novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2914 พลังต่อสู้เต็มกำลังของหลินสวิน

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 2914 พลังต่อสู้เต็มกำลังของหลินสวิน
Prev
Next

ตอนที่ 2914 พลังต่อสู้เต็มกำลังของหลินสวิน

ในการต่อสู้

“ผู้อาวุโส มาอีก!”

ผมดำของหลินสวินปลิวไสว ส่งเสียงคำรามทอดยาว

เขาในขณะนี้เพิ่งถูกบีบให้สำแดงพลังสุดขีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างแท้จริง อานุภาพทั่วร่างพุ่งทะยานฟ้าดารา น่าสะพรึงจนทำให้คนใจสะท้าน

“ดี ข้าจะใช้พลังยามรูปจำลองเจตจำนงสู้สุดชีวิตประลองตัดสินกับเจ้า”

ไท่เสวียนหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง แขนเสื้อโบกตวัด ปราณกระบี่ที่พร่างพราวปรากฏขึ้นราวธารสายยาวไพศาล โถมกระหน่ำไปทางหลินสวิน

ชั่วขณะหนึ่งพวกเสวียนเฟยหลิงล้วนขนลุกขนพอง เกิดความรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงหาใดเปรียบ

ตูมโครม!

ฟ้าดาราปั่นป่วน สุริยันจันทราไร้แสง

ภายใต้การโจมตีนี้ แม้ว่าหลินสวินและห้าร่างแยกของเขาจะต้านทานสุดกำลัง แต่ยังคงถูกซัดจนเจ็บหนัก ซวนเซกระอักเลือด ทั่วร่างล้วนปรากฏรอยเลือดที่ถูกปราณกระบี่กรีดเป็นสายๆ ดูน่าตกใจ

“มาอีก”

หลินสวินสูกหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ภายใต้สีหน้าเยือกเย็นมีกลิ่นอายบ้าคลั่งกำลังลุกลามอยู่รำไร นัยน์ตาดำของเขาราวหุบเหว ลูกตาคล้ายมีเปลวเพลิงคลุ้งฟ้าลุกโชนอยู่

ในหลายปีนี้เขาเจ็บหนักน้อยครั้งมาก สัมผัสถึงกลิ่นอายคุกคามยามถูกกดข่มน้อยครั้งยิ่ง

นี่ไม่เพียงไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัว ตรงข้ามกลับกระตุ้นจิตต่อสู้ที่ห่างหายไปนานขึ้นมา ลุกโชนราวน้ำเดือด

ตูม!

ร่างต้นของหลินสวินและกายมรรคทั้งห้าบุกโจมตีพร้อมกัน อานุภาพถึงขั้นกร้าวแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ไท่เสวียนย่อมไม่ออมมือ

เขาลงมือด้วยพลังเต็มที่ของรูปจำลองเจตจำนง ปราณกระบี่ดุจสายรุ้งแผ่ทั่วฟ้าดารา เจตกระบี่นิรันดร์ราวเขาถล่มทะเลโหมซัด แทรกซึมไปในห้วงอากาศทุกอณู

ในการต่อสู้ หลินสวินและกายมรรคทั้งห้าของเขาเจ็บหนักสะสมอย่างรวดเร็ว เลือดย้อมร่าง เห็นชัดว่าสะบักสะบอมยิ่ง

แต่อานุภาพของเขากลับยิ่งกร้าวแกร่งและดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ก่ต่อสู้ฟาดฟันนองเลือดนี้

เหมือนกำลังผ่านประสบการณ์เคี่ยวกรำที่นองเลือดและโหดอำมหิตฉากหนึ่ง ชำระล้างท่ามกลางการเข่นฆ่าและเลือด แปรสภาพท่ามกลางอันตรายยิ่งยวด

เพียงแต่อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป ร่างกายล้วนเหมือนเครื่องลายครามที่มีรอยแตกนับไม่ถ้วน เลือดสดไหลหลั่ง ชวนสยองน่าตกใจ

หลังจากต้านฝนกระบี่ได้อีกครั้ง ร่างของหลินสวินซวนเซคราหนึ่ง เกือบยืนทรงตัวไม่อยู่

และก็เป็นตอนนี้ที่ไท่เสวียนหยุดมือ สายตามองมาทางหลินสวิน “พอเท่านี้แหละ”

หลินสวินเก็บกายมรรคทั้งห้ากล่าวว่า “ผู้อาวุโส ขอยืมใช้สถานที่ท่านสักหน่อยนะขอรับ”

ไท่เสวียนพยักหน้า

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างเริ่มโคจร เข้าสู่การนั่งสมาธิในระดับลึกซึ้ง

