Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 939 จู่ๆก็ตระหนักได
หยางเทียนรายงานตอบด้วยความรวดเร็วตามลักษณะนิสัยและก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกเหนือจากที่ชูฮันสั่ง
แต่เมื่อเหล่าผู้รอดชีวิตได้ยินคำพูดของหยางเทียนนัยน์ตาของทุกคนก็วาววับราวกับบางสิ่งบางอย่างในใจถูกกระตุ้นอย่างแรง
สาเหตุที่ในกลุ่มเหล่าผู้อพยพจำนวนมากล้วนมีแต่ผู้ลี้ภัยและแต่ค่ายก็จะมีกลุ่มผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่อยู่ทุกค่ายนั้น…ไม่ใช่เพราะว่าคนเหล่านี้ไร้ค่าและไม่มีคุณค่าที่จะมีชีวิต แต่เพราะคนพวกนี้ลำบากลำบนอย่างมากในการดิ้นรนในโลกาวินาศ ผลกระทบมันมากเกินกว่าที่สภาพจิตใจของพวกเขาจะรับไหว ทำให้พวกเขาไม่คิดจะดิ้นรนทำอะไรแล้ว ได้แต่รอความตายมาเยือนเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรวันสิ้นโลกก็กำลังจะมาถึงอยู่แล้ว โลกกำลังจะถึงจุดจบและพวกเขาก็ย่ำแย่มากแล้ว ไม่รู้ว่าจะพยายามทำให้ดีขึ้นเพื่ออะไร? ในเมื่อโลกไม่มีอนาคตรออยู่และสุดท้ายพวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี?
เพราะงั้นฉันใช้ชีวิตตามความต้องการจนกว่าจะถึงจุดจบยังดีซะกว่า!
และเพราะทัศนคติเช่นนี้จึงทำให้กลุ่มผู้ลี้ภัยยิ่งตกต่ำขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นชนชั้นต่ำสุดในทุกที่ที่ไปความกลัวตายบีบให้ทุกค่ายต้องยอมจัดหาพื้นที่รองรับให้ผู้ลี้ภัยอยู่ แม้กระทั่งในค่ายที่เข้มงวดที่สุดก็คือยังมีการจัดพื้นที่สำหรับผู้ลี้ภัยแยกไว้ เพราะถ้าคนพวกนี้ตายและกลายเป็นซอมบี้ที่บ้าคลั่ง มันจะก็กลายเป็นสิ่งที่จะมาฆ่าพวกเขาต่อ
ถ้าปล่อยให้คนพวกนี้ตายมนุษย์ทุกคนก็จะต้องตายตาม…
พื้นที่ผู้ลี้ภัยในแต่ละค่ายนั้นแทบจะเหมือนกับขุมนรกมันแพร่กระจายความชั่วร้ายดั้งเดิมที่สุดของมนุษยชาติ
คำพูดของหยางเทียนนั้นเหมือนเป็นตัวบ่งชี้ในเวลาเช่นนี้หนทางข้างหน้าของเหล่าผู้ลี้ภัยก็ดูเหมือนจะกระจ่างชัดขึ้น ความคิดสับสนและเป้าหมายในชีวิตจู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัว
ฆ่าซอมบี้ฆ่าลูกผสม!
เป็นนักรบที่กล้าหาญของค่ายเขี้ยวหมาป่า!
แม้ว่าพวกเขาอาจจะมีส่วนช่วยแค่เพียงเล็กน้อยแม้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าจะยังห่างไกลจากพวกเขาจนเกินเอื้อม แต่คำพูดของหยางเทียนนั้นมีความหมายต่อพวกเขามาก โดยเฉพาะความคิดชั่วร้ายในใจของเหล่าผู้ลี้ภัย พลังงานบวกจู่ๆก็ปะทุขึ้น จิตสำนึกและจริยธรรมของความเป็นคนก่อตัวขึ้นในอก
หยางเทียนที่พูดจบแล้วก็เหลือบมองชูฮันเขารู้ดีถึงกฏระเบียบทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า และจากอารมณ์ของชูฮันในตอนนี้แล้ว…
”ตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถูกถามวิดพื้นหนึ่งร้อย สลับมือซ้ายและขวา!” แน่นอนว่า ชูฮันสั่งลงโทษตามมาทันที ”ครับ!”หยางเทียนตอบรับเสียงดังและลงไปวิดพื้นทันทีอย่างไม่เกี่ยงงอน ไม่มีแม้แต่คำโอดครวญต่อบทลงโทษที่เหมือนจะเกินกว่าเหตุ ทุกคนได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ
ไม่เพียงแค่พวกเขาจะไม่เข้าใจการที่ชูฮันสั่งลงโทษหยางเทียนแล้วแต่ยังไม่เข้าใจอีกด้วยว่าทำไมหยางเทียนถึงยอมรับแต่โดยดี?
อย่างที่รู้กันดีว่าหยางเทียนเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ6 ด้วยพละกำลังที่มีหยางเทียนนั้นอยู่ในอันดับต้นๆของทั้งจีน ทำไมเขาจะต้องยอมรับโทษต่อชูฮันต่อหน้าทุกคนแบบนี้?
หยางเทียนเผชิญหน้ากับบทลงโทษของชูฮันโดยไม่มีท่าทีว่าเสียหน้าเลยแถมยังปฏิบัติแต่โดยดีอีก!
ขณะที่หยางเทียนกำลังวิดพื้นอยู่นั่นเองชูฮันก็หันหน้ามาเผชิญทุกคนอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเผยรอยยิ้มออกมา หากมันกลับเป็นรอยยิ้มที่แปลกและดูน่าขนลุกสำหรับหลายคน
ชูฮันหัวเราะราวกับคนบ้าหากแววตากับดุดันเขาเริ่มออกเดินไปตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง “เคยได้ยินมั้ย? ความคิดแบบไหนที่คอยคุ้มกันค่ายและคอยดูแลทุกคนมาตลอด? ความคิดนั้นก็พึ่งออกมาจากปากหยางเทียนไง—–”
ทันใดนั้นเองจู่ๆชูฮันก็หยุดเดิน”ฉัน ในนามของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมด ขอบอกพวกคุณว่านี้แหละคือความคิดที่ทำให้เขี้ยวหมาป่าอยู่รอดมาได้และสมาชิกทุกคนทั้งค่ายเขี้ยวหมาป่าหรือกองทัพเขี้ยวหมาป่าล้วนปฏิบัติตามกันหมด! เราถึงมีชีวิตอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้!”
ทัศนคติที่ชาญฉลาดด้วยท่าทางขึงขังของทหารที่แสดงออกชัดเจนของชูฮันทำให้ไม่เพียงแค่ซางจิ่วตี้และคนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างหลังชูฮันแต่เหล่าฝูงชนนับหมื่นตรงหน้าก็ยืนนิ่งงันทำอะไรไม่ถูกราวกับคนโง่
จากคนที่ตะคอกด่าทอพวกเขาก่อนหน้านี้กลายเป็นคนที่ดูชอบธรรมและมีรัศมีของทหารชัดเจนแผ่ออกมาในขณะนี้ ใช่ชูฮันคนเดิมจริงๆงั้นเหรอ?
เกาช้าวฮุ่ยตะลึงอีกครั้งหากเขาก็ทำได้แค่เพียงเงียบเอาไว้พร้อมกับแอบยกรางวัลนักแสดงทองคำให้ชูฮันอยู่ในใจ!
โดยไม่สนใจความคิดของทุกคนชูฮันเลือกพูดต่อ “อนาคตของค่ายเขี้ยวหมาป่าสามารถคาดการณ์ได้อีกสิบวันต่อจากนี้ พวกคุณรู้ดีว่าฉันพูดเรื่องอะไรอยู่ สงครามครั้งนี้มีทั้งลูกผสมและซอมบี้จำนวนมหาศาลที่มีเป้าหมายคือการทำลายล้างพวกเราให้สิ้นซาก มันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว ตอนนี้พวกคุณทุกคิดดู พวกคุณยืนอยู่ตรงนี้ทำไม? โลกาวินาศคืออะไรสำหรับทุกคน? แล้วอะไรคือความหมายของการมีชีวิต?”
หลังจากพูดจบชูฮันก็ยืนนิ่งกวาดสายตาจริงจังสบตากับทุกคนที่กำลังเอาคำพูดของเขาไปขบคิดอยู่
อะไรคือความหมายของการมีชีวิต? ถึงอย่างไรสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ตาย…ทำไมถึงไม่อยากตาย?
ทุกคนเคยเอาชนะคู่แข่งในการดำเนินชีวิตชีวมานับไม่ถ้วนในยุคศิวิไลซ์ต่อสู้กัดฟันเพื่อสิ่งที่ดีกว่ามาทั้งชีวิต หลายคนเคยอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตมาแล้ว ทำไมกับโลกาวินาศพวกเขาต้องกลัวหัวหดจนขี้ขลาดกันแบบนี้?
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเป้าหมายของชีวิตตัวเองในตอนนี้ยิ่งบรรยากาศเงียบสงบ ความคิดของทุกคนก็ยิ่งด่ำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ และทันใดนั้นเองชูฮันก็เริ่มก้าวเท้าออกเดินอีกครั้ง ครั้งนี้ฝีเท้าของชูฮันทั้งมั่นคงและฝังลึก เขาสบตาทีละคนทุกก้าวที่เดินผ่าน แววตาจริงจังและมุ่งมั่น
เสียงที่อัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจดังขึ้น”เขี้ยวหมาป่าจะถูกทำลายหรือเกิดใหม่ ทางเลือกขึ้นอยู่กับพวกคุณ”
”เฮือก!”
ซางจิ่วตี้ที่ไม่เคยคาดเดาการกระทำของชูฮันได้เงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของชูฮันด้วยความตกใจ และในตอนนั้นเองเหล่าทหารทุกคนก็ตระหนักได้ถึงเจตนาของชูฮัน
หัวหน้าชูฮันกำลังหาทางขยายจำนวนของกองทัพ!
ผู้ลี้ภัยและชาวบ้านมีจำนวนเท่าไหร่?นับหมื่นคน…ทำไมพวกเขาถึงคิดไม่ได้?
ถ้ากลุ่มคนพวกนี้เข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าปริมาณกำลังทหารของกองทัพจะสามารถขยายได้หลายเท่าภายในครั้งเดียว เมื่อใช้ร่วมกับกลยุทธ์การรบอันสุดยอดของชูฮันแล้ว ความแข็งแกร่งของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าในชั่วข้ามคืน
ครั้งนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายเริ่มหน้าดำหน้าเขียวด้วยความละอายใจและอับอาย…ทรัพยากรมีอยู่ตรงหน้าล้นหลามแท้ๆแต่พวกเขากลับมองข้ามไป!
อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเช่นนี้ มันจะต้องมีเงื่อนไขที่หนักแน่นไม่เบา มันจำเป็นที่จะต้องมีชูฮันเป็นคนนำ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำเช่นนี้ เพราะถ้าการกระทำและคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากคนอื่นที่ไม่ใช่ชูฮัน ผลกระทบมันจะเป็นอีกแง่หนึ่งอย่างแน่นอน
บทบาทของฮีโร่มีผลกระทบสำคัญในค่ายเขี้ยวหมาป่า
ตัวชูฮันเองก็เป็นรากฐานของทุกอย่าง
ทุกคนอยากจะเห็นปฏิกิริยาของเหล่าผู้ลี้ภัยตรงหน้าเช่นกันหากก็ทำได้เพียงสังเกตการณ์เงียบๆเท่านั้นเพราะตอนนี้ชูฮันได้หยุดเดินและยืนนิ่งเงียบมาสามวินาทีแล้ว
ตลอดสามวินาทีชูฮันไม่ได้มองใครเลย หากหลุบตาลงมองพื้นดินที่เท้าตัวเอง จ้องไม่วางตาราวกับว่ากำลังพิศวาสดินอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนทำตัวไม่ถูกท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของชูฮันซึ่งไม่มีคำอธิบายใดๆทำให้ทุกคนงุนงงไปตามๆกัน
ชูฮันคิดจะทำอะไร?