Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 87 ดูแลตัวเองดีๆ
“พวกคุณลืมกันไปแล้วเหรอว่ามันยังมีซอมบี้มากกว่า2ล้านตัวอยู่ในเมืองนี้?” จู่ๆเสียงของชูฮันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหลังจากจัดการและวางแผนสังหารหมู่ซอมบี้กว่า18,000ตัว มันเป็นแค่เพียงการอุ่นเครื่องสำหรับสงครามที่กำลังจะมาถึงเท่านั้นเอง เขาไม่ได้คิดที่จะอวดความสามารถของตัวเองเลย
เงียบสนิท———
ทันทีทันใด ความสุขที่ทุกคนกำลังมีอยู่ก็หายวับไปในอากาศทันที! ใช่ มันยังมีซอมบี้อีก2ล้านตัวอยู่ในเมือง และสิ่งที่พวกเขาพึ่งเจอวันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กของภูเขาน้ำแข็ง
คำพูดของชูฮันทำให้เฉินเสี้ยนกาวช็อค แต่ไม่นานเขาก็คืนเรียกสติของตัวเองกลับมาได้หลังจากเผลอตื่นตระหนกไปเล็กน้อย พลางพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูไม่เหมือนตัวเขาเลย “อย่าพูดแบบนั้นสิ สงครามพึ่งจะจบ เราไม่ควรไปพะวงกับอนาคตมากเกินไป ทุกที่ก็เหมือนกันหมด มันจะมีซอมบี้อยู่เสมอทุกหนแห่งบนโลกนี้”
“ใช่!” เยวจึก็กลับมาสู่ทัศนคติเดิมของเขา “ทุกคนไม่ควรคิดมากกับเรื่องนี้ เราควรสนใจเรื่องการเฉลิมฉลองชัยชนะของเรา!”
ทัศนคติที่ผ่อนคลายของทั้งเฉินเสี้ยนกาวและเยวจึส่งผลต่อฝูงชน ถึงแม้พวกเขาเองก็กังวลเหมือนกัน แต่เฉินเสี้ยนกาวพูดถูก มันมีซอมบี้อยู่ทุกหนแห่ง เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องหวงแหนหนึ่งวันที่มีค่านี้ไว้…วันที่ไม่มีซอมบี้รายล้อมพวกเขา เพราะฉะนั้นทำไมต้องคิดมาก?
“ครับเจ้านาย” มีคนพูดขึ้น “อย่ากลัวไปเลย!”
“ใช่แล้ว! ฉันเสนอว่าพวกเราต้องฉลองวันนี้ ฉันจะให้เมียฉันปรุงหมูตุ๋นในน้ำซอสมาให้!”
“ฉันเคยเป็นแม่ครัว ฉันก็จะทำอาหารเย็นมาให้ด้วย!”
บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายขึ้น นอกจากนั้น ทุกคนเองก็อยากสนิทกับชูฮันมากขึ้น ปฏิกิริยาของพวกเขาแสดงออกมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ มันเกิดจากความจงรักภักดีที่พวกเขามีต่อชูฮันกัน
ชูฮันยกมือขึ้นและวางลง ทั้งฝูงชนเงียบสงบทันทีขณะมองมาที่เขา
ชูฮันมีใบหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิมพร้อมพูดขึ้น “ซอมบี้อยู่ทุกหนทุกแห่งและทุกที่ก็เหมือนกันหมดงั้นเหรอ? เมืองตงไม่มีอิทธิพลทางทหาร ไม่มีแม้แต่ด่านธรรมดาๆด้วยซ้ำ แล้วพวกคุณคิดว่าพวกคุณจะอยู่รอดกันได้นานแค่ไหนด้วยอาวุธที่มีอยู่อย่างจำกัดแบบนี้?”
