Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 79 สงครามในเมืองแห่งความตาย
เขาวงกตเกิดจากการจัดเรียงรถ โดยรถแต่ละคันจะเต็มไปด้วยของหนักๆอยู่ในรถ เช่นพวกก้อนหินและโขดหินเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะอยู่กับที่ ล้อรถถึงกับถูกยึดติดกับพื้นเพื่อป้องกันการโดนซอมบี้ผลักจนรถเคลื่อนที่ไปจากจุด มันมีช่องว่างเล็กระหว่างรถแต่ละคัน พอให้คนหนึ่งคนผ่านไปได้ ส่วนคนที่เหลือได้รับคำสั่งจากชูฮันให้จับกลุ่มกันยืนเป็นครึ่งวงกลมเว้นช่องว่างตรงกลางไว้ แต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวณ10-15คน แต่ละคนจับอาวุธในมือของตัวเองไว้แน่น
เขาวงกตปิดทางเข้าของค่ายได้อย่างยอดเยี่ยม เขาวงกตที่จู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาราวกับถูกดึงออกมาจากกลีบเมฆ
ตรงจุดทางเข้า พื้นที่ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยดินและฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจนเกิดเป็นควันสีขาวลอยอยู่ในอากาศ มันมีบางอย่างอยู่บนดิน ถึงแม้ทุกคนจะเห็นไม่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่พวกเขาเห็นแต่ละจุดมีเชือกทอดยาวไปทางวงกตที่พวกเขาสร้าง
น้ำมันถูกเทลงบนเชือกที่มีป้ายแตกต่างกันไปแต่ละอันติดอยู่บนเชือก มีตัวอักษรพวก A, B, C และ D ติดอยู่บนเชือกแต่ละอัน ขณะที่เฉินช่าวเย่ที่ยืนถือคบเพลิงอยู่ข้างหน้าเชือกเส้นหนึ่ง รอฟังคำสั่งของชูฮัน
เฉินเสี้ยนกาว เย๋เฉิน และเยวจึ ต่างยืนกันอยู่บนรถบรรทุก เช่นเดียวกับซางจิ่วตี้และป่ายหวีเนอ ส่วนเลาเสี่ยวเสียวยืนอยู่ข้างๆชูฮัน จับปืนของเธอไว้แน่น ทุกคนต่างถูกมอบหมายงานและจุดต่างๆไว้ให้ประจำ
ทุกคนรออย่างเงียบๆ ขณะที่เสียงคำรามที่ดังต่อเนื่องเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ และเป็นเพียงเสียงเดียวที่ได้ยิน
ชูฮันยืนอยู่บนหลังคารถบรรทุกที่สูงที่สุด จับขวานไว้ด้วยมือข้างขวา ส่วนมือซ้ายก็ถือโทรโข่งไว้
เขาเป็นนายพลของผู้คนในฐานสำหรับสงครามครั้งนี้ พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัว หาอุปกรณ์ และกำลังมากพอ เขาต้องจัดการและแจกจ่ายงานทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว
เขาเป็นผู้นำของทุกคนและทุกคนจะทำตามคำสั่งเขาคนเดียวเท่านั้น
พวกเขามีกันแค่700กว่าคนต่อซอมบี้นับหมื่นๆตัว ถ้าคนอื่นๆมาเห็นว่าชูฮันต้องการสู้กับซอมบี้ที่มากกว่า2หมื่นตัวด้วยจำนวณคนเพียงแค่700คน พวกเขาคงจะตราหน้าชูฮันว่าเสียสติไปแล้ว เป็นคนบ้า ซอมบี้จำนวณมากขนาดนี้ทำให้คนอื่นๆนั้นคาดเดาถึงผลลัพธ์ได้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคน700คนนี่ และมองว่ามันคือการทำลายล้างอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ชูฮันไม่คิดจะลังเลแม้แต่น้อย พร้อมกับให้คำสัญญากับคนเหล่านี้ว่าพวกเขาจะชนะและรอดชีวิตไปได้!
