novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2550 ท่วงท่าอาจหาญ มุ่งหน้าสง่างาม

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 2550 ท่วงท่าอาจหาญ มุ่งหน้าสง่างาม
Prev
Next

จงหลีเซียวพูดจบก็หันหลังพุ่งไปบนหนทางฟ้าเลือกสรรทองอร่ามนั่น

หลินสวินยิ้มรับ ไม่สนใจสายตาประหลาดที่มองมาโดยรอบสักนิด

สี่ตระกูลตงหวงก็ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินอีกหน่อยจะเป็นไร

“ข้าแน่ใจว่าเจ้าเป็นคนไม่กลัวตาย แต่เจ้าคิดว่าหากเรื่องในวันนี้นำภัยมาถึงตัวจะคุ้มค่าหรือ”

ห่างไปไม่ไกล ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยถาม

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใครจะอยู่รอดถึงตอนท้าย”

หลินสวินกล่าวลอยๆ คล้ายไม่สนใจเรื่องพวกนี้แต่แรก

นี่ทำให้หลายคนแอบชื่นชมขึ้นมา

บนโลกนี้ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างบรรพจารย์จักรพรรดิ ตัวตนน่าหวาดกลัวอย่างระดับอมตะ ยามเผชิญหน้ากับคนในตระกูลยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ใครกล้าไม่กริ่งเกรงเหมือนหลินสวินบ้าง

ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยปากเสียงเบา “เช่นนั้นข้าก็ขอพูดตามตรง หากไม่อาจกำราบคนอย่างเจ้าได้ ข้ายอมทำลายเจ้าแทน”

ท่าทางนางผ่อนคลาย แต่คำข่มขู่นั้นสามารถทำให้ใครก็ตามหนาวเยือกในใจ

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินแค่ร้องอ้อคราหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่มองฉีหลิงอวิ๋นอีก

“แข็งแกร่งมาก!”

มีคนร้องอุทานออกมา ทุกคนมองไปก็เห็นว่าบนหนทางฟ้าเลือกสรรนั้น เงาร่างจงหลีเซียวทะลวงผ่านสองพันจั้งไปนานแล้ว กำลังเคลื่อนไปทางยอดเขา

เทียบกับมู่อี้แล้วไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร!

กระทั่งเห็นเงาร่างเขาใกล้ตำแหน่งสองพันเก้าร้อยจั้งทีละก้าว ทุกคนในที่นั้นล้วนกลั้นหายใจจดจ่ออย่างอดไม่ได้ จับตามองอย่างตื่นเต้น

เมื่อเห็นเงาร่างของจงหลีเซียวก้าวไปเหนือจุดสองพันเก้าร้อยจั้งแล้วยังมีแรงมุ่งหน้า ทุกคนในที่นั้นก็แตกตื่นไปทั้งแถบ

เหนือกว่าความสามารถของมู่อี้เมื่อครู่แล้ว!

“ไม่เจอกันหลายปี เจ้าหมอนี่ถึงกับมีการพัฒนาเช่นนี้ เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้เขาซ่อนความสามารถไว้ไม่น้อย…” ชือพั่วจวินกล่าวอย่างประหลาดใจ

เขามองออกว่าความสามารถของจงหลีเซียวในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าที่เขาเข้าใจอย่างเห็นได้ชัด!

“ฮึ!”

ท่ามกลางความประหลาดใจ มีเพียงมู่อี้ที่สีหน้าอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง ถูกจงหลีเซียวใช้วิธีนี้ก้าวข้าม ทำให้ในใจเขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

‘มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอีกคน…’

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย ต่อให้เขาไม่ยินดีแค่ไหนก็จำต้องยอมรับ พวกที่มาจากน่านฟ้าที่แปดนี้ ล้วนเป็นราชันบนหนทางจักรพรรดิ แข็งแกร่งถึงขั้นกำราบคนในระดับเดียวกันได้เกือบทั้งหมด

ความจริงคนที่สามารถบรรลุมกุฎบรรพจารย์ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นปีศาจที่สะท้านอดีตสะเทือนปัจจุบันจริงๆ ไร้หนึ่งในหมื่น วิปริตเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่มู่อี้ก็ทำให้ระดับบรรพจารย์รุ่นอาวุโสรู้สึกต่ำต้อย ไม่อาจไม่ก้มหัว!

นี่ก็คืออานุภาพของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

“สำเร็จแล้ว!”

