Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 91 โรงกลั่น
เมืองตง…
ด้านนอกของค่ายเสี้ยนกาว ฉากที่น่าหวาดกลัวและสยดสยองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังคงมีร่องรอยเหลือให้เห็นอยู่ กลิ่นเหม็นของเนื้อเน่ากระจายไปทั่วบริเวณ สวนข้างนอกฐานได้กลายเป็นบ่อน้ำไปแล้ว คนที่เดินไม่ระวังก็จะโดนบ่อนั้นดูดขาจนติดหนึบไปไหนไม่ได้ บางจุดก็ดูดคนลงไปทั้งตัว มันเป็นที่ที่อยู่ในรัศมีระเบิดที่ชูฮันวางแผนเอาไว้ ในหลุมระเบิดที่ใหญ่ที่สุดก็จะมีจำนวนซอมบี้นอนตายอยู่มากที่สุดเช่นกัน
เมื่อวิกฤติได้รับการแก้ไข เหล่าผู้รอดชีวิตในฐานไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลอง ด้วยเพราะพวกเขาได้รับคำเตือนถึงวิกฤตที่กำลังจะมาถึง ที่แม้แต่ปฏิหาริย์ก็ไม่อาจช่วยพวกเขาได้ เย๋เฉินพร้อมกับผู้คนหลายร้อยรีบออกจากเมืองไปทันที มีหลายคนที่ไม่เต็มใจจะจากไปแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเพราะฐานพวกเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว รถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันวิ่งออกจากฐานไปพร้อมขนอาหารมากมายที่ขโมยมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้
ทุกคนตัดสินที่จะเริ่มต้นใหม่พร้อมกับผู้นำที่เลือกกันใหม่…เย๋เฉิน
เขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่เพื่อรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่แทนเยวจึและเฉินเสี้ยนกาวที่ตัดสินอยู่ที่ฐานต่อ
———–
ตรงทางลาดไม่ห่างจากฐานเสี้ยนกาวเท่าไหร่….
วัชพืชและพืชผักต่างๆถูกกำจัดพร้อมๆกับดินเพื่อสร้างหลุมที่มีหีบศพวางอยู่
พระอาทิตย์ไม่ได้ร้อนมาก หากเฉินเสี้ยนกาวกลับเหงื่อโชก ผิวของเขาเข้มขึ้นแถมยังผอมลงกว่าแต่ก่อน เขาใช้พลั่วตักดินขึ้นมาอย่างช้าๆเพื่อกลบหลุ่มศพ
เยวจึยืนอยู่ข้างๆมองไปที่เฉินเสี้ยนกาวอย่างไม่รู้จะปลอบโยนยังไงดี
หลายชั่วโมงผ่านไป เฉินเสี้ยนกาวเริ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากการใช้แรงเยอะเพื่อขุดและกลบหลุมศพ เขานั่งลงบนพื้นมองไปรอบๆอย่าเงียบๆ อารมณ์ของเฉินเสี้ยนกาวนั้นตีกันในหัววุ่นวายไปหมด เขาไม่ได้ทำป้ายหลุมศพเพราะเขารู้สึกว่าเขาน่าจะไม่ได้มาที่นี่อีกเด็ดขาด เฉินเจอฮ่าวเป็นเพียงครอบครัวคนเดียวที่เขาเหลืออยู่และตอนนี้เขาได้ตายไปแล้ว ไม่มีอะไรแทนความอบอุ่นของการมีคนในครอบครัวนับถือเคารพบูชาได้
“เขาต้องถูกมู๋เย๋ฆ่าแน่ๆ” จู่ๆเยวจึก็พูดขึ้นมา “ต้องเป็นมันแน่ๆ”
“ฉันรู้” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวเรียบนิ่ง ไม่มีร่องรอยของความเสียใจหรือโกรธเลย
เยวจึพูดไม่ออก เฉินเสี้ยนกาวดูสงบตอนที่ได้เห็นศพของเฉินเจอฮ่าว ท่าทางดูนิ่งเฉย เยวจึจึงกังวลว่าเฉินเสี้ยนกาวจะทนไม่ไหว
“แกควรจะไป” ทันใดนั้นเฉินเสี้ยนกาวก็พูดขึ้นมา “ทิ้งปืนไว้ให้ฉันด้วย”
——————–
ภายในโรงแรมที่มีจุดชมวิวที่ดีที่สุดในเมืองตง
