Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 930 กลัว
แผนพังเหรอ?ค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่ในวิกฤต? ลูกผสมปรากฏตัว? มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเมืองอันลู? หรือว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าพังทลายแล้ว?
อยู่ครู่หนึ่งที่หลูอี๋และกูเหลียงเฉินมีคำถามและจินตนาการมากมายในหัว แม้ว่าเมื่อคืนนี้กูเหลียงเฉินจะไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามาแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่มีใครคาดเดาการเปลี่ยนแปลงระหว่างสงครามได้ และในตอนนี้ในขณะที่ทุกอย่างก็แย่อยู่แล้ว จู่ๆราชานักล่าก็โผล่มาด้วยสีหน้าตื่นๆแบบนี้ พวกเขาจึงนึกถึงได้แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับค่ายเขี้ยวหมาป่า
หรือว่าค่ายเขี้ยวหมาป่ายื้อต่อไปไม่ได้ไหวแล้ว คนในค่ายถูกเปลี่ยนเป็นซอมบี้กันหมด?!
ดังนั้นพอราชานักล่าปรากฏตัวขึ้นหลูอี๋และกูเหลียงเฉินจึงยืนตะลึงตัวแข็ง ความรู้สึกสิ้นหวังและหดหู่พุ่งขึ้นมาในอกทันที นี้มันมาถึงจุดนี้แล้วเหรอ?
แผนการที่วางไว้สำหรับซุนอี๋เจียก็ย่อยยับหมดหลังจากคืนนี้ซุนอี๋เจียและพวกคนที่หวังร้ายต่อเมืองอันลูจะต้องตายด้วยน้ำมือของราชานักล่า และซางจิงที่แสดงตัวตนชัดเจนว่าต้องการกำจัดชูฮันมาตลอด ก็ถึงคราวจะต้องย่อยยับ…
หลังจากหลูอี๋และกูเหลียงเฉินพยายามกดความสิ้นหวังในใจลงและพยายามสงบอารมณ์ตัวเองพวกเขาพยายามใช้จิตวิทยาและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่แล้วจู่ๆราชานักล่าก็เคลื่อนไหวอย่างเหนือความคาดหมาย
”ตึง!”
ราชานักล่าตบโต๊ะลงมือเสียงดังสามครั้งติดต่อกันกวาดกองเอกสารบนโต๊ะหลูอี๋ทิ้งลงก่อนจะตะโกนใส่หลูอี๋และกูเหลียงเฉินที่ไม่เข้าใจการกระทำของเขา “พวกนายรู้มั้ย ชูฮัน! หมอนั่นมันได้คะแนน S+ อีกแล้ว! และก็เป็นอันดับที่หนึ่งในรายชื่อระยะ 5 แม่งเอ๊ยสุดยอดมาก!”
!!!
นอกจากทั้งสามคนในห้องจะตกใจอ้าปากค้างแล้วพวกเขายังช็อคจนแทบขาอ่อน นี้มันคนละเรื่องกับที่พวกเขาคิดเลย
อะไรนะ?มันเกิดอะไรขึ้น? นายหมายความว่ายังไง?
ไม่ใช่ว่าค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังจะย่อยยับเหรอ?
”เฮ้!ยืนบื้ออะไร?” ราชานักล่ามองทั้งสามคนที่ยืนนิ่งงันอย่างไม่พอใจ “นี่ฉันต้องพยายามอย่างมากกว่าจะฝ่าเข้ามาถึงที่นี้เพื่อเอาข่าวมาบอกพวกนายด้วยความเร็วที่สุดแล้ว แล้วสีหน้าที่พวกนายมอบให้ฉันคืออะไร? ฉันไม่โอเค ฉันขอเงินเพิ่มสำหรับภารกิจนี้”
ทันใดนั้นทั้งสามคนก็รีบดึงสติกลับมาทันทีกูเหลียงเฉินเป็นคนที่ตอบสนองรวดเร็วสุด เขารีบคว้าไหล่ของฟานเจี้ยนเอาไว้และเอ่ยถามเสียงสั่น “นายพูดว่า หัวหน้าชูฮันขึ้นนำเป็นที่หนึ่งในอันดับรายชื่อของเสาหิน แสดงว่าทั้งโลกก็เห็นเหมือนกันหมด?”
”ใช่”
คำว่า‘ใช่’ จากปากฟานเจี้ยนทำให้ทุกคนช็อคจนสติแทบหลุดออกจากร่าง
”เฮือก!!”
อาการตกใจที่ตามกันมาติดๆของทั้งสามคนและเสียงดังที่เกิดจากการเซจนชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้ภายในห้องดังไล่ตามกันมา
”ใช่แล้วมันต้องเป็นอย่างนี้สิ!” กูเหลียงเฉินไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในอกได้ “อันดับที่หนึ่งในวิวัฒนาการระยะ 5 การเปลี่ยนแปลงของอันดับรายชื่อที่เป็นที่ประจักษ์ต่อคนทั้งโลก ตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าหัวหน้าชูฮันยังมีชีวิตอยู่!”
