Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 753 ส่งขึ้นสวรรค์ซะเลยสิ?
ตอนที่ 753 ส่งขึ้นสวรรค์ซะเลยสิ?
ทันทีที่ก้าวเท้าก้าวแรกเข้าไปในสถาบันวิจัยชูฮันก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติของที่นี่ทันที เช่นเดียวกับค่ายเขี้ยวหมาป่า มันก็เป็นสถาบันวิจัยที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดภายในค่ายและไม่มีใครรับรู้ถึงกระบวนภายในของตัวสถาบันวิจัย
ชูฮันเดินไปตามทางเดินของตัวสถาบันวิจัยพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจอย่างถี่ถ้วนไปด้วยเขาเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ร่วมกะอีกสามคน ทั้งสามคนนี่เองก็รักษาท่าทีนิ่งสงบเอาไว้ บางทีก็อ้าปากหาวเนื่องจากมันไม่มีอะไรให้ทำ ดูเหมือนว่าทั้งสามคนนี้จะไม่ได้เป็นกังวลอะไรมากเกี่ยวกับหน้าที่ของตัวเองเลย
ชูฮันพยายามไม่ให้ใครได้เห็นใบหน้าของเขาเขาคอยรักษาระยะหลังและเดินตามหลังทั้งสามคน นอกเหนือจากประตูบานแรกที่เปิดเข้ามาสู่สถาบันวิจัยแล้ว ด้านในมันยังมีบานประตูอีกมากมายเพื่อทะลุไปยังห้องต่างๆ และเช่นเดียวกันทุกๆประตูจะมีตัวล็อคที่ต้องใช้ลายนิ้วมือเพื่อทำการปลดล็อค การก่อสร้างของสถาบันวิจัยค่ายหนานตู้นั้นเรียกได้ว่าก้าวหน้าเลยทีเดียว มันมีการแบ่งแยกระดับการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ภายในสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าไปในห้องไหนก็ได้ ตัวอย่างเช่น เฉินเจิ้นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวรยามสามารถใช้ลายนิ้วมือปลดล็อคได้แค่บานประตูเข้าสู่สถาบันและพื้นที่ปฏิบัติการของตัวเองเท่านั้น ส่วนประตูที่อยู่ชั้นลึกเข้าไป อำนาจของเขาไม่ถึงพอที่จะเข้าไปได้…
ถ้าตอนนี้เป็นชูฮันที่เดินนำคนแรกและจะต้องใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคประตูเข้ามามันคงจะเกิดเสียงสัญญาณเตือนภัยร้องระงมไปแล้ว เรียกได้ว่าโชคดีที่ชูฮันได้เดินรั้งท้าย สามคนตรงหน้าจึงปลดล็อคประตูแทนให้เขาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากผ่านไปสักพักทั้งสี่คนก็เดินเข้ามาถึงห้องทำงานของตัวเองท่ามกลางความเงียบที่แปลกประหลาด ภายในห้องนี้เต็มไปด้วยหน้าจอที่แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดทั่วทั้งสถาบันวิจัย ซึ่งสามารถมองเห็นภายในแทบทุกห้องในสถาบันวิจัยผ่านทางกล้องได้เกือบหมด
เมื่อเข้ามาภายในห้องควบคุมแล้วชูฮันก็รู้สึกราวกับโดนตบหน้า ความงุนงงสับสนทั้งหลายประดังประเดเข้ามา นี้ค่ายหนานตู้ใช้เงินและทรัพยากรไปทั้งหมดเท่าไหร่กันในการก่อสร้างสถาบันวิจัย? ดูเหมือนว่าพลังทั้งหมดของค่ายทุ่มลงมาที่สถาบันวิจัยที่เดียว?
ดูที่เหล่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลายเหล่านี้สินี้มันมากเกินยิ่งกว่าในยุคศิวิไลซ์ด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยทำไมสมาชิกแต่ละคนของ Mensa ถึงถูกทีมหลงยาและฮูหยาชิงตัวส่งมาที่ค่ายหนานตู้ทั้งหมด เพราะไม่มีใครล่วงรู้ถึงกระบวนการภายในของสถาบันวิจัยหนานตู้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างสถาบันวิจัยแห่งนี้มันมีความเกี่ยวของซางจิงกับขอบเขตอำนาจของฉางกวนหลงรึเปล่า?
