novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2847 หวังเจวี๋ยฮ่วน

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 2847 หวังเจวี๋ยฮ่วน
Prev
Next

หยวนฉางเทียนจ้องเฉาเป่ยโต้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเฉา นี่เพิ่งเข้าแดนมารสิบทิศวันแรกท่านก็อดใจรอไม่ไหวเช่นนี้แล้วหรือ”

เฉาเป่ยโต้วสีหน้าแข็งทื่อ กล่าวว่า “จัดการศัตรูย่อมต้องกำจัดให้สิ้นซากโดยเร็ววัน หาไม่ด้วยรากฐานและพลังต่อสู้ของหลินสวิน หากให้เขารวบรวมพลังระเบียบได้มากพอ พลังปราณของเขาต้องเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดเป็นแน่ ภายหน้าหากคิดจะฆ่าเขาเกรงว่าจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ”

หยวนฉางเทียนกล่าว “ด้วยมรรควิถีของท่าน หากจะหลอมพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นหนึ่งสักสายต้องใช้เวลานานเท่าไร”

“สามวัน”

“แล้วระดับปฐพีขั้นสองล่ะ”

“เจ็ดวัน”

“ระดับปฐพีขั้นเก้าล่ะ”

“ประมาณ… สองเดือน”

เฉาเป่ยโต้วกล่าวอย่างลังเล

หยวนฉางเทียนถาม “เช่นนั้นท่านคิดว่าหากหลินสวินรวบรวมพลังระเบียบได้มากพอ และคิดหลอมพวกมันทั้งหมด ต้องใช้เวลานานเท่าไร”

เฉาเป่ยโต้วนิ่งเงียบไปชั่วขณะ

หยวนฉางเทียนถอนใจยาวกล่าวว่า “เขาเป็นคนของลัทธิแรกกำเนิดของเรา ตอนนี้มีชีวิตอยู่ยังสามารถทำคะแนนล่าสัตว์ระเบียบมากมายให้แก่พวกเราได้ สำหรับพวกเราแล้วก็เป็นประโยชน์อย่างที่สุด ตอนนี้หากเขาตายไปจะไม่น่าเสียดายเกินไปหรือ”

เฉาเป่ยโต้วก้มหน้างุด

เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของหยวนฉางเทียน แต่กลับไม่สามารถคัดค้าน

“ช่างเถิด ในเมื่อท่านเคลื่อนไหวไปแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่อาจย้อนกลับได้อีก”

หยวนฉางเทียนกล่าว “บอกข้า ก่อนหน้านี้ท่านส่งข่าวไปให้ใคร”

เฉาเป่ยโต้วรีบกล่าวพัลวัน “ผู้แข็งแกร่งจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ”

“อาศัยพวกเขาหรือ”

หยวนฉางเทียนไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็ไปเทือกเขาหมื่นห้วยสักเที่ยว”

อวิ๋นเทียนหมิงที่ไม่ได้เอ่ยปากมาโดยตลอดนัยน์ตาวาววับ “ผู้อาวุโสหยวนคิดจะลงมือด้วยตัวเองหรือ”

“ไม่ ข้าตั้งใจจะรอให้หลินสวินตกที่นั่งลำบาก แล้วช่วยชีวิตเขาสักครั้ง”

หยวนฉางเทียนกล่าวพลางเปลี่ยนเส้นทาง พุ่งทะยานไปห่างออกไป

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงสบตากันปราดหนึ่ง ต่างตามไปเช่นกัน

…

สองวันให้หลัง

หวังเจวี๋ยฮ่วนมองเทือกเขาหมื่นห้วยจากไกลๆ นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

เขาสวมชุดคลุมหยกทั้งตัว รูปร่างสูงโปร่งเหยียดตรงดุจหอก สะพายกระบี่โบราณลายสนเล่มหนึ่งไว้ที่หลัง ผมยาวดำดุจสีหมึกทั่วศีรษะถูกมัดรวบด้วยเชือกเขียว ท่าทางองอาจ บุคลิกโดดเด่น

เขาคือทายาทยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวัง ถูกมองเป็นบุตรฟ้าประทานของตระกูล ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งตั้งแต่เล็ก

ตอนนี้เป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์แล้ว

ในน่านฟ้าที่แปด เขาเป็นผู้กล้าโดดเด่นที่หาตัวจับยาก ชื่อเสียงสะท้านฟ้าดิน

เพียงแต่ในใจเขากลับไม่เห็นฟ้าดินอย่างน่านฟ้าที่แปดอยู่ในสายตาสักนิด

ตั้งแต่เริ่มฝึกปราณจนตอนนั้น เป้าหมายของเขาก็คือน่านฟ้าที่เก้า!

หมายมั่นว่าจะมุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้า วัดฝีมือกับบุตรเทพ ธิดาเทพเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นให้ได้ในสักวัน!

“เอาข้อมูลของเจ้าหลินสวินนี่มาให้ข้าดูอีกรอบ”

หวังเจวี๋ยฮ่วนเอ่ยปาก

ข้างหลังเขามีผู้แข็งแกร่งตระกูลหวังยืนอยู่สี่คน ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่แจ้งมรรคขั้นดับเทพมานานหลายปี

เมื่อได้ยินหนึ่งในนั้นก็ก้าวออกมาทันที ยื่นม้วนหยกให้ด้วยสองมือ

หวังเจวี๋ยฮ่วนถือม้วนหยก พลิกอ่านอย่างตั้งใจ

ในม้วนหยกบันทึกเรื่องน้อยใหญ่เกี่ยวกับหลินสวิน ไม่เพียงความสามารถที่เผยออกมาในลัทธิแรกกำเนิดเท่านั้น แม้แต่ทุกการเคลื่อนไหวในแดนใหญ่พันศึกยังปรากฏอยู่บนนั้นทั้งหมด

ม้วนหยกนี้หวังเจวี๋ยฮ่วนอ่านมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งล้วนมีความรู้สึกไตร่ตรองไม่ออก ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่าคนเช่นนี้กลายเป็นผู้สืบทอดที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเฝ้ารอมาหมื่นกาลได้อย่างไร และมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร

“เขาเคยไปจากลัทธิแรกกำเนิดเป็นเวลาหกปีกว่า ช่วงเวลานั้นเขาไปที่ไหน”

จู่ๆ หวังเจวี๋ยฮ่วนก็ถามขึ้น

“รายงานนายน้อย ปีนั้นรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดเสวียนเฟยหลิงเป็นคนพาเจ้าหมอนี่ออกจากลัทธิแรกกำเนิด หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวเขาอีกเลย พวกเราเคยตามหาหลายที่แล้วแต่ล้วนคว้าน้ำเหลว แต่จากการวิเคราะห์ของผู้อาวุโสในตระกูลบางส่วน เป็นไปได้สูงว่าเจ้าหมอนี่อาจไปแหล่งสถานศุภโชค”

มีคนกล่าวเสียงเบา

“แหล่งสถานศุภโชค!”

หวังเจวี๋ยฮ่วนนัยน์ตาหดรัด นิ่งเงียบครู่หนึ่ง เขาเก็บม้วนหยกแล้วกล่าว “ผู้แข็งแกร่งห้าขุมอำนาจใหญ่อย่างตระกูลฝู ตระกูลฉี ตระกูลมู่ ตระกูลจู่ และตระกูลชือมีข่าวบ้างหรือไม่”

ที่นี่เวลานี้ไม่เพียงมีผู้เข้าร่วมตระกูลหวังของพวกเขา ยังมีคนจากสี่ยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลจงหลี ตระกูลจ้ง ตระกูลตงหวง และตระกูลจิงมารวมตัวกันอีกด้วย

“รายงานนายน้อย พวกเขากำลังอยู่ระหว่างเร่งเดินทางมา เกรงว่าพวกเรายังต้องรออีกสักระยะ แต่อย่างมากที่สุดคงไม่เกินสองวัน”