เมื่อเห็นเงาร่างของจงหลีเซียวปรากฏอยู่บนยอดเขานั่น ในบริเวณนั้นเดือดพล่านขึ้นมาอย่างที่สุด ผู้ฝึกปราณทุกคนรู้สึกตื่นเต้น สีหน้าแตกต่างกันออกไป

เปรียบเทียบกับจงหลีเซียวแล้ว พวกเขาล้วนรู้สึกถึงความท้อแท้สิ้นหวังและพ่ายแพ้อย่างอดไม่ได้ บุคคลพลิกฟ้าเช่นนี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!

แม้แต่หลินสวินยังอดผิดคาดไม่ได้

จงหลีเซียวนี่ดูเหมือนคนดื้อด้านไร้กฎเกณฑ์ เอ้อระเหยลอยชาย แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือเปลือกนอก ตัวจริงเขามีศักยภาพชวนประหวั่นที่เหนือผู้คนระดับเดียวกัน

เวลานี้เขาสังเกตเห็นว่าสองมือของมู่อี้กำแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ สีหน้าล้วนดูเหี้ยมเกรียมอยู่รางๆ

เห็นชัดว่าการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของจงหลีเซียวกระทบกระเทือนเขาไม่น้อย

ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าว่าจงหลีเซียวจะเป็นคู่ต่อสู้ทรงพลังในการพนันแล้ว”

สำหรับนาง การขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของจงหลีเซียวยังไม่อาจพูดได้ว่าเป็นบุตรฟ้าเลือกสรรเพียงหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง มีแค่รอให้ศึกชิงบัลลังก์นี้ปิดฉาก ดูว่ามีผู้ที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดกี่คนกันแน่ และอาศัยเวลาที่แต่ละคนใช้ไปในระหว่างการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมาตัดสินสูงต่ำ

“ยอดเขานี้สามารถก้มมองใต้หล้า สมเป็นตำหนักเซียนใจกลาง ทุกท่าน ข้าเฝ้ารอยิ่งว่าจะมีใครยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าบนนี้ได้บ้าง! ฮ่าๆๆ…”

บนยอดเขาจงหลีเซียวในชุดขนนกแสงเพลิงราวเด็กหนุ่มหัวเราะเปิดเผย สะท้อนก้องเหนือเมฆา

ทุกคนต่างเผยสีหน้าซับซ้อนอย่างอดไม่ได้

“ฮึ ลำพองอะไร”

ชือพั่วจวินกล่าวพลางก้าวไปยังหนทางฟ้าเลือกสรรนั่น

อย่างน้อยในที่นั้นยังมีผู้ฝึกปราณกว่าครึ่งที่ไม่ได้ทดสอบการชิงบัลลังก์ เมื่อเห็นดังนี้ก็ได้แต่ยอมถอยและเฝ้ารอ

หลังจากนั้นครึ่งเค่อ

ชือพั่วจวินก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดอย่างแข็งกร้าว ก่อให้เกิดเสียงร้องอุทานในที่นั้น

รอยยิ้มบนสีหน้าของจงหลีเซียวหายไปทันที ส่วนสีหน้ามู่อี้ซึ่งยืนอยู่บนหน้าผาและเห็นทุกอย่างนี้ก็ไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิมแล้ว

“เวลาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของสองคนนี้ไม่ต่างกันเท่าไร เจ้ามั่นใจว่าจะเหนือกว่าไหม” ฉีหลิงอวิ๋นทอดสายตามองลิ่นเฟิงที่อยู่ข้างกาย

บนใบหน้าธรรมดาของลิ่นเฟิงไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าจะทุ่มสุดความสามารถ”

ฉีหลิงอวิ๋นพยักหน้า “ไม่ต้องฝืน ก็แค่เสียทองพิสุทธิ์อมตะก้อนหนึ่ง ข้ายังพอรับความพ่ายแพ้ได้”

ลิ่นเฟิงกล่าวอืมออกมาคำหนึ่งแล้วเริ่มเคลื่อนไหว

ไม่นานทุกคนในที่นั้นล้วนถูกทำให้ตกใจ ความเร็วของลิ่นเฟิงไม่ถึงขั้นว่องไว แต่ให้ความรู้สึกว่ามั่นคงหาใดเปรียบ ก้าวขึ้นไปทีละขั้น อานุภาพไม่อาจต้าน

‘คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…’

หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาและอดผิดคาดไม่ได้ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิซึ่งมาจากน่านฟ้าที่ห้าอย่างลิ่นเฟิง ความสามารถที่แสดงออกบนหนทางฟ้าเลือกสรรกลับแข็งแกร่งกว่าจงหลีเซียวและชือพั่วจวินอยู่บ้าง!

