Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 872 เขาคือใคร
”นี้นายขับเฮลิคอปเตอร์เป็นด้วย!?”
ทั้งสามคนตะโกนถามด้วยความตกใจขึ้นพร้อมกันมันเหลือเชื่อกับสิ่งที่เจอในตอนนี้ ซงเสี่ยวเด็กหนุ่มที่อายุแค่ 13 ปีขับเฮลิคอปเตอร์ได้
เด็กหนุ่มตัวเล็กที่อายุเพียงแค่13 ปี กลับกลายเป็นสามารถขับเฮลิคอปเตอร์ได้?
เกินไป!
นี้มันแปลกประหลาดยิ่งกว่าประสบการณ์และความสามารถสามารถของชูฮันซะอีก!
ซงเสี่ยวเหลือบมองทั้งสามคนด้วยแววตาดูหมิ่นเล็กน้อยก่อนจะกำหนดทิศทางในการบินด้วยท่าทางชำนาญ “ฉันฝึกจำลองบินในเกมมานับครั้งไม่ถ้วน ทุกอย่างในนี้มันเหมือนกันเป๊ะๆเลย” ซงเสี่ยวพูดเลี่ยงๆ
ไม่มีอะไรต้องพูดมากนอกจากชูฮันแล้วในเวลานี้ยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของซงเสี่ยว และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
อึก!อึก!
เสียงกลืนน้ำลายอึกของทั้งสามคนดังขึ้นในห้องโดยสารทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิท สมองของทั้งคนเริ่มประมวลผลอย่างหนัก
ความคิดของฟานเจี้ยนเรียบง่ายที่สุดเพราะถึงอย่างไรผู้คนรอบตัวชูฮันก็มีแต่คนไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เป็นอัจฉริยะก็เป็นพวกเก่งเกินคนทั่วไป ความสามารถของซงเสี่ยวจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจมากขนาดนั้น ฟานเจี้ยนจึงนิ่งอย่างไม่ได้ตกใจมากเท่าคนอื่น
หลูปิงเซ่อคิดหนักกว่าฟานเจี้ยนในหัวเขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมายและสงสัยเกี่ยวกับอดีตของซงเสี่ยวในยุคศิวิไลซ์ เพราะเขาก็รู้จักเลาเสียวเสี่ยว เด็กสาวเองก็เป็นสมาชิกทีมสำรองของทีมเขี้ยวหมาป่าในยุคศิวิไลซ์ตั้งแต่อายุน้อยเหมือนกัน
เพราะงั้นซงเสี่ยว…
อาจจะเป็นสมาชิกของหน่วยงานลับสักหน่วยก็เป็นไปได้?
ไก๋หนานเป็นคนที่ช็อคที่สุดทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าาซงเสี่ยวดูกระตือรือล้นที่จะตามหาตัวชูฮันมากเมื่อสองเดือนที่แล้ว บอกว่าเขาต้องรีบติดต่อชูฮันให้ได้ ในตอนนั้นเขาแสนจะใสซื่อคิดเพียงแค่ว่าเด็กหนุ่มคงจะคิดถึงชูฮันมากเกินไป
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องที่ค่ายหนานตู้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันทำให้ไก๋หนานเปลี่ยนความคิดที่มีต่อซงเสี่ยวไปอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาเด็กนี่แสร้งทำเป็นเหยื่อทั้งๆที่ความจริงคือเสือชัดๆ!
”นายต้องการอะไรจากชูฮันกันแน่?”เมื่อนึกได้ ไก๋หนานก็ถามออกมาอย่างหวาดระแวงทันที
ซงเสี่ยวนิ่วหน้าหลังจากซ่อนความสงสัยในแววตาเอาไว้ เขาก็ส่ายหัว “เรื่องมันผ่านไปแล้วและมันก็พัฒนามากลายเป็นสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องที่ฉันต้องการนำมาบอกชูฮันมันสายไปแล้ว”
”เรื่องอะไร?”หลูปิงเซ่อตะลึง มีความลับอะไรที่เขายังไม่รู้งั้นเหรอ?
”มีคนนำข้อมูลเรื่องชูฮันถนัดข้างซ้ายมาขายด้วยราคาสูง500,000 เหรียญล่มสลาย” ขณะพูดซงเสี่ยวก็เหลือบตามองไก๋หนาน จากนั้นก็ยิ้มเยาะ “แต่พี่ชายชูฮันของฉันสุดยอด ถึงแม้อีกฝ่ายจะส่งนักฆ่าระดับสูงมาจัดการ ก็ยังทำอะไรไม่ได้”
ไก๋หนานที่ได้ยินตะลึงค้างไปแล้วนัยน์ตาหดตัวอย่างแรง
ถนัดซ้าย?
novel-lucky
นี้คงไม่ใช่…
ตวนเจียงเหว่ย!
ภาพเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นฟ้าไม่เพียงแค่ช็อคทั้งสามคนในห้องโดยสารเท่านั้นแต่ฉาวกวนยวีซินที่เป็นพยานของกระบวนการทั้งหมดเองก็อึ้งไม่ต่าง
ในตอนนี้ด้านข้างของเธอมีเสียงตะโกนโวยวายอย่างเดือดดาลดังไม่หยุด คาดว่าอีกไม่นานพ่อของเธอคงได้รับข่าวว่ามีคนขโมยเฮลิคอปเตอรืไปโดยได้รับความช่วยจากเธอและพ่อของเธอก็คงจะโมโหอย่างมากแน่ๆ
แต่ปัญหาในตอนนี้ยังไม่มากพอที่จะดึงความสนใจของฉางกวนยวีซินได้ในหัวของเธอตอนนี้จดจ่ออยู่แต่ภาพที่พึ่งละสายตาไปเมื่อครู่เพียงอย่างเดียว
เด็กหนุ่มที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นลูกชายของชูฮันในตอนแรกชื่ออะไรกันน่ะ?
ตอนนี้ฉางกวนยวีซินยังคงช็อค เธอเห็นภาพที่เด็กหนุ่มกระโดดมานั่งที่คนขับและทันใดนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ลอยขึ้นฟ้าไปทันที
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อได้เห็นหน้าของซงเสี่ยวชัดเจนและเห็นทักษะการขับเฮลิคอปเตอร์ที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มทั่วไปจะมีได้ และชื่อนี้ที่เธอเคยได้ยินบ่อยครั้งในหน่วยงานลับระดับสูงของซางจิงก็ผุดขึ้นมาในหัว
ซงเสี่ยว?
ไม่!
นี้มันหลานชายของผู้บัญชาการมู๋!
สีหน้าตื่นๆผสมตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉางกวนยวีซินเธอรู้ดีว่าที่ซางจิงกระตือรือล้นและร้อนใจในการตามหาตัวซงเสี่ยวมากขนาดไหน ผู้บัญชาการมู๋เองก็ทั้งเป็นกังวลและร้อนใจอย่างมาก และจู่ๆซงเสี่ยวที่หายตัวไปก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันแบบนี้ แถมยังชัดเจนว่าเป็นคนติดตามและภักดีต่อชูฮัน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทันใดนั้นก็ปะติดปะต่อจนกลายเป็นชัดเจน
ทันใดนั้นฉางกวนยวีซินก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกผู้บัญชาการมู๋เป็นห่วงหลายชายเพียงคนเดียวอย่างมาก ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้นแต่ยังมีความกลัวผสมอยู่ด้วย
เนื่องด้วยยศตำแหน่งของผู้บัญชาการมู๋ความหมายที่แท้จริงของความกลัวนั้นก็คือ กลัวว่าซงเสี่ยวจะกลายเป็นที่หมายปองของคนใต้บัญชา เพราะหลายคนต่างหมายปองอำนาจและตำแหน่งของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง หลายคนมีแผนการมากมายในใจ
โชคดีที่ตอนนี้เลาเสียวเสี่ยวอยู่ข้างกายเลาหมิงแต่สำหรับซงเสี่ยวนั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเผชิญกับอันตรายอะไรบ้างในโลกาวินาศ แถมยังตกเป็นเป้าในการลักพาตัวของหลายๆคน
แล้วถ้าในกรณีนี้ผู้บัญชาการมู๋จะทำอย่างไร?
หลังจากคิดทุกอย่างฉางกวนยวีซินก็อดกลัวจดเผลอกัดปาก เธอต้องห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ ชีวิตของซงเสี่ยวจะต้องเป็นความลับ เธอเดาว่าชูฮันก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร
ความเงียบคือการปกป้องและการอยู่ใกล้ชูฮันคือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซงเสี่ยว
—————-
ตั้งแต่ที่เหอเฟิงเข้ามาดูแลค่ายเขี้ยวหมาป่าสถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความวิตกกังวลและการตื่นตัวของทุกคนหายไปทันที การพัฒนาการในการเตรีมตัวเพื่อรับมือกับกองทัพซอมบี้ที่จะบุกมาล่วงหน้าพัฒนาขึ้นไปอย่างมาก
ทีมหลงยาและฮูหยาเองก็ลงมือปฏิบัติอย่างรวดเร็วทันใจหลังจากทีมลาดตระเวรทำการกระจายตัวออกไปลอบจัดการกับลูกผสมล่วงหน้าเพื่อลดทอนกำลังของพวกมัน
ในขณะที่กัปตันหลูปิงเซ่อไม่อยู่ซูเฟิงก็รับหน้าที่ดูแลทีมความลับของพระเจ้า ทีมความลับของพระเจ้ารับหน้าที่เดินทางไปตามค่ายและชนเผ่าต่างๆทั่วทั้งพื้นที่เมืองอันลูเพื่อปรับความเข้าใจผิดของทุกคน และนำพาเหล่าผู้รอดชีวิตที่ยังอยู่รอดให้หนีมาหลบภัยที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อน
ดังนั้นในสถานการณ์ที่ได้รับการแนะนำให้ไปลี้ภัยที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าประกอบกับอันตรายที่จะเกิดจากสงครามที่กำลังจะมาถึงเมืองอันลู เหล่าผู้รอดชีวิตจึงพากันมุ่งหน้าอพยพมาอาศัยที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า แม้ว่าระยะเวลาในการเดินเท้าอาจจะเฉียดชิวกับเวลาที่กลุ่มลูกผสมจะมาถึง หากพวกเขาก็พยายามเร่งฝีเท้ากันสุดชีวิต