ศัตรูของพวกเขาเป็นแค่เพียงกลุ่มคนที่ไม่มีเหตุมีผลและไม่มีสมองคิด แค่ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ!
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทุกคนกลั้นลมหายใจ ฝูงของซอมบี้เริ่มเข้ามาใกล้มากแล้ว กลิ่นอันน่าขยะแขยงจากเนื้อเน่าเปื่อยของซอมบี้เริ่มลอยมาแตะจมูกของผู้คนในค่าย ผู้คนเริ่มมองเห็นภาพฟันหน้าของซอมบี้ที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำ โดยเฉพาะเมื่อมีแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วบริเวณเช่นนี้ พวกมันสวมเสื้อผ้าเก่าๆขาดรุ่งริ่ง ผิวหนังเน่าเปื่อยและเหี่ยวย่น เดินโซซัดโซเซราวกับหุ่นยนต์มาทางฐาน
พวกมันมาถึงจุดที่ผู้คนในค่ายใช้ปลูกผลไม้และผักก่อน ผักถูกบดขยี้โดยเท้าของพวกมันจนเละ ขณะที่เลือดสีดำและเนื้อเน่าเปื่อยของพวกมันกระจายไปทั่วพื้น
เหล่าผู้คนที่ทำงานหนักมากเพื่อปลูกพืชผักเหล่านั้นต่างลุกโชนด้วยความโกรธ นั่นเป็นอาหารของพวกเขาและพวกเขาจะได้เก็บเกี่ยวมันอยู่แล้วในอีกไม่กี่เดือน แต่ตอนนี้พวกมันกลับถูกเหยียบจนแบน ผักเหล่านั้นจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อีกแล้วเพราะตอนนี้พวกมันถูกบี้จนเละ!
ฝูงซอมบี้เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น มันเบียดอัดกันเดินไปทางที่มีผู้คนยืนอยู่ พวกมันเกือบจะถึงแล้ว
“โซน A ระเบิดได้!”
เสียงดังลั่นของชูฮันที่ถูกขยายให้ดังขึ้นด้วยโทรโข่ง เขายืนอยู่ในตำแหน่งสั่งการ เขายืนตัวตรงแด่วท่าทางดูสง่างาม เขาหยิบขวานขึ้นมาพร้อมกับตะโกนสั่ง ใบหน้าดูสงบนิ่ง
เฉินช่าวเย่ที่ยืนอยู่ไกลออกไปหยิบคบเพลิงมาและจุดที่เชือกที่มีป้าย “A” ติดอยู่
ฟรึบ———-
เชือกที่ถูกชุ่มไปด้วยน้ำมันถูกจุด พร้อมกับไฟที่ติดขึ้นมาวิ่งเป็นริ้วไปทางเขาวงกตของรถ ราวกับมองกรไฟที่ปล่อยไฟพุ่งขึ้นท้องฟ้า มันแผ่กระจายไปทั่ว ‘โซนดิน’ ในไม่ช้าไฟก็ลามไปถึงจุดที่มีควันสีขาวลอยมา
ซอมบี้จำนวนมากกำลังเบียดอัดกันอยู่ตรงจุดนั้น ไม่ได้สนใจกับความร้อนที่กำลังเกิดขึ้น
ไฟได้เผาไหม้สถานที่จน….
บูม!
ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น!
ระเบิดทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่เสียงอึกทึกดังกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงมันดังไปถึงอาคารข้างในเขตพักอาศัย ฝุ่นดินกระจายจากจุดที่มีระเบิด หัวของซอมบี้นับไม่ถ้วนและอวัยวะที่ฉีกขาดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ราวกับดอกไม้ไฟที่ถูกจุดและโยนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ตกลงที่พื้นหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง อวัยวะของซอมบี้ต่างๆและชิ้นส่วนของมันรวมตัวกันจนเกิดเป็นลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟขึ้นมา เลือดสีดำของซอมบี้กระจายเต็มไปทั่วจนกลายเป็นหนองบึง
ชูฮันมองไปที่ตรงนั้นและหัวเราะออกมาอย่างหนัก
ซอมบี้มากกว่า700ตัวน่าจะโดนฆ่าจากระเบิดลูกนั้น
ความตกใจกระจายเข้าไปในหัวใจของทุกคนที่นั่น
ภายในครู่เดียว ซอมบี้มากกว่า700ตัวถูกกวาดล้างจนหมด!
เฉินเสี้ยนกาวตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ด้วยความสัตย์จริง ระเบิดเมื่อสักครู่นั้นรุนแรงมากจนเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชูฮันฝังอะไรไว้ที่ตรงนั่น? กับดักระเบิดจำนวณมาก? ไม่ พวกเขาไม่น่าสามารถรวบรวมของพวกนั้นได้ภายในระยะเวลาแค่นี้!
เย๋เฉินตกใจมาก ท่าทางนิ่งเฉยปกติของเขากลับถูกแทนที่ด้วยอาการไม่เชื่อ
“แม่ง! แม่ง! ฉลาดมาก!” เยวจึตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น กระโดดไปมาบนหลังคารถ
ทั้ง7คนที่อยู่ในกลางวงล้อมเองก็ตื่นเต้นจนเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจเช่นกัน พวกเขาสามารถมองเห็นผ่านช่องว่างระหว่างรถได้ว่าระเบิดนั้นรุนแรงขนาดไหน คร่าชีวิตซอมบี้ไปจำนวณมาก หลายคนต่างกอดกันด้วยความดีใจ บางคนก็เพียงแค่ยิ้มออกมา ความรุนแรงของระเบิดนั้นทำให้ทุกคนช็อค
ป่ายหวีเนอม้วนผมเล่นเล็กน้อย สายตาเย็นชาของเธอที่เคยใช้มองชูฮัน ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสายตาที่บอกไม่ออก
แก้มของซางจิ่วตี้กลายเป็นสีแดงพร้อมกับกระโดดอย่างตื่นเต้น เธอตัดสินใจถูกแล้ว!
เฉินช่าวเย่โบกมืออย่างดีใจทำให้ชั้นไขมันอ้วนๆของเขาสั่นเทิ้มตามไปด้วย “ใช่เลย!”
เลาเสี่ยวเสียวพยายามระงับอาการตื่นเต้นของเธอด้วยเพราะเธอไม่อยากจะรบกวนชูฮัน
ชูฮันยืนอยู่บนตำแหน่งบัญชาการคอยนับเวลาที่ผ่านไป การระเบิดเมื่อครู่นี้ไม่ได้ถูกกำหนดเวลาไว้อย่างถูกต้องมันจึงฆ่าได้เพียงแค่ซอมบี้700ตัว
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะเขาเข้าใจจังหวะหมดแล้ว
ในทางกลับกัน เหล่าซอมบี้ไม่ได้สนใจกับการระเบิดที่เกิดขึ้น พวกมันยังคงมุ่งหน้ามาทางผู้คน เหยียบย่ำลงบนซากศพของเหล่าซอมบี้ด้วยกัน เท้าเน่าๆทั้งสองข้างเหยียบลงบนหนองบึงเลือดสีดำและซากศพ ความหิวเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนตัวพวกมัน
“โซนB ระเบิดได้!!”
เสียงของชูฮันดังลอดออกมาจากโทรโข่ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและความมุ่งมั่น
เขาต้องการที่จะชนะ!
ชนะสงคราม!
ฟรึบ——–
เฉินช่าวเย่จุดไฟที่เชือกที่มีป้าย “B” ทันที
ตู้มมม!
มีการระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คร่าซอมบี้ไปได้ประมาณ900ตัว
แขนขาหักปลิวกระจายลอยล่องอยู่ในอากาศ สำหรับผู้คนแล้วมันไม่ได้น่าขยะแขยงไปซะทีเดียว พวกเขาถือว่ามันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นการสู้รบ ทำให้พวกเขามองโลกในแง่ดีว่าการรอดชีวิตในสงครามครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
การระเบิดที่รุนแรงต่อเนื่องดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่อยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ทุกคนต่างมองลอดผ่านหน้าต่างดูสถานการณ์
มันช่างน่ามหัศจรรย์