การต่อสู้ครั้งนี้เกือบจะสูบพลังทั้งร่างของเขาไปหมด อันตรายสุดขีด บ้าคลั่งสุดขั้ว และทำให้มรรควิถีของเขาได้รับการหล่อหลอมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยเช่นกัน

ปราณพัฒนาเร็วเกินไปบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก

เพราะขาดการลับคมอย่างแท้จริง เป็นผลให้รากฐานไม่มั่นคงได้ง่ายมาก

ก็เหมือนในการปิดด่านห้าสิบห้าปีนี้ พลังปราณของเขาทะลวงสองครั้ง ก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นขั้นปลาย แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะน่าทึ่งหาใดเปรียบ ทว่าในการต่อสู้กับไท่เสวียนกลับเกิดปัญหาขึ้นไม่น้อย

เช่นว่ายังไม่ชำนาญในพลังที่ครอบครอง ส่งผลให้ในพลังที่ปลดปล่อยออกมามีบางส่วนสูญเปล่าไปโดยสมบูรณ์

หรือเหมือนกับยามต่อสู้ ยังไม่สามารถทำให้พลังเจตจำนงและสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของตนผสานเป็นหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์

สาเหตุก็เพราะแม้ปราณจะพัฒนาได้เร็ว แต่กลับขาดการเคี่ยวกรำ ยามไม่ได้ต่อสู้สัมผัสไม่ได้สักนิด แต่เมื่อพบเจอกับการโจมตีถึงชีวิตก็จะเผยออกมาอย่างหมดเปลือก

เคราะห์ดีคือการต่อสู้ครั้งนี้เทียบเท่ากับการเคี่ยวกรำถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง ทำให้มองเห็นช่องโหว่ถมช่องว่าง ขัดเกลาตนเองให้สมบูรณ์

ในฟ้าดาราพลันเงียบสงบขึ้นมา

มองดูหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ เนิ่นนานกว่าพวกเสวียนเฟยหลิงจะดึงสติกลับมาจากความสะท้านสะเทือนได้ แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น

การต่อสู้นี้ทำให้พวกเขาสัใผสถึงพลังต่อสู้เต็มกำลังของหลินสวินในปัจจุบันได้ในที่สุด

แต่เรื่องกระอักกระอ่วนก็เกิดขึ้นแล้ว

ด้วยสายตาของพวกเขา สิ่งเดียวที่มั่นใจได้คือความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลินสวินเรียกได้ว่า ‘ยอดอมตะ’ สมชื่ออย่างแน่นอน

เพียงแต่พวกเขากลับไม่สามารถชี้ขาดได้ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินไปถึงขั้นไหนแล้วกันแน่…

เพราะตั้งแต่อดีตสืบมา โลกนี้ยังไม่เคยมีใครที่มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าเช่นนี้ในขั้นหลุดพ้นขั้นปลายเหมือนอย่างหลินสวินมาก่อน

“พี่ไท่เสวียน เจ้าหมอนี่พลังต่อสู้เป็นอย่างไร”

ครู่ใหญ่เสวียนเฟยหลิงเคลื่อนสายตาไปมองไท่เสวียนที่อยู่ไกลออกไป ในที่นี้มีแต่ไท่เสวียนที่เพิ่ง ‘จัดการ’ หลินสวินไปยกหนึ่งเท่านั้นจึงจะรู้ดีที่สุด

สภาวะจิตในเวลานี้ของไท่เสวียนก็ค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นมาแล้วเช่นกัน ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “พลังเหนือกว่าขั้นหลุดพ้น สามารถวัดฝีมือกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้!”

เสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่งดังขึ้น

พวกเขารู้ชัดเกินไปว่าประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร

เสวียนเฟยหลิงอดถามต่อไม่ได้ “แต่เมื่อครู่เขาไม่ได้พ่ายแพ้อนาถมากนัก หากเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้ โอกาสชนะจะมีมากขนาดไหน”

ไท่เสวียนกล่าว “ข้าก็ไม่ขอปิดบัง พลังที่ข้าใช้ก่อนนหน้านี้เทียบเท่าอานุภาพรูปจำลองเจตจำนงโจมตีสุดกำลัง แต่หลินสวินกลับยังยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ เช่นนี้ก็อนุมานได้ว่า ภายหน้าต่อให้หลินสวินเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้ ก็น่าจะเชื่อมั่นได้สูงว่าจะสยบอีกฝ่ายได้”ดฮณ๊ฯดฯฌซ

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้ใช้อภินิหารพรสวรรค์ ยามเขาสามารถประชันกับรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ได้ อภินิหารพรสวรรค์ก็จะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยคว้าชัยให้เขา”

พวกเสวียนเฟยหลิงต่างนิ่งเงียบไป ในใจราวทะเลคลั่งปั่นป่วน!

ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินมุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชค ยังต้องให้รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนคอยคุ้มครอง ตอนกลับมาจากแดนมารสิบทิศก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ ก็สามารถต้านทานรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว!

และทุกคนต่างรู้ดีว่าร่างต้นของระดับนิรันดร์แทบไม่อาจแทรกแซงการต่อสู้ของน่านฟ้าที่เจ็ดและแปดได้ เพราะจะถูกสะท้อนกลับจากกฎระเบียบฟ้าดิน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์จึงเรียกได้ว่าประหนึ่งไร้ศัตรูทันที!

แต่หลินสวินที่อยู่ในขั้นหลุดพ้นขั้นปลาย กลับมีมีรากฐานพลังที่สามารถไปประชันด้วยได้ แค่คิดก็รู้ว่าพลังต่อสู้เช่นนี้น่าสะพรึงถึงขั้นไหน!

“เรื่องนี้ห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด และห้ามให้ขุมอำนาจใดในโลกภายนอกล่วงรู้”

เสวียนเฟยหลิงตัดสินใจเด็ดขาด และได้รับความเห็นจากคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ทันที

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ อาการบาดเจ็บทั่วร่างสมานกันอย่างสมบูรณ์แล้ว

เห็นเช่นนี้พวกเสวียนเฟยหลิงก็ตัดสินใจกล่าวลาทันที

เดิมทีหลินสวินยังคิดจะถามสักหน่อย ว่าไท่เสวียนจะทำลาย ‘พันธนาการที่รัดพันตนเอง’ นั่นแล้วออกจากการปิดด่านได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กลับถูกเสวียนเฟยหลิงชิงห้ามไว้ก่อน

จนกระทั่งหลังออกจากเขตผนึกแจ้งเร้น เสวียนเฟยหลิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ภัยคุกคามจากพันธมิตรสงครามสิบตระกูลยังไม่อาจสะเทือนมาถึงสำนักของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องทำให้การฝึกปราณของหัวหน้าหอไท่เสวียนล่าช้าเพราะเรื่องเช่นนี้ หาไม่ความอุตสาหะที่เขาทุ่มเทปิดด่านในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้คงสูญเปล่า”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

เมื่อลองคิดดูก็ถูก เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าพวกนั้นแม้จะน่าสะพรึง แต่ร่างต้นของระดับนิรันดร์ก็ไม่สามารถเข้ามาข้องเกี่ยวเรื่องการโจมตีลัทธิแรกกำเนิดได้ตรงๆ

ขอเพียงไท่เสวียนยังปกครองลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานมีหรือจะกล้าส่งระดับนิรันดร์ออกมาง่ายๆ

ยังไม่ถึงขั้นชี้เป็นชี้ตาย ไม่ว่าใครเกรงว่าล้วนไม่มีทางงัดไพ่ตายที่แกร่งที่สุดนี้ออกมา!

…

เรือนมรรคกลาง

หลินสวินกับรองหัวหน้าหอทั้งเจ็ดอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงรวมตัวกันครบ ดื่มสุราพูดคุยกัน

จากปากของพวกเขา ทำให้หลินสวินเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงห้าสิบห้าปีที่ปิดด่านนี้

อย่างเช่นการก่อตั้งของพันธมิตรสงครามสิบตระกูล หรืออย่างคำสั่งต่างๆ ที่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลประกาศออกมา รวมถึงการแสดงจุดยืนที่ลัทธิแรกกำเนิดมีต่อเรื่องนี้เป็นต้น

“สรุปแล้วโลกยอดนิรันดร์ในตอนนี้ใครๆ ต่างก็รู้ดี ว่าสักวันระหว่างพวกเราและพันธมิตรสงครามสิบตระกูลจะต้องเปิดศึกแน่” เสวียนเฟยหลิงกล่าวสรุป

“หากตั้งรับป้องกัน ก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย”

หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว

พวกเสวียนเฟยหลิงตระหนักได้ทันทีว่าหลินสวินคิดจะทำอะไร พากันเอ่ยปากทัดทาน

“หลินสวิน ตอนนี้สถานการณ์ทั่วหล้าอลหม่าน ทันทีที่เจ้าออกไปข้างนอก ต้องตกเป็นเป้าของทุกคนแน่ ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมาเช่นนั้นก็แย่แล้ว”

“ตามที่พวกเราวิเคราะห์ อย่ามองว่าตอนนี้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลหยุดทัพไม่เคลื่อนไหว แต่ความจริงเกรงว่ากองกำลังของพวกเขาคงกระจายตัวนอกแดนแรกเริ่มนานแล้ว ขอเพียงเจ้าปรากฏตัวต้องถูกสังเกตเห็นทันทีแน่”

“ในตอนนี้ลัทธิฌานกับลัทธิพ่อมดยังไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆ เห็นชัดว่าสงบเสงี่ยมผิดปกติ ยากจะรับรองว่าพวกเขาสมคบกับพันธมิตรสงครามสิบตระกูลหรือไม่ เจ้าต้องระวังตัวให้มาก!”

