Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 907 อย่างนี้เองสินะ
”สถานการณ์เจาะจงล่ะ?”ตวนเจียงเหว่ยไม่มองหลูชูซเว เขาเหลือบมองสำรวจนาฬิกาในห้องแทน น้ำเสียงนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์
7นาฬิกา
หลูชูซเววางความคิดในหัวลงจากนั้นก็ทบทวนถึงปัญหาของค่ายจินหยางจนคิ้วขมวดเข้าหากัน ประมวลผลในหัวก่อนจะรายงานออกมาอย่างรวดเร็ว “เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ห้าลำ บรรทุกอาวุธ วัสดุและเสบียงอาหารอัดแน่นไปด้วยจำนวนที่ในโลกาวินาศเรียกว่าไม่ใช่น้อยๆ”
”พวกเขาทำบ้าอะไรกัน?”ตวนเจียงเหว่ยถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะถามต่อ “ซางจิงได้ส่งข่าวบอกค่ายต่างๆให้ละทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่าไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
”ใช่ค่ะ!”หลูชูซเวพยักหน้าก่อนจะตอบรับมั่น เธอคอยสังเกตตวนเจียงเหว่ยที่น้ำเสียงและท่าทางยังคงเรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆเลยหลูชูซเวเริ่มทบทวบข้อมูลที่มีในหัว “หรือจะเป็นเพราะมีพลเอกสองท่านอยู่ในค่ายเดียวกัน? พ่อและลูกอาจจะแย่งชิงอำนาจในค่ายกันเอง? ฟังจากสายข่าวของเราที่อยู่ทางโน้น ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้คือปัญหา ทั้งค่ายจินหยางแบ่งออกมาเป็นสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งนำโดยคนพ่อซึ่งก็คือจงคุย และอีกฝ่ายคือจงไคที่เป็นลูก มันค่อนข้างยุ่งเหยิง พวกเขาต่างโทศอีกฝ่ายไปมาจนไม่รู้ว่าใครพูดเรื่องจริง ดูเหมือนว่าครั้งนี้การตัดสินใจขอองซางจิงคงผิดไปอย่างสิ้นเชิง”
ตาของตวนเจียงเหว่ยเปล่งประกายวาวหากเขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกกมา เขายังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานโดยไม่ส่งเสียงอะไรเลย แม้ร่างกายจะไม่เคลื่อนไหว หากแววตาของหดตัวและดำดิ่งลึกขณะมองไปทางเสาหินประเมิณที่ตั้งอยู่ห่างไม่ไกลจากค่ายตวน ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้หลูชูซเวรับรู้ถึงความน่ากลัวของตวนเจียงเหว่ย
หลูชูซเวเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวความตื่นตระหนกและหวาดกลัวอัดแน่นจนแทบระเบิดอยู่ในอก ในช่วงระยะเวลารับส่งอารมณ์ก่อนหน้านี้ ตอนที่ตวนเจียงเหว่ยยืนนิ่งมองออกไปทางหน้าต่าง มันมีรัศมีอำนาจที่กดดันทำให้รู้สีกราวกับขาดอากาศจนทำให้คนรอบๆหวาดกลัวแผ่ออกมาจากกตัวตวนเจียงเหว่ย
คลื่นพลังงานที่เหนือกกว่าประกอบกับบางอย่างที่เธอไม่สามารถอธิบายได้หลูชูซเวไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
เธอรู้ว่าครั้งนี้ตวนเจียงเหว่ยน่ากลัวเกินไป!
หลูชูซเวไม่กล้าจะขัดจังหวะตวนเจียงเหว่ยเธอพยายามจะทำความเข้าใจความคิดของตวนเจียงเหว่ย และเพ่งมองดวงตาของเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองเท่าไหร่ เธอก็มองไม่เห็น มันมีอะไรผิดแปลกไป?
”ท่านพลเอก?”ในที่สุดหลังจากความเงียบยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมง หลูชูซเวก็ทนไม่ไหวจนต้องส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงของเธอแผ่วเบามาก ไม่ขนานกับความกลัวในใจของเธอเลย
”หลูชูซเวเธอว่า…” ตวนเจียงเหว่ยยังไม่ดึงสายตาของเขาออกมาจากเสาหิน แต่กลับเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบๆแทน “หรือนี้จะเป็นกลยุทธ์ของชูฮันอีกครั้งหนึ่ง?”
”ชูฮัน?!”หลูชูซเวแทบจะตะโกน แม้จะอยู่ในความกลัว หากเธอก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เธอจ้องตวนเจียงเหว่ยไม่วางตาก่อนจะถามคำถามกลับไป “เขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือคะ?”
ตวนเจียงเหว่ยยังคงมองเสาหินที่อยู่ห่างออกไปเขาไม่ตอบคำถามของหลูชูซเวตรงๆ กลับกันเขาเลือกที่จะพูดอ้อมๆ “ฉันกำลังนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่ง เธอบอกว่าชูฮันคนดังที่มีชื่ออยู่บนเสาหินตายแล้ว ถ้างั้นมันมีการเปลี่ยนแปลงใดๆของชื่อบนเสาหินมั้ย?”
ทันทีที่ตวนเจียงเหว่ยพูดออกไปหลูชูซเวก็รู้สึกราวกับโดนกำแพงถล่มใส่ ตาเบิกโตเมื่อนึกทวนตามคำพูดของตวนเจียงเหว่ย!
รายชื่อวิวัฒนาการระยะ4 อันดับที่หนึ่งยังคงเป็นชื่อชูฮัน!
