮันถอดเสื้อคลุมตัวเองออกไปคลุมร่างของเด็กน้อยไว้แน่น สบตากับแววตาเย็นชาและไร้ซึ่งความกลัวของเด็กน้อย ชูฮันก็ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะระงับอารมณ์ตัวเองและเอ่ยขึ้น “ฉันจะจับมันมันมาให้หนูฆ่ามันด้วยตัวเอง!”
การแก้แค้น ชูฮันเข้าใจอารมณ์ของเด็กน้อยดี ตอนนี้ชูฮันได้ทำการวางแผนในใจแล้ว เด็กสาวที่ชื่อตงหรุยตรงหน้าเขานี้ ไม่ว่าในอนาคตเด็กคนนี้จะกลายเป็นปีศาจร้ายขนาดไหนชูฮันก็ไม่สนใจ เขาจะปล่อยให้ปีศาจในตัวเธอได้เติบโตขึ้น เธอจะต้องได้แก้แค้น
นี้คือสิ่งที่เขาคุ้นเคยดีในโลกาวินาศของชาติที่แล้ว มันไม่มีที่ไหนดีแท้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีที่ไหนไม่มีเหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจคน การปะทุของโลกาวินาศไม่ใช่ระบบวิเนศของโลก แต่มันคือมนุษย์ที่ถูกทำลายไปแล้วต่างหาก แม้จะอีกสิบปีข้างหน้าทุกคนก็ยังชดใช้ไม่พอ
ทันใดนั้นชูฮันก็ลุกขึ้นยืน พลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 4 ในตัวชูฮันระเบิดออกมาสูงสุด “ราชานักล่า ไปที่นึงกับฉัน!”
ตอนแรกชูฮันตั้งใจให้คืนนี้เป็นคืนเงีบสงบก่อน แต่ความวุ่นวายที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก ภาพที่เกิดขึ้นในห้องได้ผลักดันแผนการของชูฮันให้พุ่งไปถึงระดับสูงสุด