เป็นไปดังคาด ลิ่นเฟิงไม่ถูกคัดออก

ภายใต้สายตาที่จ้องมองของทุกคน เงาร่างของลิ่นเฟิงก้าวไปบนยอดเขานั้นทีละก้าวดังคาด

“ดี!”

นัยน์ตาฉีหลิงอวิ๋นเผยยิ้มออกมา ราศีจับเปล่งประกาย นางนับนิ้วคำนวณ ความเร็วในการขึ้นไปยังจุดสูงสุดของลิ่นเฟิงเร็วกว่าจงหลีเซียวและชือพั่วจวิน เวลาที่ใช้ย่อมสั้นกว่าเป็นธรรมดา!

ตอนนี้นางฉีหลิงอวิ๋นชนะในการพนันครานี้แล้ว

บนยอดเขา หว่างคิ้วของจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินล้วนเผยแววอึมครึม ความยินดีและตื่นเต้นยามขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ก็หายไป

สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับที่สุดคือ ลิ่นเฟิงเป็นแค่ผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายฉีหลิงอวิ๋น แต่ตอนนี้กลับเหนือกว่าพวกเขาขั้นหนึ่ง

ต่อให้ต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็คือความแตกต่าง!

ส่วนมู่อี้ตอนนี้ใบหน้างามนั้นอึดอัดจนคล้ำเขียว ท่าทางเหมือนอยากแทรกแผ่นดินหนี

ถูกจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินก้าวข้ามก็ช่างเถิด ตอนนี้ยังถูกผู้พิทักษ์ข้างกายฉีหลิงอวิ๋นก้าวข้ามอีก นี่ก็เหมือนการตบหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยปริยาย

ตอนนี้ในที่นั้นมีผู้แข็งแกร่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดสามคนแล้ว นี่คล้ายกับการมอบความมั่นใจและความหวังให้คนมากมาย ในเวลาต่อมามีคนมุ่งหน้าไปทดสอบอย่างต่อเนื่อง

แต่สุดท้ายผลลัพธ์กลับโหดร้ายเยียบเย็น ล้วนถูกคัดออกแทบทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น

ระหว่างนี้ยามเห็นชางฝูเซิงหยุดเท้าห่างไปตรงรัศมีสองพันหกร้อยกว่าจั้ง ในใจที่นิ่งสงบนั้นของหลินสวินก็ถอนใจเล็กน้อย

สุดท้ายชางฝูเซิงก็มีปราณแค่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด ไม่อาจเทียบกับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิได้

แต่ที่เกินความคาดหมายของหลินสวินคือ ‘คนสะพายดาบ’ ที่หัวสวมงอบ พาดดาบศึกบนแผ่นหลังนั้น ถึงกับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ในคราเดียว!

แม้ว่าความเร็วจะเทียบกับจงหลีเซียว ชือพั่วจวิน ลิ่นเฟิงไม่ติด แต่ความสามารถนี้ยังนำมาซึ่งความอลหม่านทั่วบริเวณ

เวลานี้ผู้คนถึงเพิ่งรู้ว่าคนสะพายดาบไม่ใช่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดบนประกาศจับนานแล้ว หากแต่เป็นผู้บรรลุมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!

บุคคลรุ่นอาวุโสของเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายตัดสินใจแล้วว่า รอโบราณสถานทวยเทพปิดฉาก พวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางไปเชิญชวนคนสะพายดาบนั่นมา

เวลาเคลื่อนไปทีละน้อย มีผู้ฝึกปราณก้าวไปข้างหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีเหตุการณ์อย่างการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเกิดขึ้นอีก

มีคนทอดถอนใจ มีคนไม่ยินยอม ทั้งมีคนอกสั่นขวัญหาย

สุดท้ายการโจมตีด้วยการถูกคัดออกที่นี่ก็ยิ่งใหญ่นัก

หลินสวินสังเกตเห็นว่าหลิ่วเซียงเชวียกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนก็ทยอยถูกคัดออกแล้ว แต่ทั้งสองกลับเยือกเย็นมาก ทั้งไม่เสียอาการอะไร เห็นชัดว่าพวกเขาคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ว่าด้วยศักยภาพของตนมีความหวังในการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดริบหรี่นัก ดังนั้นจึงไม่ได้ไม่ยินยอมเท่าไหร่

ฉีหลิงอวิ๋นทอดสายตามองหลินสวิน “ตอนนี้ก็เหลือเจ้าคนเดียวที่ยังไม่ทดสอบ หรือคิดจะยอมแพ้”

สายตาของคนอื่นในที่นั้นก็มองมา

ก่อนหน้านี้ใครต่างก็สังเกตเห็น หลินสวินมีความคิดมุ่งหน้าไปทดสอบแต่แรก แต่กลับถูกจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินตัดหน้า

แต่ในเวลาต่อมาหลินสวินกลับไม่เคลื่อนไหวมาตลอด นี่ทำให้ผู้คนอดแปลกใจไม่ได้ หรือเขารู้ตัวว่าพลังไม่เพียงพอจึงตัดสินใจยอมแพ้

กลับเห็นหลินสวินยิ้มขึ้นมา เหลือบมองฉีหลิงอวิ๋น “เจ้าไม่ใช่คนหรอกหรือ”

ทุกคนอึ้งงันเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงรู้ความหมายในคำพูด สีหน้าพิลึกพิลั่น ฉีหลิงอวิ๋นยังไม่ร่วมการทดสอบจริงๆ แต่ใครบ้างไม่รู้ว่าการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของลิ่นเฟิง ก็หมายความว่านางไม่จำเป็นต้องทดสอบอย่างสิ้นเชิง

ฉีหลิงอวิ๋นสีหน้าค้างแข็งอย่างเห็นได้ชัด ตระหนักได้ว่าใช้คำผิดเช่นกัน นางกล่าวเสียงเยียบเย็นอย่างอดไม่ได้ “ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะถูกคัดออกตรงไหน”

หลินสวินก้าวเท้าไปโดยไม่ได้สนใจ

ความจริงแล้วเวลานี้ทุกคนในที่นั้นก็ใคร่รู้อย่างอดไม่ได้ ถึงแม้คนร้ายกาจแซ่หลินจะเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด แต่กลับสังหารระดับบรรพจารย์จักรพรรดิในการปะทะซึ่งหน้าได้ ไม่ใช่ผู้ที่คนในระดับเดียวกันเทียบได้อย่างสิ้นเชิง

เขา… จะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้หรือไม่

ความหวังก็มี แต่ช่างริบหรี่!

นี่คือความเข้าใจของทุกคน ถึงอย่างไรทั้งสี่คนที่ยืนอยู่บนยอดเขาในตอนนี้ก็เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสิ้น

นั่นเป็นถึงบุคคลที่น่ากลัวกว่าบรรพจารย์มรรค หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นบุคคลในตำนานที่หายากดั่งขนหงส์เขากิเลน

อย่างน้อยในหกน่านฟ้าใหญ่ก็แทบไม่เจอมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ดก็มีน้อยจนนับนิ้วได้ แค่ชูนิ้วยังนับได้หมด ยากพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

หากไม่ใช่ว่าศุภโชคของโบราณสถานทวยเทพนี้ชวนตะลึงเกินไป เกรงว่าคงไม่เห็นภาพที่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิรวมตัวกันมากเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง

ภายใต้สายตาที่จ้องมองของทุกคน หลินสวินก้าวไปบนหนทางฟ้าเลือกสรร

จากนั้นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อก็เปิดฉาก

เห็นเพียงเงาร่างของหลินสวินราวกับแสงเจิดจรัสสายหนึ่ง ปรากฏอยู่ในรัศมีพันจั้งด้วยความเร็วเหมือนห้อตะบึง

ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!

ทุกคนล้วนออกอาการเหมือนเห็นผี นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

ฉีหลิงอวิ๋นยังอึ้งงัน มือหยกที่กุมม้วนตำรากำแน่นอย่างอดไม่ได้ เหตุการณ์ผิดปกตินี้ทำให้นางไม่ทันตั้งตัวและถูกโจมตีเช่นกัน

แต่ไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับมา

ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินห้อตะบึงไปข้างหน้าต่อ ราวกับเทพเซียนบินแหวกอากาศบนทางภูเขา ชายเสื้อพลิ้วไหว ท่วงท่าอาจหาญ สง่างามโดดเด่น

เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว พวกจงหลีเซียวที่ไปถึงรัศมีพันจั้งก่อนหน้านี้ดูงุ่มง่ามเหมือนหอยทากสิ้นดี!

บนยอดเขา พวกจงหลีเซียวก็ตกตะลึงตาค้างอย่างอดไม่ได้ เกือบสงสัยว่าตัวเองตาลาย

นี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง!?

กระทั่งต่อมาผู้คนล้วนอึ้งงันอย่างสมบูรณ์ ถูกทำให้ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

เพราะเมื่อไปถึงตำแหน่งสองพันจั้ง ความเร็วของหลินสวินกลับไม่มีสัญญาณว่าจะช้าลงแม้แต่น้อย ยังคงห้อตะบึงไปเช่นนั้นเหมือนเดิม…

สง่างามจนไม่รู้จะว่าอย่างไร!

………………….