หลูชูซเวนิ่งตัวแข็งเป็นหินเธอมองไปที่เสาหินที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง
”หึๆ!”เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของตวนเจียงเหว่ยดังขึ้น หากมันไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ที่แท้จริงของเขาในตอนนี้ได้เลย มือขวาของเขาแตะที่ด้ามกริชตรงเอวพร้อมๆกัน แววตามีประกายความดุดัน “ถ้าไม่ใช่เพราะกริชเล่มนี้ ฉันก็คงยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วในเสาหินประเมิณมีความลับอีกมากมายซ่อนอยู่!”
”ชูฮันนี่เก่งจริงๆปั่นหัวทุกคนไปตามเกมส์ได้”
”อะไรนะคะ?”หลูชูซเวเกือบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ
แววตาของตวนเจียงเหว่ยทอประกายวาวก่อนจะยิ้มมุมปาก “คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของค่ายเขี้ยวหมาป่าเอาไว้ และรีบเตรียมเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ 10 ลำ พร้อมอาวุธและเสบียง”
!!!
หลชูซเวไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินหน้าตาช็อคค้าง ตาโตจนแทบถลนออกจากเบ้า เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดตวนเจียงเหว่ยเมื่อครู่
”เฮลิคอปเตอร์สิบลำที่ขนเสบียงเต็ม?”หลูชูซเวกลืนน้ำลายอึก ก่อนจะกลั้นใจเรียกความกล้าของตัวเองเพื่อถามออกมา “ให้ใครคะ?”
แม้ว่าในขณะนี้การพัฒนาของค่ายตวนจะอยู่ในช่วงที่ดีแต่การใช้เฮลิคอปเตอร์สิบลำในครั้งเดียว มันมากเกินไป นี้มันฆ่าตัวเองชัดๆ!
ตวนเจียงเหว่ยเป็นบ้าไปแล้วหรือสมองกลับ? ตอนนี้สถานการณ์ทั่งทั้งจีนกำลังอ่อนไหวอย่างมากการที่จะส่งเฮลิคอปเตอร์สิบลำออกไปจากค่ายตวน มันดูเหมือนกับว่า…
ตวนเจียงเหว่ยเมื่อเห็นท่าทางของหลูชูซเวจึงตัดสินใจพูดขึ้น”ก่อนจะไป”
”ค่ะ”หลูชูซเวงุนงง แต่ไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ
ตวนเจียงเหว่ยก็ไม่มีความตั้งใจจะอธิบายอะไรให้มากความเขาหมุนตัวหันกลับไปหาหลูชูซเวเต็มตัว “นอกเหนือจากนี้ ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เสาหิน ให้รีบรายงานฉันทันที”
————
ณชายแดนเมืองอันลู เหมิงชีเหว่ยที่กำลังเหงื่อแตกคอยสอดส่องมองลงไปด้านล่างขณะบินอยู่บนฟ้า ได้แต่ถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดพัก “เจอรึยัง? เจอมั้ย?”
”พี่เหมิงใจเย็นหน่อย!” นักบินที่หมดความอดทนพูดขึ้นมาา ”จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง?!”เหมิงชีเหว่ยเริ่มแหกปาก “กองทัพเขี้ยวหมาป่าน่าจะต้องหิวโหยกันแน่ๆ อาวุธและกระสุนที่ติดตัวมาก็มีจำกัด พวกเขาคงจะทั้งเครียดและสิ้นหวัง พวกเขาจะสู้ยังไง?”
”มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามมาพวกเขากลางดึกแบบนี้!”นักบินที่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดตรงๆ เหมิงชีเหว่ยที่แสนจะใจร้อนทำให้นักบินต้องส่ายหัวและพยายามพูดปลอบ “พวกเขาคือกองทัพเขี้ยวหมาป่า! ชื่อเสียงของพวกเขามีใครบ้างไม่รู้จัก? มันคือกองทัพแรกที่พลเอกชูฮันปั้นขึ้นมากับมือด้วยตัวเอง! ไม่ต้องกังวลเลย ถึงจะมีอันตรายอยู่ข้างหน้า แต่การฆ่าซอมบี้ไม่ได้จำเป็นต้องใช้กระสุนเลยสักนิด ถูกมั้ย?”
”ไม่ต้องมาบอกฉันว่าต้องฆ่าซอมบี้ยังไง”เหมิงชีเหว่ยเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาและตบไหล่นักบินเบาๆ “ดูให้ดีๆ ฉันอยากหาพวกเขาให้เจอให้เร็วที่สุดที่จะทำได้” ในจังหวะที่เหมิงชีเหว่ยหันหน้ากลับไปจู่ๆนักบินก็ร้องแหกปากขึ้นมา “เจอแล้ว!”
”อะไรนะ?เจออะไร?” เหมิงชีเหว่ยพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแรงจนเกือบจะกระแทกใส่นักบิน
ในจังหวะนั้นเองนักบินที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร๊วที่สุดก็ยกเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างเฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำขึ้นมา “เจอเป้าหมายแล้ว อยู่ที่สิบนาฬิกา รักษาระยะห่างเอาไว้แล้วตามมา”
”รับทราบ!”เสียงตอบรับจากนักบินของเฮลิคอปเตอร์ทั้งสี่ลำดังขึ้นพร้อมเพรียง แสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการฝึกฝนของพวกเขา
ในช่วงเวลาาที่พวกเขาสื่อสารกันผ่านวิทยุเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ค่อยๆบินปรับเส้นทางไปตามหุบเขาและไล่ตามกันไปทีละลำ ความตื่นเต้นและดีใจนั้นปะทุอยู่ในอกของทุกคนจนแทบระเบิด
”นี้มัน…นี้มันบ้าอะไร?!” เหมิงชีเหว่ยตกใจจนทำถูกไม่ออก ก่อนในที่สุดจะระเบิดโพล่งออกมา!