Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 769 การแก้แค้นของอัจฉริยะ
ตอนที่ 769 การแก้แค้นของอัจฉริยะ
”ช่างน่าเห็นใจ”ชูฮันเอ่ยออกมาช้าๆ หากมันมาจากหัวใจ
”นายไม่เข้าใจหรอกนายไม่มีความเมตตา!” ฮูเหมิงฮาวกรีดร้องอย่างเสียสติ หน้าซีดเผือดบูดเบี้ยว “นายไม่เข้าใจว่าคนคนหนึ่งต้องถูกปล้นโอกาสที่จะได้กลายเป็นนักวิทยาศาตร์ ได้เข้าเรียนในสถาบันที่สูงสุด ได้ประสบความสำเร็จ! และฮูเหมิงฮาน ไอ้ชั่วนั้นมันแอบอ้างเป็นฉันไปเรียนและก็โดนไล่ออกทันทีตั้งแต่เดือนที่สาม! มันทำลายโอกาสชีวิตของฉัน!”
ชูฮันไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าพลางนึกย้อนไปถึงพ่อแม่ของเขาที่เป็นคู่รักที่ฉลาดที่สุดในจีน แต่กลับเลือกที่จะทำงานเป็นชนชั้นปกติ
”ทำไมนายไม่ถามฉันล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นแล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” ฮูเหมิงฮาวดูเหมือนจะเริ่มคิดว่าการพูดคนเดียวมันน่าเบื่อ
ชูฮันรู้สึกปวดขมับทันทีไอ้นี่มันคิดไม่ออกว่าจะพูดต่อเองยังไงเหรอไง?
”เกิดอะไรกับนายหลังจากนั้น?ทำไมตอนนี้นายถึงมาอยู่ที่นี่?” ชูฮันเบ้ปาก กัดฟันพูดออกมาอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
”ตอนที่ฉันกำลังแย่ฉันบังเอิญได้รู้จักกับองค์กรอย่างMensa ได้ยินว่ามันคือองค์กรที่มีแต่เหล่าอัจฉริยะในจีน เป็นสถานที่ที่รวบรวมคนที่มีทักษะระดับสูงที่ครอบคลุมทุกระดับและทุกทักษะจากทั่วทั้งจีนมาไว้ทั้งหมด” ในที่สุดฮูเหมิงฮาวก็พูดเข้าประเด็นสักที “ต่อไปนายก็คงพอจะเดาได้ ฉันที่มีแต่เอกสารยืนยันตัวตนเป็นชื่อของฮูเหมิงฮานก็สามารถผ่านการประเมิณการเป็นสมาชิกของMensaได้ และกลายเป็นสมาชิกหลักของMensaแห่งจีน อันดับที่สองของความฉลาด”
”อันดับสอง?”ชูฮันที่ได้ยินประหลาดใจ เหอซางคืออันดับหนึ่ง และฮูเหมิงฮาวเป็นอันดับสอง?
”ใช่การปรากฏตัวของฉันทำให้ทั้งMensaตะลึงกันหมด และฉันก็ได้เจอกับอาจารย์ของฉัน ท่านซาวชุนฮุย ฉันมักจะนับถือท่านเหมือนกับพ่อคนที่สอง เป็นพี่ชาย เป็นสหายที่ไว้วางใจได้มากที่สุดก่อนที่มันจะเกิดโลกาวินาศ…” ฮูเหมิงฮาวพูดพร้อมกับรอยยิ้มยามคร่ำครวญถึงอดีต “หลังจากนั้นฉันก็โดนขังอยู่ที่นี่คนเดียว ฉันจึงได้เรียนรู้วิธีศึกษาการแสดงออกทางกล้ามเนื้อขนาดไมโครผ่านการสังเกตอารมณ์ของคน”
ข้อมูลที่ได้รับรู้จำนวนมากในวันนี้กระแทกเข้าหัวชูฮันเสียงของชูฮันสั่นๆอย่างตกใจ “นายหมายความว่าไง? ก่อนหน้านี้…”
มันหมายความว่ายังไง?
ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้โกหกเขาซึ่งๆหน้ามันก็หมายความว่าทุกความเข้าใจของเขาในชาติที่แล้วมันผิดเพี้ยนไปหมด?
”ใช่ฉันไม่ใช่คนดี” ฮูเหมิงฮาวแสยะยิ้ม “ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าฉันตัวคนเดียวจะใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินพร้อมขาพิการแบบนี้ได้ยังไง? ก็ต้องกินเนื้อพวกหนูสกปรกๆประทังชีวิตเอาสิ?”
”แม่ง!อี๋!” แม้แต่ชูฮันยังรู้สึกขยะแขยง
”ฉันสกัดสารอาหารออกมาไม่ได้กินมันโดยตรง” ฮูเหมิงฮาวไม่ชอบปฏิกิริยาที่ชูฮันแสดงออก เขาจึงอธิบายเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน
”โอเคข้ามเรื่องนี้ไปเถอะ” แต่แล้วจู่ๆชูฮันก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงรีบถามออกไป “นายมีคนรักมั้ย?”
”ใช่แต่ฉันไม่ได้เจอเธอมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ฉันเสียขาทั้งสองข้างไป ฉันก็ไม่ได้เจอเธออีก เมื่อก่อนเธอชอบมาดูฉันเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้ฉันไม่มีขาแล้ว รู้มั้ยว่าฉันจะรู้สึกยังไงเวลาต้องเจอหน้าเธอ? เพราะงั้นฉันก็เลยเลือดที่จะไม่เจอเธออีกเลยจนกระทั่งโลกาวินาศปะทุขึ้นมา ฉันก็ขาดการติดต่อกับเธอไปอย่างสิ้นเชิง” สีหน้าของฮูเหมิงฮาวแสดงออกถึงความเจ็บปวดในใจอย่างมาก “ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะยังมีชีวิตอยู่มั้ย จะเป็นตายร้ายดียังไง?”
”ใช่…เหว่ยอันรึเปล่า?”ชูฮันถามขึ้นมา เขาพูดถึงชื่อๆหนึ่งที่เขาแทบจะลืมไปแล้วสนิทใจ
เหว่ยอัน…ชูฮันได้พบกับเธอระหว่างทางที่เขามุ่งหน้ามาเมืองอันลูเธอคือผู้หญิงที่เขาพบบนเรือตอนที่ข้ามแม่น้ำ เหว่ยอันและลียี่เองก็มาที่อันลูเพื่อตามหาแฟนของพวกเธอแต่เหว่ยอันได้ไปกับเจอฮูเหมิงฮานที่ปลอมตัวเป็นฮูเหมิงฮาวแทนก่อน ซึ่งตอนนั้นชูฮันเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมที่ผู้หญิงนิสัยดีอย่างเหว่ยอันถึงได้ไปคบกับผู้ชายนิสัยอย่างฮูเหมิงฮาวได้?
แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ความจริงว่าฮูเหมิงฮาวที่เขาคิด ไม่ใช่ฮูเหมิงฮาวตัวจริง…ทุกอย่างมันก็กระจ่างและเค้าเข้า
”นาย…รู้จักเธอ?”ครั้งนี้ฝ่ายที่ช็อคเป็นฮูเหมิงฮาวแทน แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
”ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ค่ายของฉัน”ชูฮันส่ายหัวเบาๆ
”นาย!เอ่อ…นาย…” ฮูเหมิงฮาวตื่นเต้นและตกใจอย่างมากจนหาคำพูดตัวเองไม่เจอ
”ไม่ได้เด็ดขาด”ชูฮันปฏิเสธทันทีไม่ทันรอให้ฮูเหมิงฮาวพูดด้วยซ้ำ
ครั้งนี้ชูฮันมีความคิดที่ชัดเจนข้อมูลที่เขาได้รับรู้จากฮูเหมิงฮาวในวันนี้มันน่าตกใจ และชูฮันต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองมันอย่างละเอียดพักหนึ่ง ดังนั้นชูฮันจึงขอถอยเพื่อคิดทบทวนก่อน “ข้อที่หนึ่ง ฉันไม่ไว้ใจนาย ข้อที่สองฉันไม่รู้ว่าฉันสามารถเชื่อคำพูดของนายเกี่ยวกับซาวชุนฮุยได้จริงมั้ย ข้อที่สาม ต่อให้ฉันเชื่อนายและพานายไปที่ค่ายของฉัน ฉันก็ต้องมีพาหนะที่เหมาะสมกับการพานายเดินทางไกลขนาดนั้น แม้แต่จะออกไปจากที่นี้มันยังยากเลย”
ตาของฮูเหมิงฮาวเบิกกว้างอย่างประหลาดใจเขาไม่คิดว่าชูฮันจะพูดตรงๆเช่นนี้ “นายอยากได้อะไรจากฉัน? ดูสภาพฉันสิ นี้ฉันถูกซาวชุนฮุยขังไว้มันก็เห็นได้ชัดเจน นายจะให้ฉันทำยังไงอีก?”