ข้อสงสัยพุ่งเข้ามาในหัวชูฮันทันทีแต่มันก็แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ส่วนทั้งสามคนหลังจากเข้ามาภายในห้องแล้วพวกเขาก็พร้อมใจกันนั่งลงบนโต๊ะทันที ซึ่งการกระทำของทั้งสามคนมันทำให้ชูฮันค่อนข้างแปลกใจโดยเฉพาะเสียงคุ้นหูที่ได้ยิน “เฉินเจิ้น กฏเดิม พวกเราสามคนจะเล่นไพ่ นายจะไปเดินเล่นรอบๆฆ่าเวลาก็ได้”
ชูฮันในตอนนี้เหมือนกับหมาหน้าโง่เขานิ่งงัน หันหน้ากลับไป และได้เห็นชายหัวล้านนั่งอยู่หัวโต๊ะและกำลังสับไพ่เล่น!
เหอซาง?!
นี่มัน…เขามาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?
อาการช็อคและตกใจประดังประเดเข้ามาทันทีอารมณ์ตีกันไปมาจนวุ่นอยู่ในอกชูฮัน หากภายนอกยังคงดูนิ่งสงบ ชูฮันก้าวเท้าไปมั่วๆสองก้าว หากความจริงคือเขากำลังสังเกตการณ์อีกสองคนข้างกายเหอซางไปด้วยอยู่อย่างละเอียด
ชูฮันไม่รู้จักคนแปลกหน้าสองคนนี้แต่ทั้งคู่ก็หัวล้านเหมือนกับเหอซาง คนหนึ่งมีขนาดตัวเท่ากับเหอซาง กำลังนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิดขณะจ้องไปที่ไพ่ในมือ ส่วนอีกคนคือคนที่เดินตรงนำหน้าเข้ามาหาชูฮันก่อนหน้านี้ เป็นชายร่างกำยำหัวล้านและกำลังจ้องไปที่ไพ่ในมือด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกัน
คนหัวล้านทั้งสามคนนั่งด้วยกันภาพที่เห็นช่างน่าขันเหลือเกิน แต่ในความคิดของชูฮัน มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ!
ทำไมเหอซางถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!
เหอซางยังคงมีความภักดีต่อชูฮัน100% เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนและไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงหรือเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช้เจตนาของเหอซางที่จะมาปรากฏตัวที่นี่อย่างแน่นอน แต่แล้วหัวล้านอีกสองคนนี่คือใครกัน? หรือพวกเขาเป็นคนติดตามของเหอซาง?
เป็นเวลาชั่วหนึ่งที่กว่าชูฮันจะจัดการความวุ่นวายภายในหัวได้หลังจากนั้นเขาก็จำได้ถึงคำพูดของเฉินเจิ้นก่อนหน้านี้ ทั้งสามคนชื่อ กวงโถว เสี่ยติงและเต้าเหวิน…เป็นคนเดียวกันจริงๆด้วยสินะ แล้วทำไมเหอซางถึงได้มาติดอยู่ที่นี้ได้?
หลังจากคิดทบทวนเกี่ยวกับเหตุและผลอยู่ในหัวหากชูฮันก็ยังไม่ฟื้นจากอาการตกใจ เขาได้แต่สะบัดเพื่อไล่ความสับสนออกไปและนั่งลงที่เก้าอี้ว่างตรงหน้า ชูฮันเริ่มย้อนนึกถึงว่าหัวล้านสองคนนำพามาเจอกับเหอซางได้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังมีคนนอกอยู่ ซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ช่วงเวลาและสถานที่ที่ละเอียด่อน เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ ตอนนี้เขาควรจะเป็นกังวลและระมัดระวังเรื่องเหอซาง เขาต้องไตร่ตรองให้ดี แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่กระทันหันมากทำให้ในตอนแรกชูฮันยังตั้งตัวไม่ทัน
อย่างไรก็ตามเพราะท่าทีลังเลของชูฮันทำให้ทั้งสามคนที่กำลังเล่นไพ่กันอยู่หยุดมือทันที เหอซางจ้องอีกฝ่ายอย่างสงสัย “อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดสิเฉินเจิ้น วันนี้ทำไม? รู้สึกไม่ดีเหรอ?”