”ไม่ใช่แค่ยังมีชีวิตอยู่แต่ยังประกาศก้องไปทั่ว เป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงอีกครั้ง!” หลูอี๋ตื่นเต้นสุดๆ ความชื่นชมที่มีต่อชูฮันพุ่งพล่านอยู่ในอก “ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้ยังมีค่ายไหนกล้าจะลงมืออีก พวกที่เฉลิมฉลองดีใจกันยกใหญ่หลังจากข่าวลือการตายของชูฮันกระจายไปตอนนี้คงกระเดือกน้ำลายไม่ลงคอด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฟานเจี้ยนเองก็ชอบใจอย่างมาก”ตอนนี้อย่าพึ่งพูดอะไร แม้ว่าชูฮันจะไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลา เพราะคาดการณ์จากระยะทางแล้วน่าจะอยู่ที่ 108,000 ไมล์ ดังนั้นมันไม่มีทางเลยที่ชูฮันจะกลับมาทันสงคราม แต่การประกาศนี้ก็เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนของเรา และเราน่าจะได้ความช่วยจากค่ายอื่นส่งมาด้วย การเคลื่อนไหวของชูฮันครั้งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมากจริงๆ”
ได้ฟังการวิเคราะห์ของฟานเจี้ยนหลูอี๋ที่กำลังตื่นเต้นก็คิดตาม “ใช่ หัวหน้าชูฮันต้องเดาว่าค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังย่ำแย่ และก็คงรู้ว่าเมืองอันลูถูกทุกค่ายทอดทิ้งหมด เพราะงั้นเขาก็เลยตัดสินใจเดินหมากที่สุดยอดอย่าฝนี้ เป็นการตบหน้าทุกคน บอกให้พวกชั่วนั้นรู้ว่า ‘กูยังอยู่ คิดจะทำอะไรก็คิดให้ดี’!” ”เหลือเชื่อ!สามารถพลิกสถานการณ์ได้ภายในการลงมือครั้งเดียว” กูเหลียงเฉินเริ่มประมวลทุกอย่างในหัว “ความริษยาและความกลัวจะทำให้ค่ายต่างๆนั่งไม่ติด และคอยดูนะ พวกนี้จะอ้างนั่นอ้างนี่ และก็กระตือรือร้นรีบส่งความช่วยเหลือและส่งทรัพยากรแห่มาให้ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากันอย่างไว”
”ใช่ฉันก็คิดอย่างนั้น” ฟานเจี้ยนเสริมทันที “ชูฮันไม่ได้แค่แสดงสถานะของเขาให้เท่านั้น แต่ยังเป็นการข่มขู่ค่ายทั้งหลายที่เคยเพิกเฉยต่อค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อนหน้านี้ด้วย พวกนั้นคงกลัวกันว่าพอชูฮันกลับมา พวกเขาจะโดนพายุนองเลือดของชูฮันถล่มใส่ละสิ?”
”ตำแหน่งพลเอกของชูฮันนั้นมีเอกสิทธิพิเศษบวกกับอำนาจและภาพลักษณ์ที่กดขี่ข่มเหงที่หัวหน้าชูฮันสร้างเอาไว้ คนพวกนี้คงกลัวจนหัวหดกันหมดแล้ว!” กูเหลียงเฉินเองก็ตื่นเต้นสุดๆ “ตอนที่อยู่ซางจิง หัวหน้าก็เคยเชือดไก่ให้ลิงดูมาแล้วครั้งนี้ ค่ายต่างๆรู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าทำจริง ไม่ใช่แค่คำขู่” ”หึหึแม่ง! สะใจจริงๆ” หลูอี๋ยังคงชื่นชมชูฮันไม่หยุด “พวกเราตั้งหลายคนรวมกันยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่หัวหน้าชูฮันคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่นี้ด้วยซ้ำกลับทำได้? แค่เข้าไปทดสอบในเสาหินและประกาศอำนาจผ่านทางรายชื่อบนเสาหิน ทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว!”
ขณะที่ทั้งสี่คนภายในห้องกำลังตื่นเต้นกันยกใหญ่ซุนอี๋เจียที่อารมณ์ไม่ค่อยดีในที่สุดก็เดินมาถึงบ้านพักของหลูอี๋ เขาทั้งกังวลและหวาดกลัว ยกมือขึ้นเคาะประตูด้วยท่าทีที่ถ่อมตนผิดปกติจากเดิม
ฟานเจี้ยนที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านสังเกตได้ก่อนใครว่ามีคนมา”ฉันขอตัวก่อน แล้วค่อยคุยกัน ฉันคิดว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าเดี๋ยวก็น่าจะกลับมาอยู่ในสถานการณ์คงที่ พวกนายก็อยู่ที่นี้เหมือนเดิมไป”
ฟานเจี้ยนรีบพูดและพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างทันทีทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบภายในห้อง ”พลโทอยู่มั้ยครับ?” ซุนอี๋เจียที่อยู่ด้านนอกบ้านก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เขาจึงเอ่ยเรียกหลูอี๋
หลูอีหันไปส่งสายตาให้คนสนิทของซุนอี๋เจียไปหาที่ซ่อนตัวหลังจากนั้นหลูอี๋ก็นั่งลงเงียบๆที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง แววตาประกายวาวด้วยควาามสะใจก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ามาสิ เจ้าหน้าที่ซุน”
”แอ๊ดดดด”
ประตูถูกผลักเปิดออกซุนอี๋เจียเดินเข้ามาในบ้านและได้เห็นกูเหลียงเฉินที่นั่งถัดจากหลูอี๋ หัวใจของซุนอี๋เจียเต้นรัวทันที
รอให้ซุนอี๋เจียหาที่นั่งด้วยตัวเองกุเหลียงเฉินก็เริ่มพูดทันที “เจ้าหน้าที่ซุน ผมพึ่งได้รับข่าวรายงานว่าชูฮันได้ขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งในเสาหินประเมิณระยะ 5 คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย?”
”เฮือก!!!”
”ตึง!” ซุนอี๋เจียตัวสั่นและช็อคเขาทั้งขาอ่อนขาสั่นไปหมดจนแทบจะเป็นลมทันที!