…หลินสวินจนคำพูดอยู่บ้าง ทั้งยังซาบซึ้งใจด้วย มีหรือที่เขาจะดูไม่ออกว่าเฒ่าชราเหล่านี้เป็นห่วงตน ถึงได้ตอบสนองรุนแรงเช่นนี้

จนกระทั่งครู่ใหญ่หลินสวินจึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านคิดว่าด้วยพลังในปัจจุบันของข้า ใต้หล้านี้ใครยังจะควบคุมตัวข้าไว้ได้อีก”

พวกเสวียนเฟยหลิงมองหน้ากันไปมา ล้วนนิ่งเงียบระลอกหนึ่ง

เว้นแต่ร่างต้นระดับนิรันดร์ออกโรง หาไม่ก็ไม่มีใครขวางหลินสวินไว้ได้จริงๆ!

“ยิ่งกว่านั้นหากพบเจอภัยคุกคามถึงชีวิต ข้าก็หนีกลับสำนักได้ในทันที”

หลินสวินกล่าว “ตรงกันข้าม หากพวกเราเอาแต่ตั้งรับป้องกันเช่นนี้ไปตลอด กลับจะยิ่งให้เวลาศัตรูไปวางกับดักมากกว่าเดิม เมื่อเวลาที่หัวหน้าหอโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคนิรันดร์มาถึง หากไม่มีพลังระเบียบระดับเทพคุ้มครอง สำนักของพวกเราต้องตกสู่สถานการณ์อันตรายจากการซุ่มโจมตีรอบด้านอย่างแน่นอน”

พวกเสวียนเฟยหลิงก็ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ เพียงแต่ในมุมมองของพวกเขา หายนะครั้งนี้ยังไม่ได้ยกระดับถึงขั้นร้ายแรงสุดขีด

แต่ขณะเดียวกันหากพูดจากก้นบึ้งหัวใจ พวกเขาก็เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของหลินสวิน

ขุมอำนาจอย่างพันธมิตรสงครามสิบตระกูล ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เมื่อตัดสินใจออกโจมตีแล้ว ย่อมต้องมาแบบเตรียมการล่วงหน้า เตรียมพร้อมรอบด้าน!

ถึงตอนนั้นต่อให้ลัทธิแรกกำเนิดจะสามารถต้านทานไว้ได้ เกรงว่าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางส่วนไปด้วยเช่นกัน

“เจ้าคิดจะทำอย่างไร”

เสวียนเฟยหลิงถาม

นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึก กล่าว“ตีงูต้องตีจุดตาย จัดการคนทั่วๆ ไปย่อมไม่อาจส่งผลยิ่งใหญ่ต่อศัตรูพวกนั้นได้สักนิด และหากอยากก่อกวนสถานการณ์ของพวกเขาก็ต้องใช้อุบายสักหน่อย อย่างเช่น ใช้ร่างแยกมหามรรคของข้าเป็นเหยื่อล่อ ไปดึงดูดความสนใจของพวกศัตรู…”

กล่าวยังไม่ทันจบก็ถูกตู๋กูยงตัดบท “แบบนี้อันตรายเกินไป!”

หลินสวินอึ้งไป กล่าวว่า “แค่ร่างแยกมหามรรคเท่านั้น ต่อให้ถูกกำจัดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างต้นของข้า ยิ่งกว่านั้นผู้อาวุโสคิดว่าอาศัยรากฐานพลังของศัตรูพวกนั้น จะมีสักกี่คนที่สามารถทำลายร่างแยกของข้าได้”

เสียงเจือแววเหยียดหยัน

กายมรรคทั้งห้าของเขากับร่างต้นมีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกัน

บางทียามต้านทานรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ยังจำเป็นต้องลงแรงทั้งร่างต้นและกายมรรคทั้งห้า ถึงจะสามารถต้านทานได้

แต่อย่างน้อยที่สุดกายมรรคทั้งห้าในตอนนี้ แค่เลือกร่างใดร่างหนึ่งมา ล้วนมีอานุภาพกำราบขั้นหลุดพ้นสมบูรณ์ได้!

อีกทั้งมองดูในหมู่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลนั่น จะมีขั้นหลุดพ้นสมบูรณ์กันสักกี่คน

แล้วในมือพวกเขา จะครอบครองรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สักเท่าไรเชียว

——