Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 903 นี้มันเรื่องอะไรกัน
ในขณะที่ซางจิ่วตี้กำลังดูรายงานตรงหน้าของเธออยู่หยางเทียนที่ประจำอยู่ที่ค่ายก็เปิดประตูเข้าอย่างกระทันหันพร้อมกับพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก “แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่!”
”พรึบ~”
ซางจิ่วตี้ผุดขึ้นยืนทันทีตามมาด้วยคำถามที่ไล่มาเป็นชุด “มีข่าวจากกองทัพเขี้ยวหมาป่ามั้ย? พวกเขาขาดเสบียงรึเปล่า? หรือเจอกับอันตราย? หรือว่าชูฮันกลับมาแล้ว?”
”อะไรน่ะ?”หยางเทียนไปไม่ถูกเมื่อเจอคำถามที่รัวใส่จากซางจิ่วตี้ เขาได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเห็นใจพร้อมค่อยๆพูดออกมาช้าๆ “พี่สาว ไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้นะ ตอนนี้พวกเรามีปัญหาเรื่องทรัพยากรรุนแรง กองทัพเขี้ยวหมาป่ายังคงขาดการติดต่อ แต่มั่นใจได้เถอะทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร แม้ว่ามันอาจจะวุ่นวายระหว่างทางบ้าง”
ความเศร้าโศกในนัยน์ตาของซางจิ่วตี้มันชัดเจนจนหยางเทียนได้แต่ยิ้มปลอบซางจิ่วตี้เอ่ยถามหยางเทียนอีกครั้ง “แล้วชูฮันก็ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
”ยังไม่กลับมา”หยางเทียนสบตากับซางจิ่วตี้ เขาเข้าใจถึงสถานการณ์ดีและพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กระเจิงเพราะหลายคนยยังต้องพึ่งเขา “แต่ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่ ติงซือเย้่พบว่ามีเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำกำลังมุ่งหน้ามาที่ค่ายเราด้วยความเร็วสูง!”
”5ลำ?” ซางติ่วตี้ประหลาดใจกับข้อมูลที่ได้ยิน “หรือจะทรัพยากรจากค่ายอื่นๆที่ส่งมาช่วยเรา?”
”เรายังไม่รู้แน่ชัดเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองออกว่าเฮลิคอปเตอร์พวกนี้มาจากไหน เนื่องจากมันเป็นเวลากลางคืน” หยางเทียนนิ่วหน้า แววตาซับซ้อน “จากข้อมูลที่ได้รับจากกูเหลียงเฉิน น่าจะไม่มีค่ายไหนช่วยเรา เป็นไปได้มั้ยว่าจะเป็นศัตรูของเรา?” หยางเทียนตกใจมือกำแน่นจิกเล็บเข้าฝ่ามือตัวเอง จู่ๆเขาก็แทบหายใจไม่ออกเพราะความตึงเครียดในใจ
”ศัตรู?”ซางจิ่วตี้หัวเราะอออกมา “ถ้าจะโจมตี ไปโจมตีกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เดินทางบนถนนดีกว่า ที่เหลือในค่ายตอนนี้ก็มีแต่ชาวบ้านและพวกผู้ลี้ภัยทั้งนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร? พวกศัตรูไม่น่าจะยอมเสียกำลังและทรัพยากรของตัวเองมาโจมตีค่ายที่ไม่มีอะไรหรอก?”