ผู้คนต่างมองไปที่ชูฮัน ทุกคนต่างหลงทางพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไรต่อ
“ดังนั้น” มองไปที่ฝูงชนที่เงียบสนิท น้ำเสียงเย็นชาของชูฮันดังก้องขึ้นมา “ฉันแนะนำว่ามันจะดีกว่าถ้าจากไปตั้งแต่ตอนนี้เลย ผ่านออกไปตรงทางออกของเมืองในตอนนี้จะง่ายกว่าด้วยเพราะพวกเราจัดการกับฝูงซอมบี้ที่กั้นทางไว้ได้หมดแล้ว”
“ไป? เดี๋ยวนี้?” เฉินเสี้ยนกาวช็อคอย่างมาก คำพูดของชูฮันพลิกความคิดของทุกคน พวกเขาอยู่ที่นี่กันมานานแล้ว ทำให้ทุกคนลังเลที่จะจากไป
“ซอมบี้มากกว่า2ล้านตัวสามารถเหยียบย่ำและทำลายเมืองนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ฉันไม่ได้ต้องการขู่พวกคุณหรืออะไร แต่ที่ฉันพูดมันคือความจริง” ชูฮันกล่าว “ไปที่ที่มีหน่วยทหารและพวกคุณจะอยู่รอดได้ต่อไปอีก”
เขาหันหลังกลับมาพูดกับเฉินช่าวเย่ “มองหาG55 และรถตู้ เราต้องใช้รถทั้งสองคันนี้เพื่อเดินทางต่อไป!”
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปนานกว่านี้ เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเมื่อไหร่ที่อันตรายจะมาถึง ดังนั้นเขาต้องไม่ชักช้า
เฉินช่าวเย่ก็มึนงงเหมือนกันหากเขาก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “เอ่อ ดี!”
“คุณจะไปตอนนี้?” เฉินเสี้ยนกาวยังอยากจะถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไร—–
บรื้น!
จู่ๆก็มีเสียงคำรามเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นมาจากเขตพักอาศัย ขณะที่มีรถตู้ที่เต็มไปด้วยอาหารขับพุ่งออกมาอย่างแรง ฝูงชนแตกกระจายกันไปคนละทิศพลางพยายามเพ็งมองว่าใครเป็นคนขับรถ
“เฉินเจอฮ่าว??” ตาของเย๋เฉินประกายวาบไปด้วยความโกรธปนประหลาดใจ
“เจอฮ่าว!” เฉินเสี้ยนกาววิ่งตามรถไป แต่รถตู้ไม่คิดจะหยุด มันวิ่งเร็วขึ้นๆจนหายไปจากระยะสายตาของทุกคน
“นี่! นี่มัน!” เยวจึอยากจะด่าออกมาแต่เขาก็ไม่ได้ทำด้วยเพราะเฉินเสี้ยนกาวยืนอยู่ข้างๆ
ชูฮันจ้องไปทางเงาของรถตู้ที่หายไปพลางยักไหล่อย่างไม่สนใจ เพราะเขาคิดว่ายังไงมันก็ไม่เป็นไรเพราะรถตู้ยังอยู่
เฉินช่าวเย่ ป่ายหวีเนอและซางจิ่วตี้ขับรถ2คันออกมาและจอดใกล้ๆชูฮัน
“เราไปกับพวกคุณได้มั้ย?” จู่ๆก็มีคนถามขึ้นมา
“เราจะหาที่ดีๆอยู่ได้มั้ยถ้าเราไปกับพวกคุณ?”
“เราต้องการให้คุณเป็นผู้นำของเรา!”
“ใช่! เราอยากติดตามคุณไปตลอด!”
มีความคาดหวังให้เห็นเต็มไปหมดจากสายตาของทั้งฝูงชนที่มองมา พวกเขาต้องการจะตามชูฮันไป มันไม่ใช่เพื่ออาหาร มันเหมือนกับที่เฉินช่าวเย่ ซางจิ่วตี้และเลาเสี่ยวเสียวที่ไปกับชูฮัน…มันคือความจงรักภักดี
ไปกับเขา?
ชูฮันยิ้มอย่างขบขัน เขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่นอนถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสิ่งสำคัญกว่าต้องทำ เพียงแค่คิดเกี่ยวกับกองทัพของผู้ใต้บังคัญชาที่ซื่อสัตย์ต่อเขา มันก็ทำให้ชูฮันรู้สึกเจ็บปวดมากแล้ว
ทว่าเขาไม่สามารถทำมันได้!
