Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 895 ตื่นเต้นกว่า
”ใช่แล้ว!”เกาช้าวฮุ่ยกลัวว่าชูฮันจะไม่เห็นด้วย จึงรีบอธิบายต่อ “นายคงไม่รู้แต่ฉันจะบอกให้เอง ป่ายยูคือคนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
อีกครั้งที่แววตาของชูฮันมีประกายวาววับเลือดพล่านด้วยความตื่นเต้น เขาแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย
ตระกูลป่าย!
แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเกาและตระกูลป่ายมีปัญหากันขัดแย้งกันอยู่การปรากฏตัวของเกาช้าวฮุ่ยคงเป็นที่น่าหงุดหงิดใจสำหรับตระกูลป่ายไม่น้อย ดูเหมือนว่าตระกูลป่ายและตระกูลเกาคงจะสงบศึกกันชั่วคราวเพราะมีศัตรูร่วมกัน เวลาเพียงไม่นานเจู่ๆขาก็สามารถเข้าถึงตระกูลลึกลับได้แล้วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
”ป่ายยู!คือใครกัน?” มีรอยยิ้มประหลาดๆปรากฏขึ้นบนหน้าชูฮัน แม้ว่าชูฮันจะรู้จักคนในตระกูลป่ายแค่หนึ่งหรือสองคนแต่ข้อมูลอย่างชื่อหรือตัวตนที่เจาะจงของคนในตระกูลนั้นเขาแทบไม่รู้อะไรเลย ตระกูลลึกลับก็คือตระกูลลึกลับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้ข้อมูลทุกอย่าง แม้แต่ตลอดระยะเวลาสิบปีในชาติ มันก็มีเพียงงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ชื่อหนึ่งหรือสองคนจากสมาชิกของตระกูลลึกลับหรือเคยได้เห็นหน้าของคนในตระกูล
หากณ ตอนนี้ เกาช้าวฮุ่ยกลับกลายเป็นประตูที่จะพาเขาตรงเข้าไป เกาช้าวฮุ่ยได้มอบโอกาสให้เขากับมือ
”ลืมไป!นายจะรู้จักได้ยังไงเนอะ?” เกาช้าวฮุ่ยโบกมือปฏิเสธกับตัวเอง
ดูเหมือนว่าพอได้ยินชื่อของป่ายยูเขาก็สัมผัสถึงความรุนแรงที่ไม่สามารถอธิบายได้และก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดอะไรที่มันไร้ประโยชน์ เกาช้าวฮุ่ยทำได้แค่พุ่งตัวไปหน้าชูฮันและพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกับเด็กกำลังขอร้อง “เฮ้! เราต้องขโมยมาเลย! ฉันเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว มันไอ้ป่ายยู! สมองฉลาดๆของนายบวกกับความแข็งแกร่งของฉัน เราสามารถขโมยมันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเปลืองแรงอะไรเลย! พวกเราขโมยมันแล้วไปเมืองอันลูกันพอสงครามจบลง ฉันขอไปท่าเรือหนานช้า จากนั้นพวกเราจะไปไหนก็ได้ที่ต้องการทุกที่!”
คำว่าที่ไหนก็ได้กระตุกหัวใจของชูฮันเข้าอย่างจังตามมาด้วยรอยยิ้มพร่าง “แล้วพลังงานที่สิ่งนั้นมีอยู่พอที่เราจะบินไปกลับได้มั้ย?”
เกาช้าวฮุ่ยคิดไม่ถี่ถ้วนเท่ากับชูฮันที่รู้โศกนาฏกรรมในชาติที่แล้วมาไม่น้อยเกาช้าวฮุ่ยชะงักทันทีที่ได้ยินคำถามของชูฮัน…ชูฮันรู้เรื่องพลังงานนี้ได้ยังไง?
แค่ว่าครั้งนี้ชูฮันไม่คิดเลยตัวตระกูลป่ายเองก็จะมีพลังงานนี้ครอบครองอยู่ในมือด้วย!
อย่างที่รู้ว่าพลังงานนี้ไม่ใช่ผักปลาที่จะหาเด็ดได้ทั่วไปแต่เป็นของที่หาได้ยาก แม้แต่ในชาติที่แล้วในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดก็ยังมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ครอบครองพลังงานนั้น
ของที่หายากขนาดนี้กลับปรากฏขึ้นในเพียงปีที่สองของโลกาวินาศในชาตินี้แล้วตามความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ ทำไมตระกูลป่ายถึงมีมันในครอบครองได้?