มองจากที่สูงขนาดนี้ ในตอนนี้ถนนหลายสายข้างล่างนั่นเปลี่ยนไปจากที่เคยอยู่มาก ทั่วทั้งถนนเกลื่อนไปด้วยสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน เดินไปข้างหน้าไม่หยุด
มันคือฝูงซอมบี้…
เหล่าผู้รอดชีวิตนับพันคนที่อยู่บนโรงแรมต่างหวาดกลัวกันมาก สิ่งที่พวกเขาเห็นนอกหน้าต่างคล้ายราวกับฝันร้าย ทำไมถึงมีซอมบี้มารวมตัวกันมากขนาดนี้? พวกมันมาจากไหนกัน? ทำไมพวกมันถึงมุ่งหน้ามาทางนี้? หลายคนที่อยู่บนโรงแรมเลือกที่จะอยู่ในห้องและปิดประตู สวดมนต์ภาวนาขอให้ระบบป้องกันภัยของโรงแรมทำงานอย่างดีที่สุดและภาวนาขอให้ซอมบี้อย่าได้เข้ามา หลายคนขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรม เตะถีบประตูห้องของผู้นำค่าย
“ออกมา! เรารู้ว่าแกอยู่ในนั่น! ”
“ออกมาและหยุดพวกซอมบี้ซะ!”
“ออกมาช่วยพวกเรา!”
ไม่มีใครตอบสนองคำวิงวอนของพวกเขาเลย…ประตูไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร
————-
5วันต่อมา…15 สิงหาคม 2015
กลุ่มของชูฮันได้เดินทางมาแล้ว5วัน โชคดีที่พวกเขามีอาหารเพียงพอจึงไม่ต้องหยุดพักเพื่อหาเสบียง อีกอย่างพวกเขาก็เกือบจะถึงเมืองชืออยู่แล้ว
ทว่ากลุ่มของชูฮันไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปเมืองชือเลย พวกเขาเลือกจะขับรถเลี่ยงทางหลวงจนมาถึงที่ร้างแห่งหนึ่ง ข้างหน้าคือถนนทางตรงที่ไม่ใช่ทางหลวง พื้นถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อและเข้าถึงได้ยากมาก มีสิ่งกีดขวางเต็มถนนไปหมด วัชพืชข้างทางโตขึ้นสูงอย่างบ้าคลั่งจนเกือบจะเท่าต้นอ้อย ไม่เหมือนต้นไม้อื่นๆที่เติบโตสูงและเขียวชอุ่ม
G55ขับมาด้วยความเร็วสูง ชนเข้ากับทุกอย่างที่ขวางหน้าทีละชิ้นๆจนเกิดเสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วทั้งถนนจนเหลือแต่ถนนโล่งไว้ให้คนอื่นได้ขับต่อ
แม้จะเป็นสิ่งที่รถตู้ที่เฉินช่าวเย่ขับอยู่ต้องการ แต่เขารู้สึกกังวลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถชนเข้ามาในหู
กลุ่มของชูฮันขับรถกันมาอย่างรวดเร็ว จนมาถึงตึกที่กว้างขวางตึกหนึ่งก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน มันเป็นเพียงตึกเดียวในบริเวณนี้ ถ้ามองไปรอบๆจะเห็นว่ามันมีแต่พื้นที่ว่างเปล่าและมีตึกนี้ตึกเดียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่ง
พวกเขาขับรถไปทางตึกนั่น ขณะเดียวกันก็มีเหล่าซอมบี้พุ่งออกมาจากมุมตึก ชูฮันทำเพียงแค่ขับรถG55ชนใส่ซอมบี้ที่วิ่งเข้ามา เลือดสีดำและเศษเนื้อเน่าปลิวกระจายไปทั่วทุกที่
มันเป็นโรงงานร้างที่ให้ความรู้สึกหดหู่ เลือดของทั้งมนุษย์และซอมบี้ผสมเปื้อนเต็มกำแพงเต็มไปหมดแต่มันแห้งไปแล้วดังนั้นจึงยากที่จะแยกแยะให้ชัดเจน กระดูกหักหลายชิ้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น มีแม้แต่ที่ม้วนผมหลายอันกลิ้งตามทาง
พวกเขาจอดรถไว้ตรงใกล้ทางเข้า พร้อมกับลงมาจากรถทุกคน
“มันแปลกมาก” เลาเสี่ยวเสียวนิ่วหน้าคิดอย่างสงสัย “ทำไมถึงมีซอมบี้แค่ไม่กี่ตัว?”