มีคนเอ่ยเสียงเบา

เมื่อได้ยินหวังเจวี๋ยฮ่วนหมุนตัวเดินออกไปไม่ไกลนัก

ที่นั่นมีผู้เข้าร่วมจากสี่ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจงหลี ตระกูลจ้ง ตระกูลตงหวง และตระกูลจิงรวมตัวอยู่

“จิงอิ่ง ตระกูลจิงของพวกเจ้าเชี่ยวชาญการตามรอยลอบสังหารที่สุด มีความเชื่อมั่นว่าจะตามหาที่อยู่ของเจ้าหลินสวินนี่ในภูเขานี้ได้หรือไม่”

หวังเจวี๋ยฮ่วนมองหญิงสาวคนหนึ่ง

หญิงสาวงดงามที่คิ้วตาคมกร้าวดุจปลายคม กลิ่นอายทั่วร่างเบาหวิวดุจมายาคนหนึ่ง

จิงอิ่ง!

ผู้สืบทอดตระกูลจิง มรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ และเป็นผู้นำผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจิงในครั้งนี้

ได้ยินดังนี้จิงอิ่งก็เอ่ยว่า “ต้องการเวลาสักหน่อย”

หวังเจวี๋ยฮ่วนกล่าว “หนึ่งวันเป็นอย่างไร”

หัวคิ้วจิงอิ่งขมวดน้อยๆ แต่ยังคงพยักหน้ากล่าว “จะพยายามสุดความสามารถ”

หวังเจวี๋ยฮ่วนหันมองผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจงหลี ตระกูลตงหวง ตระกูลจ้ง แล้วกล่าวว่า “ครั้งนี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะเคลื่อนไหวพร้อมกัน ไม่ใช่เพื่อล่าสัตว์ระเบียบ และไม่ใช่เพื่อประชันฝีมือกับสี่หอบรรพจารย์ แต่เพื่อเจ้าหลินสวินนี่”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ข้าหวังว่าการเคลื่อนไหวต่อจากนี้พวกเจ้าจะให้ความร่วมมือกับข้า เชื่อฟังคำสั่งการของข้า ทุกคนเข้าใจหรือไม่”

ผู้เข้าร่วมศึกจากยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านี้แต่ละคนล้วนเป็นพวกปลายยอดในขั้นดับเทพ ต่างมีอานุภาพใหญ่ยิ่ง ลักษณะนิสัยก็แตกต่างกัน

แต่ตอนนี้กลับเห็นชัดว่าเชื่อฟังยิ่ง ไม่มีใครตั้งข้อสงสัย และไม่มีใครโต้แย้ง

เพราะผู้พูดคือหวังเจวี๋ยฮ่วน บุตรฟ้าประทานอันดับหนึ่งของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวัง!

“จิงอิ่ง เจ้าพาคนเคลื่อนไหวล่วงหน้าไปก่อน หากมีข่าวให้รายงานมาทันที”

หวังเจวี๋ยฮ่วนเอ่ยปากสั่งการง่ายๆ

“ได้”

จิงอิ่งพาผู้แข็งแกร่งตระกูลจิงสี่คนข้างกายพุ่งไปทางเทือกเขาหมื่นห้วยที่อยู่ไกลออกไป

“ทุกคน นับแต่นี้เป็นต้นไปเตรียมพร้อมต่อสู้ให้ดี ไม่ว่าใครก็ห้ามประมาทเลินเล่อใดๆ เด็ดขาด”

หวังเจวี๋ยฮ่วนกล่าว “ข้าทำได้เพียงบอกพวกเจ้าว่าหลินสวินต่างจากคนอื่นๆ อย่าคิดว่าเขาเป็นเพียงขั้นดับเทพขั้นต้นแล้วจะประมาทได้! ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเตรียมไพ่ตายและไม้เด็ดในตัวให้พร้อม เตรียมต่อสู้สุดชีวิต!”

ในใจทุกคนสะท้านไหว ล้วนยากจะเชื่ออยู่บ้าง

เวลานี้แม้ว่าผู้แข็งแกร่งจากยักษ์ใหญ่อมตะห้าตระกูลที่เหลือยังมาไม่ถึง แต่บรรดาขั้นดับเทพในที่นี้ก็มียี่สิบห้าคนแล้ว

ทุกคนล้วนเป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์!