คำถามที่ไม่มีคำตอบเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของชูฮันความสงสัยทั้งหลายที่เขาไม่สามารถหาทางออกได้ทั้งหลายในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ชูฮันก็ต้องช็อคอยู่ในอก
แน่นอนว่าตระกูลลึกลับก็คือตระกูลลึกลับและคนพวกนี้มีพลังอำนาจมหาศาลมากพอ!
”ได้ทั้งไปและกลับ!”เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันตาโตเป็นประกายขณะถือเนื้อย่างที่ัมนวาวด้วยไขมันที่ละลาย เกาช้าวฮุ่ยพยักหน้าแรงๆ “งั้นนายสัญญาแล้วนะ?”
ชูฮันยิ้มอย่างมีเลศนัย”ก็ ก่อนอื่นเราต้องไปขโมยเฮลิคอปเตอร์เพื่อที่จะไปฐานลับของป่ายยูที่นายบอก” ”เชื่อมือฉันได้เลยเยี่ยมไปเลย! ไปกัน!” ทันใดนั้นเกาช้าวฮุ่ยก็ตะโกนก้องอย่างดีใจและเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า
ในจังหวะที่เกาช้าวฮุ่ยไม่รู้เสียงของชูฮันก็ดังขึ้นในหัวระหว่างเขากับหวังไค “หวังไค เศษชิ้นส่วนล่มสลายชิ้นที่ห้าอยู่ที่ไหน?”
หวังไคตื่นตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามของชูฮันมันไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจตัวเองได้ “อึก! ครั้งนี้ฉันมั่นใจสุดๆ!”
—————
ในช่วงกลางคืนณ ค่ายหนานตู้หลังจากสงครามจบลงแล้วแต่มันยังคงเหลือร่องรอยทิ้งค้างไว้อยู่ ผนังกำแพงทั้งหลายเปรอะเปื้อนคราบเหม็นเน่าที่ส่งกลิ่นคาวคลุ้งจนทีมงานต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อที่จะกำจัดมันให้หมดไป ทีมก่อสรา้งก็พยายามเร่งทำงานกะละ 12 ชั่วโมงเพื่อรีบเร่งซ่อมแซมตัวค่ายที่ชำรุด
นี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับค่ายหนานตู้ในตอนนี้และพวกเขาจะต้องรีบเร่งสร้างค่ายขึ้นใหม่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ขั้นแรกคือการปรับโครงสร้างใหม่ หลังจากสงครามมันก็ไม่ได้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในค่ายหนานตู้เพราะพวกเขาต้องประหยัดทรัพยากรที่แทบไม่เหลือของตัวเองเอาไว้ก่อน
ณตอนนี้ค่ายหนานตู้เต็มไปด้วยความเศร้าโศก มันเป็นช่วงเวลาสำคัญและแสนจะอ่อนไหวสำหรับทุกคน ทุกอย่างต้องไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะเรื่องเล็กน้อยอาจจะจุดชนวนสถานการณ์ให้แย่ลงได้ทุกเมื่อ
ในเวลาเดียวกันทุกคนภายในค่ายก็ตื่นตัวกันหมด ระหว่างค่ำคืนเหล่าคนที่พึ่งจะเสร็จจากการทำสงครามยังคงทำงานหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าพวกเขาจะได้ชัยชนะมาแล้ว แต่ทุกคนในค่ายหนานตู้ดูเหมือนจะยังคงเตรียมตัวพร้อมเอาไว้เสมอและไม่มีการผ่อนคลายใดๆทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามการกระทำทั้งหลายเหล่านี้ก็ล้วนแต่มาจากฉางกวนยวีซิน ภายใต้การเรียกร้องจากเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้ที่ต้องการให้มีการปรับโครงสร้างอำนาจใหม่ และทุกคนก็ได้รับคำมั่นอันหนักแน่นจากฉางกวนหลงที่จะส่งต่ออำนาจในมือให้แก่คนต่อไป
หากสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือการปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมดหลังจากสงครามจบลงอำนาจในมือทั้งหมดของฉางกวนหลงได้ถูกส่งมอบให้แก่ฉางกวนยวีซินผู้ไม่มีประสบการณ์หรือสึกษาด้านนี้มาเลย?