“เธอเสพติดการฆ่าซอมบี้เหรอ?” เฉินช่าวเย่ถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ฝูงซอมบี้ที่เมืองตงเป็นแค่สถานการณ์พิเศษ แกคิดว่ามันจะมีซอมบี้กี่ตัวอยู่ในที่รกร้างแบบนี้?”
“เจ้าอ้วนเฉินพูดถูก มันไม่น่าจะมีคนเยอะมากขนาดนี้ในโรงงาน แม้แต่จะก่อนโลกาวินาศเกิดขึ้นก็ตาม อีกอย่างที่นี่มันอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นเราน่าจะปลอดภัย” ซางจิ่วตี้พูด พลางหันถามไปชูฮันต่อ “ทำไมเราถึงมาที่นี่?”
ชูฮันมองกลับไปทางG55 พร้อมกับอธิบายอย่างสงบ “ที่นี้มีโรงกลั่นที่ฉันสามารถใช้ปรับแต่งอาวุธของฉันได้” ตั้งแต่ที่เขาเปิดการใช้งานความสามารถพิเศษด้านพลัง ขวานในมือเขานั้นเริ่มไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ไม่ใช่แค่อาวุธที่ดีจะสามารถช่วยลดเวลาและความพยายามในการต่อสู้ หากแต่มันจะช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงวิกฤตคุกคามถึงชีวิตได้ด้วย
นอกจากนี้…
ชูฮันหันมาจ้องที่G55 ตั้งใจที่จะปรับแต่งมันด้วยเช่นกัน
“พี่ชายช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” เลาเสี่ยวเสียวมองไปที่ชูฮัน แววตาเต็มไปด้วยความเคารพบูชา ชูฮันต้องการใช้งานขวานด้วยมือข้างเดียว ทว่าเลาเสี่ยวเสียวกลับไม่สามารถแม้แต่จะผลักขวานอันนี้ให้ขยับได้ด้วยซ้ำ
“ป่ายหวีเนออยู่ที่ไหน?” ซางจิ่วตี้กำลังมองหาเพื่อนร่วมทางที่แสนลึกลับ “เธอไปไหน?”
ชูฮันมองไปตรงทางเข้าของโรงกลั่น และเห็นว่ามันไม่มีแสงไฟข้างในเลย “เธออยู่ข้างในแล้ว”
“ไม่มีวินัยเอาซะเลย!” เลาเสี่ยวเสียวไม่เคยปล่อยโอกาสที่จะได้บ่นป่ายหวีเนอ ทว่าเธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทนกับป่ายหวีเนอ แม้เธอจะไม่พอใจที่ต้องอยู่ด้วยก็ตามที มันยากสำหรับพวกเขาในการทนป่ายหวีเนอ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังเชื่อฟังชูฮัน
“เตรียมปืนของพวกคุณให้พร้อม” ชูฮันแจกกระสุนให้ทุกคนขณะที่เขาจับขวานในมือตัวเองแน่น “เราจะเข้าไปตรวจดูข้างในกัน”