”ใจเย็นก่อนตอบคำถามฉันมาก่อน” ชูฮันในตอนนี้สามารถควบคุมอีกฝ่ายไว้ในมือได้แล้ว “ทั้งๆที่ฮูเหมิงฮานเป็นน้องชายของนายแต่เขากลับเป็นศัตรูกับนาย เพราะงั้นฉันที่เป็นคนนอกก็ต้องระแวงไว้เป็นเรื่องปกติ”
”งั้นพูดมานายจะเอายังไง?” ชูฮันขมวดคิ้ว ในหัวพยายามนึกถึงความเป็นไปได้
”ทำให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ไปเลยป่าวประกาศออกไป! พ่อแม่ของฉันยังไม่ตาย ฉันต้องการให้พวกเขาได้รับรู้แท้จริงแล้วว่าซาวชุนฮุยมันเป็นสวะที่ชั่วขนาดไหน!” ฮูเหมิงฮาวพูดอย่างเคียดแค้น “ฉันไม่ได้ต้องการแค่ล้างแค้นฮูเหมิงฮานเท่านั้น แต่ฉันต้องการจัดการซาวชุนฮุยด้วย มันน่าจะกว่าถ้าปล่อยพวกมันให้อยู่พร้อมกันแล้วก็จัดการทีเดียวเพราะพวกมันทำลายชีวิตของฉัน!”
แววตาของชูฮันเป็นประกาย…ใช่แล้วในชาติที่แล้วฮูเหมิงฮานเป็นคนฆ่าซาวชุนฮุยและยึดตำแหน่งมาครอง ทำให้ชื่อฮูเหมิงฮานเป็นที่รู้จักในด้านลบ
แม้ว่าฮูเหมิงฮานจะตายไปแล้วแต่ความเคียดแค้นในใจของฮูเหมิงฮาวยังคงมีอยู่และไม่ลังเลที่จะกระโจนเข้าไปในกองไฟ เขาใช้ชื่อของฮูเหมิงฮานที่สวมรอยอยู่ฆ่าซาวชุนฮุยที่ทรมานเขา พร้อมกับทำให้โลกต้องจารึกถึงความเลวของฮูเหมิงฮานเอาไว้ ดูเหมือนความเกลียดของฮูเหมืองฮาวจะฝังรึกจนครอบงำจิตใจไปหมด
ดังนั้นชูฮันไม่ได้ฆ่าผิดตัวแล้ว ทุกอย่างในชาติที่แล้วกำลังดำเนินตามรอยเดิม แต่แล้วเรื่องของการทดลองมนุษย์ล่ะ…
”แล้วเรื่องการทดลองมนุษย์ล่ะ?”ชูฮันถาม
โดยไม่คาดคิดสีหน้าของฮูเหมิงฮาวแสดงออกถึงความรังเกียจทันที “นี่นายกำลังดูถูกความฉลาดของฉัน? ความสามารถและมันสมองที่มากขนาดนี้ การทดลองมนุษย์เป็นโครงการที่ไร้ประโยชน์?!”
มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าชูฮันเขาสบตาฮูเหมิงฮาวอีกครั้ง “คำถามสุดท้าย นายรู้จักพ่อแม่ของฉันหนิ ตอนนี้พ่อฉันอยู่ไหน?”