การตัดสินใจนี้ทำให้เกิดการประท้วงจากเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนและทุกอย่างก็เลวร้ายลงมากขึ้นไปอีก เหล่าชาวบ้านรวมตัวกันประท้วงส่งเสียงโวยวายต่อว่าและสร้างปัญหาเพื่อต้องการที่จะค้านการตัดสินใจที่ไม่ต่างอะไรกับเผด็จการ ชาวบ้านในค่ายต่างเกิดความไม่พอใจขึ้นทั่วไปกัน พวกเขาต้องขัดขวางไม่ให้ฉางกวนยวีซินขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งให้ได้
ผู้หญิงจะเป็นไปได้ยังไง?!
ในทำนองเดียวกันเหตุผลในการต่อต้านของคนเหล่านี้ก็ดีเช่นกันที่สมเหตุสมผลที่สุดก็คือฉางกวนยวีซินไม่สนใจความอ่อนล้าของกองทัพและชาวบ้านที่เหน็ดเหนื่อยจากการสงคราม ไม่มีการพักช่วงทุกคนได้รับคำสั่งให้เริ่มทำการซ่อมแซมและก่อสร้างต่อทันที รวมถึงความจริงที่ชาวบ้านในค่ายเองตอนนี้ก็ถูกกดดันอย่างเข้มงวด หลายคนทำอะไรม่สะดวกสบายทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หลายความคิดเห็นและความไม่พอใจรวมเข้าด้วยกันส่งผลให้ในตอนนี้ฉางกวนยวีซินกำลังเผชิญกับปัญหาที่ยากจะรับมืออย่างมือเมื่อตอนนี้เธอต้องรับผิดชอบภารกิจแรกของการจัดการในมือ
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ฉางกวนหลงที่รับรู้รายละเอียดทุกอย่างดีและทุกคนคืนเขาจะสอนฉางกวนยวีซิน ตอนนี้ทั้งคู่กำลังหน้าเคร่งเครียดขณะปรึกษาเพื่อหาทางออกในสถานการณ์นี้ด้วยกัน
”ค่ายต้องได้รับการซ่อมแซมทันทีและเร็วที่สุดหลายจุดต้องได้รับการสร้างขึ้นใหม่นอกจากนี้ชาวบ้านก็ต้องได้รับการตรวจสอบตัวตนใหม่ด้วยเหมือนกัน!” ฉางกวนยวีซินพูดอย่างเคร่งเครียด นิ่วหน้าเมื่อนึกถึงคำพูดของชูฮัน “ชูฮันเคยพูดเอาไว้ ไม่ว่าค่ายหรือองค์กรไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือห้ามผ่อนปรนหลังจากสงครามพึ่งจบลง นี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด เพราะการระวังตัวของทุกคนจะลดลงไปที่ระดับต่ำที่สุด และมันเป็นช่วงเวลาอ่อนไหวที่จะทุกคนจะถูกลอบโจมตีอีกได้ เราจะต้องไม่ปล่อยให้มันเกิดเหตุกาณณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้”
ฉางกวนหลงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย”ชูฮัน ไอ้หนุ่มนั้นพูดถูก แต่เสียงฝั่งตรงข้ามมันก็มากเกินไป พวกเขาไม่คิดถึงรากฐานจุดประสงค์หลักในการตัดสินใจของลูก แม้ว่าลูกจะอธิบายทุกอย่างให้พวกเขาฟัง แต่ไม่ว่าอย่างไรความคิดเดียวของพวกเขาตอนนี้ก็คือต้องหาทางกำจัดลูกออกไปให้ได้!”
”เป็นธรรมดา!”มีความคิดแวบเข้ามาในหัวฉางกวนยวีซินทันที “หนูเคยสบายใจกับการอยู่ในค่ายหนานตู้ พวกเขาปฏิบัติกับหนูอย่างดี แต่ตอนนี้พอหนูขวางทางพวกเขาอยู่ พวกเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และกระโจนเข้าใส่หนูทันที!”
”คำถามที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือเราจะหยุดการประท้วงตอนนี้ยังไงการก่อสร้างของค่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!” ฉางกวนหลงนิ่วหน้าและไม่สามารถคิดหาทางออกได้เลย
ในขณะที่พ่อลูกกำลังคิดอยู่เป็นเวลานานมากพอสมควรทันใดนั้นเองราวกับถูกตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว จู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาภายในบ้านพัก “อยากได้แรงกระตุ้นมาช่วยมั้ย?”