ทุกคนล้วนเป็นพวกร้ายกาจที่หาตัวจับยากทั่วพันลี้!

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ แค่จัดการหลินสวินคนเดียวยังต้องเตรียมพร้อมต่อสู้สุดชีวิตด้วยหรือ

“บางทีพวกเจ้าอาจคิดว่าข้าพูดเกินจริง ข้าเองก็หวังว่าจะเป็นการพูดเกินจริงเช่นกัน แต่ข้อมูลทั้งหมดล้วนยืนยันแล้วว่าเจ้าหลินสวินนี่… จัดการไม่ง่าย”

หวังเจวี๋ยฮ่วนกล่าวจบก็หมุนตัวออกไป ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เอามือไพล่หลัง ทอดมองเทือกเขาหมื่นห้วยเงียบๆ ไม่เอ่ยคำ

เงาร่างของเขาสูงโปร่งดุจหอก โดดเด่นเหนือทุกคน

…

“คุณหนู ที่นี่มีร่องรอยการต่อสู้”

ในเทือกเขาหมื่นห้วย เฒ่าชราตระกูลจิงที่สวมชุดเทาคนหนึ่งเอ่ยปาก

พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่พังทลายทรุดโทรม สีเลือดโชกพื้นดิน

“ท่านอา จากร่องรอยการต่อสู้พอจะมองอะไรออกหรือไม่”

จิงอิ่งถาม

“กลิ่นอายฟ้าดินแถบนี้เต็มไปด้วยพลังระเบียบผสมปนเป แม้จะใช้ระเบียบย้อนกลับก็ไม่สามารถย้อนเหตุการณ์การต่อสู้ของที่นี่ได้”

ชายชราชุดเทาใคร่ครวญ “แต่ดูจากร่องรอยการต่อสู้ ที่นี่น่าจะเคยเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ จำนวนสัตว์ระเบียบที่ปรากฏมีมากยิ่ง แต่คู่ต่อสู้ของสัตว์ระเบียบพวกนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นไปได้สูงว่าอาจฝ่าวงล้อมแน่นหนา จากไปโดยสวัสดิภาพ”

“ข่าวที่เฉาเป่ยโต้วส่งมาบอกว่าข้างกายหลินสวินมีผู้อาวุโสลัทธิแรกกำเนิดคนหนึ่งติดตามอยู่ ด้วยความสามารถของพวกเขาก็น่าจะทำเช่นนี้ได้”

จิงอิ่งกล่าวพลางนำพวกชายชราชุดเทาสี่คนพุ่งไปข้างหน้า

ระหว่างทางมักพบร่องรอยการต่อสู้บางส่วนอยู่ตลอด นี่ทำให้การค้นหาของพวกจิงอิ่งง่ายขึ้นมาก

“ทิ้งร่องรอยมากมายไว้เช่นนี้ นี่มีแต่ยืนยันว่าหลินสวินนั่นน่าจะไม่รู้สักนิด ว่าร่องรอยของเขาถูกคนของลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขาเองเอามาขายแล้ว”

ระหว่างทางชายชราชุดเทายกยิ้ม

“แม้ว่าเฉาเป่ยโต้วจะเป็นผู้อาวุโสลัทธิแรกกำเนิด แต่กลับเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลฝูบ่มเพาะออกมา เขาย่อมต้องยืนอยู่ข้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะอยู่แล้ว”

จิงอิ่งเอ่ยปากง่ายๆ “ทุกคนระวังตัวไว้หน่อย เป้าหมายของพวกเรามีแค่ค้นหาร่องรอยของคู่ต่อสู้ ไม่ใช่สังหารอีกฝ่าย”

กรุ๊งกริ๊ง!

จู่ๆ เสียงกระดิ่งเบาบางสายหนึ่งดังขึ้น ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเหลืองพลิกฝ่ามือ กระดิ่งสีเขียวพรวนหนึ่งกำลังสั่นน้อยๆ

ชายกลางคนชุดเหลืองนัยน์ตาหดรัด “คุณหนู มีกลิ่นอายของระลอกคลื่นผนึก! การปรากฏตัวของพวกเราเป็นไปได้สูงว่าอาจถูกสังเกตเห็นแล้ว!”

จิงอิ่งโบกมือทันควัน “ถอนตัว!”

เวลาเดียวกับที่นางหมุนตัวเตรียมถอย กลางฝ่ามือก็ปรากฏหยกประดับชิ้นหนึ่งแล้วบีบแตกทันใด

ฟึ่บ!

หยกประดับกลายเป็นแสงแดงเพลิงสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไป

แต่ยามขบวนพวกจิงอิ่งเตรียมจะถอนตัว เสียงถอนใจเบาๆ สายหนึ่งก็ดังขึ้น

“นึกไม่ถึงว่าการตอบสนองจะเร็วทีเดียว นี่คือยันต์ส่งสารเรียกรวมพลหรือ”

พร้อมๆ กับเสียงที่ดังขึ้น เงาร่างของหลินสวินและหลีเจินก็ปรากฏตัวกลางอากาศ

“คุณหนู ท่านไปก่อน”

ชายชราชุดเทาเอ่ยปากเสียงขรึม ขณะเอ่ยพูดเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ฟ้าดินมืดมนลงฉับพลัน กลางห้วงอากาศปรากฏกฎเกณฑ์อสนีบาตเดือดพล่าน ดุจฝูงมังกรระบำคลั่ง แผ่ครอบไปทางหลินสวินและหลีเจิน

ชิ้ง!

หลีเจินชักดาบฟันฉับกลางห้วงอากาศ

อสนีบาตทั่วฟ้าถูกดาบเดียวตัดเป็นสองส่วน จากนั้นแตกสลายราวกับสายฝน

การโจมตีอันอหังการนั่นทำให้ชายชราชุดเทานัยน์ตาหดรัด

“ตระกูลจิงก็กล้าเข้ามามีส่วนร่วมเรื่องทำร้ายคนของลัทธิแรกกำเนิดของข้า เบื่อชีวิตแล้วจริงๆ กระมัง” หลีเจินเอ่ยปากเย็นชา

“คุณหนู ไปเร็ว!”

ชายชราชุดเทากล่าวพลางสูดหายใจลึก เรียกกระบี่บินสีขาวหิมะเล่มหนึ่งออกมา

ขณะเดียวกันอีกสามคนข้างกายเขาต่างก็สำแดงอานุภาพของตน ไอสังหารระเบิดทะลัก ล้อมกรอบโจมตีใส่หลินสวินและหลีเจิน

“พวกเจ้าแค่ต้องยันไว้อีกสักพัก กำลังเสริมก็จะมาแล้ว”

เงาร่างจิงอิ่งพริบไหว กลายเป็นแสงขมุกขมัวสายหนึ่งเตรียมจะแหวกอากาศออกไป

ก็ในตอนนี้เองหลินสวินยิ้มน้อยๆ“มาแล้วคิดหนี มีเรื่องง่ายดายเช่นนี้เสียที่ไหน”

พร้อมกับที่เสียงดังขึ้น ก็เห็นในพื้นที่สี่ทิศแปดทางมีร่างแยกมหามรรคของหลินสวินปรากฏต่อเนื่อง สำแดงอานุภาพปิดล้อม ผนึกฟ้าดินแถบนี้

กายมรรคเพลิงแดงหนึ่งในนั้นซัดฝ่ามือไปยังทิศทางหลบหนีของจิงอิ่งพอดี

ตูม!

ห้วงอากาศดุจเพลิงโหม เปลวเพลิงน่าสะพรึงเดือดระอุ

เงาร่างของจิงอิ่งหนีออกจากตรงนั้นอย่างสะบักสะบอม ใบหน้างดงามเย็นเยียบเจือแววเคร่งขรึมเสี้ยวหนึ่ง

——