ก่อนหน้าโลกาวินาศ เขามักรู้สึกสิ้นหวังอยู่เสมอ ในตอนนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่มองพ่อแม่เขาทำงานหนักและแก่ลงไปเรื่อยๆทุกวัน
เขาได้พลาดโอกาสในการทำอะไรเพื่อตอบแทนพ่อแม่เขาไปแล้วครั้งหนึ่งในชาติที่แล้ว ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิดและเจ็บปวดอย่างมากมาตลอดระยะเวลา10ปี เขาเคยถามตัวเองว่าทำไมเขายังมีชีวิตอยู่ต่ออีกในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย!
เขาไม่เต็มใจ!
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เขามีพลังกำลังมากมาย สามารถต่อสู้กับซอมบี้หลายร้อยตัวได้ด้วยตัวคนเดียว แม้แต่ทำลายซอมบี้นับ18,000ตัวโดยใช้สมองของเขา!
ตอนนี้เขาสามารถแก้ตัวสำหรับความรู้สึกสิ้นหวังที่เขาเคยรู้สึกเมื่อชาติก่อนได้แล้ว เขาไม่หวาดกลัวซอมบี้หรือโลกาวินาศอีกต่อไปแล้ว!
แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ ความคิดที่ว่าจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อพ่อแม่เขาได้อีก
ผู้คนมักจะเห็นแก่ตัวและชูฮันไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่ต้องมารับผิดชอบคนพวกนี้ สำหรับเขาแล้ว พ่อแม่ของเขาสำคัญกว่า ไม่ว่าพวกท่านจะตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ต้องรู้ให้ได้
ดังนั้น——-
“ขอโทษ” ชูฮันพูดด้วยน้ำเสียงสงสาร “ฉันไม่สามารถไปกับพวกคุณได้และก็ไม่สามารถเป็นเจ้านายของพวกคุณได้ด้วย”
“ทำไม?” เยวจึสับสน ถามออกไปด้วยความฉงนแทนฝูงชนทั้งหมด
“ฉันต้องกลับบ้านเพื่อตามหาพ่อแม่ของฉัน” เหตุผลของชูฮันนั้นเรียบง่ายมากแต่มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ทั้งฝูงชนกำลังงุนงงขณะมองไปที่ชูฮันอย่างเงียบๆ และพวกเขาก็พึงระลึกได้ว่าชายผู้สร้างปฏิหาริย์นั่นเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มวัย 20 ปีเท่านั้น
“พ่อแม่ของคุณอยู่ที่ไหน?” มีคนถามขึ้นมา
“เมืองอันลู” ชูฮันพูดอย่างใจเย็น ไม่สนใจอาการช็อคของทั้งฝูงชนหลังจากได้ยินคำพูดเขา
ชูฮันอยากจะไปเมืองอันลูเพื่อตามหาพ่อแม่?
มันเป็นเหตุผลที่น่าขัน ทว่าก็น่าทึ่งจนสามารถทำให้หัวใจของฝูงชนสั่นไหว พวกเขารู้ดีว่าเมืองอันลูอยู่ไกลแค่ไหนจากที่นี่ มันเป็นเมืองที่ประสบปัญหาจราจรอย่างรุนแรงในช่วงยุคศิวิไลซ์ ไม่ต้องพูดถึงถนนหนหางในปัจจุบันเลย ชูฮันต้องเดินทางมากกว่าพันไมล์เพื่อไปตามหาพ่อแม่ของเขา
ความกตัญญูแบบชูฮันเป็นเรื่องที่มีให้เห็นได้ยากโดยเฉพาะในช่วงเวลายากลำบากเช่นนี้
“ดูแลตัวเองดีๆนะทุกคน ฉันหวังว่าเราจะได้ร่วมสู้รบกันอีกในอนาคตอันใกล้” ชูฮันหมุนกลับพลางรับเลาเสี่ยวเสียวลงมาจากหลังคา เดินไปทางรถที่จอดรออยู่ และสั่งให้คนขับรถขับออกไปด้วยเพราะเขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว