Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 98 ถือว่าเป็นคนจริง
ปัง! เสียงปะทะของกำปั้นนั้นดังสนั่นและรุนแรงจนกำแพงสะเทือน
เลือดสดๆไหลย้อยลงมาจากนิ้วของซางจิ่วตี้ ทว่าเธอกลับดูไม่เจ็บปวดเลย ราวกับมีควันลอยตามออกมาจากน้ำเสียงที่โกรธจัดของเธอ “พวกเธอได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?”
เฉินช่าวเย่ตัวสั่นด้วยความกลัว เนื่องจากน้ำเสียงของซางจิ่วตี้ดูไม่พอใจอย่างมาก
“โอ๊ะ ใช่!” เลาเสี่ยวเสียวพูดขึ้นมาอย่างไม่กลัวอะไร “เก้าที่แสนโอหังคนนั้นกลับมาแล้ว”
เสียงของเด็กสาวเต็มไปด้วยความร่าเริง ฟังจากน้ำเสียงของเธอก็บอกได้เลยว่ากำลังมีเรื่องบางอย่างที่น่าสนใจกำลังจะเกิดขึ้น ท่าทางที่ดูไม่ได้กลัวของเธอเลย แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจบรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนนี้แม้แต่น้อย
ชูฮันมองไปที่นิ้วของซางจิ่วตี้และชี้นิ้วไปที่มือเธอ พลางพูด “เธอเลือดออก”
“ฉันรู้!” ซางจิ่วตี้นั้นโมโหมาก เพราะเขาไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเธอจริงๆดูได้จากท่าทางของเขา เธอโกรธมาก! “ฉันไม่กลัวความเจ็บ!”
ชูฮันกำลังตรวจดูขวานอยู่ มันได้มาถึงขีดจำกัดของมันแล้วและก็คงหักไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นขวานพิเศษ มันมีรอยร้าวอยู่ตรงขอบ ชูฮันไม่ได้สนใจกับเสียงบ่นไม่พอใจของซางจิ่วตี้ เขาเพียงแค่พูดอย่างสบายๆว่า “นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญก็คือเลือดของเธอจะล่อซอมบี้มาต่างหาก”
ทุกคนต่างตกอยู่ในการอาการนิ่งงัน เฉินช่าวเย่ไปมองที่ชูฮันอยู่หลายครั้ง นี่อีคิวของชูฮันปกติมั้ย? เลาเสี่ยวเสียวยิ่งสงสัยเข้าไปอีก เธอคิดว่าพี่ชูฮันก็เจอแบบนี้เหมือนกับตอนที่อยู่ค่ายเสี้ยนกาว แต่ทำไมตอนนี้พวกเขาถึงทะเลาะกัน?
ป่ายหวีเนอหันหน้ามามองชูฮัน จากนั้นก็เหลือบไปมองแผลของซางจิ่วตี้ พลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยที่ว่าบาดแผลนั่นจะล่อซอมบี้มา
ซางจิ่วตี้โกรธจัดขึ้นไปอีก เรื่องเดียวที่ชูฮันสนใจก็คือ แผลของเธอจะล่อซอมบี้มางั้นเหรอ?
“ไม่ต้องห่วง” ซางจิ่วตี้ตอบด้วยน้ำเสียงดุดัน ดึงกำปั้นของเธอออกมาจากกำแพง เธอโกรธมากจนไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น พลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเน้นเสียง “ฉันจะสู้กับพวกมันเองถ้ามันมา”
ชูฮันพยักหน้ารับมองเธอและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถือว่าเธอเป็นคนจริง”
ทุกคนมองชูฮันอย่างตะลึงอีกครั้ง! พวกเขาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอถูกมองว่าเป็นคนจริง? ชูฮันพูดแบบนั้นได้ยังไง?
ซางจิ่วตี้รู้สึกท้อแท้ขณะมองไปที่ชูฮัน เขาใช่ผู้ชายคนเดียวกับที่ป่ายหวีเนอตกหลุมรักรึเปล่า? เขาจะรู้มั้ยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้?
จู่ๆตาของเลาเสี่ยวเสียวก็วาวคมขึ้นมา เธอคิดว่าพี่ชูฮันเป็นคนที่พิเศษมาก เขาทั้งแข็งแกร่งมากและอารมณ์ขันต่ำ ทว่าเขาสามารถเล่นมุกแข็งๆได้ในเวลาแบบนี้
“พัฟ—–” เฉินช่าวเย่อยากจะหัวเราะหากก็พยายามกลั้นมันไว้
ปฏิกิริยาของป่ายหวีเนอนั้นยิ่งกว่า เธอมองไปที่ซางจิ่วตี้ ตาของเธอเหมือนกับมองทะลุซางจิ่วตี้ทุกอย่างพร้อมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนจริง?”
ซางจิ่วตี้หันหน้าหนี ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนั้นเอง…มีมือขนาดใหญ่เอื้อมมาจับมือเธอและยกขึ้นมาช้าๆ มือนั่นไม่ได้นุ่มนวลแถมยังหยาบกร้านกำลังกุมมือข้างที่บาดเจ็บของเธออยู่
ซางจิ่วตี้มองไปที่ชูฮันที่ยืนเงียบอยู่หน้าเธอ
มันมีท่าทางที่ดูอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาอยู่ยามที่กำลังกุมแผลของเธออยู่ เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา แสดงว่าเขายังแคร์เธออยู่สินะ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ซางจิ่วตี้กำลังซึ้งอยู่นั่น ชูฮันก็พูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศทั้งหมด
“มันจะดีกว่าถ้าเราห่อมันไว้ ไม่อย่างนั้นกลิ่นของเลือดจะล่อซอมบี้มาแน่ๆ”
“คุณมัน…” ซางจิ่วตี้ดึงมือของเธอกลับมา “คนนิสัยไม่ดี!”
————-
โรงงานที่ไร้แสงไฟนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ชูฮันไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันจะมีซอมบี้ระยะที่3อยู่ที่นี่มั้ย
เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นมาให้ได้ยิน ขณะที่ทุกคนต่างกำลังเดินอยู่ในโรงงานตามหาวัตถุดิบเพื่อนำมาปรับแต่งG55
อีกอย่าง ศพของผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ เพราะฉะนั้นมันอาจจะมีคนอื่นอยู่ในโรงงานนี้อีก
ขณะที่กลุ่มชูฮันกำลังเดินกันอยู่ จู่ๆพวกเขาก็หยุดชะงักพร้อมๆกัน ใบหน้าของชูฮันแสดงอาการสับสนอยู่พร้อมกับมีแสงสลัวๆมาจากจุดที่พวกเขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ มีใครอยู่ที่นั่นมั้ย? มันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะมีมนุษย์อยู่ในที่ๆมีซอมบี้ระยะที่2อยู่
เห็นได้ชัดว่าซอมบี้ระยะที่2นั้นทรงพลังมาก และมนุษย์ที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะโดนพวกมันกินไปนานแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะมี ‘ผู้มาใหม่’ เป็นซอมบี้ระยะ2?
มีเหล็กและพวกสินค้าที่ทำจากเหล็กต่างๆกระจัดกระจายเละเทะอยู่บนพื้น กลิ่นโลหะลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แสงสลัวๆตรงหน้าพวกเขาช่วยขยายเงาของพวกเขาให้ใหญ่ขึ้นไปอีก มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างใหญ่และไฟสลัวนั้นก็อยู่ไกลออกไป
“มันเป็นแสงตามพื้น” เลาเสี่ยวเสียวพูดกับชูฮันเงียบๆ “มันมีเครื่องปั่นไฟ” มันแปลกที่จะมีเครื่องปั่นไฟอยู่ในที่แบบนี้ ชูฮันเดินนำหน้ากลุ่มด้วยท่าทางสง่าอย่างทรงพลัง ทุกคนเดินตามชูฮันไป พร้อมกับกั้นลมหายใจ กลิ่นฉุนพวกนี้รุนแรงเกินไป
‘ปัง!’ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
ชูฮันมองไปทางข้างหลัง ขวานอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมโจมตี ป่ายหวีเนอก็เต็มไปด้วยจิตสังหารทันที ซางจิ่วตี้กอดเลาเสี่ยวเสียวแน่นไว้ในอ้อมแขน ทุกคนต่างมองไปทางต้นกำเนิดเสียง
มันเป็นเฉินช่าวเย่!
ผู้ชายตัวอ้วนหนัก200กิโลกรัมนั้นกลัวแทบตาย เขายกมือขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก มองมาที่ทุกคนที่พร้อมจะฆ่าจะเขาและพูดขึ้นว่า “ฉัน ฉันเอง”
ปากของชูฮันบิดพร้อมคิดในใจว่าเฉินช่าวเย่นั้นอ้วนเกินไปแถมทางเดินนี่ก็แคบมาก เพราะฉะนั้นเจ้าอ้วนนั่นก็เลยเดินชนนั่นนี่ตามทาง
ซางจิ่วตี้หายใจเข้า เช็ดเหงื่อบนหน้าเธอออก
จิตสังหารของป่ายหวีเนอสลายทันที พลางหันไปสังเกตุการณ์รอบๆแทน
“แม่ง!” เลาเสี่ยวเสียวสบถ “แกกำลังทำอะไร?”
“เฮ้ เฮ้ ขอโทษนะ” เฉินช่าวเย่ยิ้มอย่างขบขัน “ฉันน่าจะเหยียบอะไรบางอย่างและมันก็ติดบนรองเท้าฉัน”
“มีอะไรน่าตลกงั้นเหรอ?” เลาเสี่ยวเสียวยังคงอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว เธอกวาดสายตามองตามพื้น
“นี่ไง ใต้เท้าของฉัน” เฉินช่าวเย่หยิบบางอย่างขึ้นมา ยื่นแขนเขาออกไป ด้วยความช่วยเหลือจากแสงสลัวๆทำให้มองเห็นได้ชัดว่ามันคือ เล็บ
“เฮ้ย! นี่มันตะปู” เลาเสี่ยวเสียวทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ “ฉันคิดว่ามันจะเป็นนิ้วหรือหัวกระดูกไม่ก็อย่างอื่น!”
“เธอนี่เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญจริงๆ!” เฉินช่าวเย่กรอกตาใส่เลาเสี่ยวเสียว พลางรู้สึกหดหู่ใจ นี่เขาเป็นตัวถ่วงของกลุ่มงั้นเหรอ?
“หืมมมม!” เลาเสี่ยวเสียวพยักหน้ารับอย่างภูมิใจ “ฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้วเพราะมีพี่ชูฮันอยู่ตรงนี้!”
“ใช่ หัวหน้าอยู่ตรงนี่!” เฉินช่าวเย่ยิ้มอยางจริงใจ จากนั้นก็เขวี้ยงตะปูนั่นลงไปที่พื้น
“เดี่ยว!” ชูฮันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอฉันดูตะปูนั่นที!”