”อืมมันก็ฟังดูสมเหตุสมผล” ความตึงเครียดในใจของหยางเทียนจบลงและกลับมาเป็นคนเดิม เขาต้องยอมรับว่าวิธีการคิดของซางจิ่วตี้ในตอนนี้และการรับมือกับสภาวะฉุกเฉินยิ่งเฉียบคมและรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
”ไปไปดูสถานการณ์กัน” ซางจิ่วตี้วางความใจร้อนออกไป และเดินนำหยางเทียนออกไปนอกอาคาร
ค่ายเขี้ยวหมาป่าที่เรียบง่ายและะธรรมดาในตอนนี้ยามค่ำคืนมีเพียงแสงสว่างจากไฟไม่กี่ดวงทำให้ลำบากต่อการเดินในตอนดึก มันจึงต้องอาศัยความเคยชินและชำนาญอยู่บ้าง
ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยซึ่งไม่มีใครก้าวเท้าเข้ามา ในตอนนี้กลับล้อมไปด้วยเจ้าาหน้าที่ล้อมเอาไว้และทันทีที่หยางเทียนได้รับข่าว เขาก็รีบส่งเจ้าหน้าที่มาล้อมทันที
ไม่สนใจว่าจะเป็นใครมาจากไหนถ้าต้องการเหยียบเท้าเข้ามาในค่ายเขี้ยวหมาป่า จะต้องผ่านการอนุญาตจากพวกเขาก่อน
แววตาของหยางเทียนเต็มไปด้วยความระแวงและอิจฉาเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำที่ตัวใบพัดส่งเสียงตัดอากาศดังสนั่นกระจายไปทั่วบริเวณ ตัวเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆชะลอใบพัดลงพร้อมกับลงจอดที่พื้น
ท่ามกลางเสียงใบพัดที่ดังจนหูแทบดับซางจิ่วตี้และหยางเทียนก็มาถึงพอดี และทันทีที่ทั้งคู่มาถึง หัวใจของทั้งคู่แทบหยุดเต้น ตัวเย็นเฉียบและเกือบหยุดหายใจ
เพราะเฮลิคอปเตอร์5 ลำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้มีสัญญลักษณ์ของค่ายจินหยางปรากฏอยู่!
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ชูฮันแสดงตัวออกมาที่ค่ายหนานตู้การแฉพฤติกรรมของเหล่านาายหทารหนุ่มจากค่ายทั้งหลายที่ถูกแพร่ข่าวไปทั่ว จนหลายๆค่ายต่างได้รับผลกระทบพร้อมกันกับค่ายหนานตู้ ไม่ต้องพูดถึงค่ายจินหยางซึ่งสองพ่อลูกถูกชูฮันจัดการซะยับเยิน
ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมันช็อคทุกอย่างมาก คนส่วนใหญ่ในจีนไม่ว่าจะประเภทไหนต่างชื่นชมบูชาชูฮันกันทั้งนั้น
มันมีเหตุผลมากที่คนคนหนึ่งจะมีชื่อเสียงได้แต่มันหาได้ยากที่จะใช้ชีวิตอย่างแข็งแกร่งอย่างชูฮัน ซึ่งการกระทำของชูฮันนั้นเป็นการทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของพลเอกจงคุยอย่างสิ้นเชิง
แต่ในทางกลับกันจู่ๆตอนนี้ค่ายจินหยางส่งเฮลิคอปเตอร์มาที่นี้ถึง 5 ลำทั้งๆที่ก็รู้ดีถึงความสัมพันธ์ของชูฮันกับค่ายเขี้ยวหมาป่า
นี้มันชัดเจนมากอีกฝ่ายมาเพื่อค้นหาความผิดปกติ!
”ทุกคนฟัง!”หยางเทียนที่นึกถึงการวิธีการสื่อสารออกมา ก็รีบพูดกระซิบทันที “ถ้าพวกนายสู้ ให้สู้จนตัวตาย แต่ห้ามทำให้เฮลิคอปเตอร์มีรอย!”
”ครับ!”กลุ่มทหารพยักหน้ารับอย่างดุดัน
การที่จู่ๆค่ายจินหยางมาเคาะประตูพวกเขาในยามวิกฤตท้ังๆที่ทราบดีมันก็แสดงถึงสถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจน ถ้าอยากจะดูนัก งั้นพวกเขาก็จะแสดงให้สนุกเข้าไปอีก!