ชูฮันยกยิ้มมุมปาก…แกสิรู้สึกไม่ดีอย่าให้เขาอารมณ์ขึ้น!
”สนใจอยากเล่นไพ่ด้วยกันมั้ยล่ะ?”เสี่ยติงที่นั่งถัดไปจู่ๆก็เสนอขึ้นมา
”ไอ้หัวล้านเงียบปากไป!” ชายหัวล้านร่างใหญ่แทบจะขย้ำคอเสี่ยติงอยู่ร่อมร่อ
”ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าหัวล้าน!ถ้านายยังไม่ฟัง อยากโดนกระแทกหน้าใช่มั้ย?” เสี่ยติงสุมด้วยไฟโกรธ
แปะ!แปะ!
ทันใดนั้นเหอซางก็ตบเข้าที่หน้าของทั้งคู่เพื่อเรียกสติน้ำเสียงหมดความอดทนอย่างชัดเจน “กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องบอกว่าห้ามทะเลาะกัน! วิดพื้น 20 ครั้งเดี๋ยวนี้!”
เสี่ยติงและกวงโถวมองหน้ากันและกันอย่างไม่อยากจะทำตามคำสั่ง
ชูฮันที่กลายเป็นผู้ชมไปแล้วได้แต่มองงงที่ไปชายหัวล้านสองคนที่ดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งของเหอซางสุดๆ
อย่างไรก็ตามชูฮันไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ทันทีที่เสี่ยติงและกวงโถวลงไปนอนราบที่พื้นเพื่อวิดพื้น ชูฮันก็ลบความสงสัยบนสีหน้าออกไป และส่งสัญญาณให้กับเหอซางที่ยืนเผชิญหน้ากับเขาอยู่
ขณะที่ชูฮันคิดว่าเหอซางจะต้องมีสีหน้าประหลาดใจจนแทบจะร้องออกมาแน่ๆเมื่อได้เห็นเขาและต่อมาชูฮันก็พยักหน้าเงียบๆส่งสัญญาณให้เหอซางเพื่อรอโอกาสไปคุยกันตามลำพัง—–
”พระเจ้า!หัวหน้า!” เสียงกรีดร้องราวกับหมูโดนเชือดร้องลั่นออกมาจากปากเหอซางที่ทำให้ชูฮันผวา แถมยังทำให้เสี่ยติงและกวงโถวที่กำลังวิดพื้นอยู่ขนลุกจนหน้าทิ่ม
เฮ้ย!
ชูฮันตะลึงคอแข็งทันที…เหอซางมันไร้ไหวพริบแถมยังแหกปากประกาศลั่นขนาดนี้ ไม่ส่งเขาขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ!
ขณะที่ชูฮันกำลังตะลึงและยังไม่ทันตั้งตัวเหอซางก็รีบออกคำสั่งกับหัวล้านที่กำลังอึ้งอีกสองคนทันที “กวงโถวออกไปยืนเฝ้าตรงประตูเอาไว้ แม้แต่มดก็อย่าให้เข้ามา เสี่ยติงไปชงชามาให้หัวหน้าเร็ว!”
ต่อมาชูฮันก็ประหลาดใจที่ได้เห็นท่าทางของเหอซางที่ดูตื่นเต้นตื้นตันจนเกินเหตุ เขาวิ่งราวกับลมพัดเข้ามาหาชูฮัน ดึงหน้ากากของชูฮันออกไป ปากก็ร่ายยาวรัวเร็ว “หัวหน้า! ผมเอาออกให้ หัวหน้าจริงๆด้วย! ทำไมหัวหน้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? หัวหน้า@#$%^@#$%^&!”
ชูฮันได้แต่กระพริบตาปริบๆและมองไปที่เสี่ยติงและกวงโถวที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเขา เขาเข้าใจว่าทำไมเหอซางถึงมีลูกน้องอีกสองคน เพราะมันทำให้ทั้งสี่คนที่เข้ากะเวลาเดียวกันในสถาบันวิจัยเป็นพวกเดียวกันหมด
เหอซางสามารถตรอบสอบพื้นที่จุดไหนก็ได้ที่อยากทำเข้าไปอ่านข้อมูลตรงไหนก็ได้ตามสิทธิจำกัดที่มี
สิ่งที่ได้ในวันนี้ค่อนข้างมากกว่าคิดไว้เยอะ!