ในขณะที่กลุ่มทหารรักษาความปลอดภัยหวาดกลัวกับสถานการณ์ตรงหน้าในที่สุดใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำก็หยุดลง สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ประตูผู้โดยสารด้วยความวิตก
”ฟึบ!”
ประตูผู้โดยสารถูกเปิดอออกและจากนั้น…
”พั้วะ!”ชายคนหนึ่งพุ่งกระโจนออกมาอย่างรวดเร็วตามด้วยอ้วกที่พุ่งกระจาย!
เงียบกริบ——–
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ออกมาแม้แต่ซางจิ่วตี้ที่มีประสบการณ์มายาวนานก็ยังชะงักและเดินหมากไม่ถูก เธอไม่คาดว่าคนที่ถูกส่งมาทำงานใหญ่จะแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าครั้งแรกที่เจอแบบนี้
มันแปลกมาก!
กลายเป็นว่าเมาเครื่องเนี่ยนะ!
”แหวะ!”ตอนนี้ชายที่อ้วกอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็เริ่มชะลอลง น้ำเสียงสั่นเทิ้มและอ่อนแรง จากนั้นก็เอามือเช็ดปาก เงยหน้าขึ้นมา มองซางจิ่วตี้ด้วยแววตาแปลกๆพร้อมหน้าตาเศร้าๆ “นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมาค่ายเขี้ยวหมาป่า ฉันรู้ดีว่าที่เสื้อผ้าฉันไม่มีเครื่องแสดงสถานะ แต่ชีวิตฉันมันต้องน่าสงสารขนาดนี้เลยเหรอ?”
ซางจิ่วตี้และคนอื่นๆนิ่วหน้าไม่ใช่เพราะชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวแต่เป็นเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่แปลกอย่างมากต่างหาก
มันไม่มีความเป็นศัตรูไม่มีสัมผัสของอันตรายหรือความระแวดงระวังใดๆ
”ฉันว่ามันเป็นอาจจะเป็นแผนลวงเตรียมตัวพร้อมเอาไว้เสมอ!” ซางจิ่วตี้กระซิบสั่งการ ก่อนจะเดินก้าวเท้าออกมาข้างหน้าด้วยฝีเท้ามั่นคงและหยุดยืนห่างจากชายแปลกหน้าที่ระยะสองเมตรเพื่อความปอลดภัยและตามระเบียบการ น้ำเสียงเยือกเย็นและรัศมีอำนาจที่เปล่งประกายออกมา “ขอโทษนะค่ะ แขกจากค่ายจินหยาง ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่สนามของค่ายเรา?!”
ซางจิ่วตี้ไม่รู้จะใช้คำไหนพูดด้วยซ้ำเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดห้าลำมาลงจอดที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างกระทันหัน พร้อมกับกล่องขนาดใหญ่ที่อัดแน่นเต็มเฮลิคอปเตอร์ ราวกับว่าต้องการเคลื่อนย้ายอะไรบางอย่าง
และมันเป็นตอนนั้นเองเมื่อซางจิ่วตี้ถามออกมาและได้เห็นข้าวของในเฮลิคอปเตอร์เธอก็ชะงักนิ่งไป ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่โดยรอบที่รอฟังคำสั่งจากซางจิ่วตี้ทำตัวไม่ถูก ทำไมจู่ๆแม่ทัพของพวกเขาชะงักไป มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ภาพตรงหน้าทำให้ซางจิ่วตี้และคนอื่นๆชะงักค้างอีกครั้งสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฮลิคอปเตอร์ห้าลำที่อัดแน่นไปด้วยกล่องข้าวของมากมาย และที่ตกใจยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับท่าทีเป็นกันเองของชายตรงหน้าได้เลย
นี้มันเรื่องอะไรกัน?
ทำไมถึงมีข้าวของจำเป็นเต็มไปหมด!