Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1047 คมศาสตราเพ่งเล็ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1047 คมศาสตราเพ่งเล็ง
แน่นอนว่าบุคคลแห่งยุคที่มีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพตัวเองยิ่ง ไม่จำเป็นต้องร้อนรนกระวนกระวายเช่นนั้น
ตรงกันข้ามพวกเขาส่วนใหญ่ไม่รีบขึ้นเขา แต่จะรอเวลาผ่านไปเล็กน้อยค่อยใคร่ครวญเส้นทางของคู่แข่งที่ตนระวัง จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะปีนยอดเขาลูกไหน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถเลี่ยงบุคคลที่ยากจัดการส่วนหนึ่งได้ บรรลุเป้าหมาย ‘ราชันเลี่ยงราชัน’
ส่วนการตัดสินว่าใครเป็น ‘ราชัน’ ที่ไม่อาจหาเรื่องนั้น ผู้กล้าทุกคนต่างมีการประเมินและเกณฑ์ของตน ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกัน
ก็เหมือนในสายตายอดผู้กล้าส่วนหนึ่ง เหล่าบุคคลแห่งยุคนั้นแน่นอนว่าคือ ‘ราชัน’ ที่ไม่อาจหาเรื่อง
แต่ในสายตาบุคคลแห่งยุค ย่อมมีดุลยพินิจต่อพลังต่อสู้และปราณที่ต่างออกไป
“หลินสวิน ข้าไปก่อนนะ!”
เซียวชิงเหอทำการตัดสินใจ โบกมือลาหลินสวิน หันหลังพุ่งไปบนเส้นทางประกายทองสายหนึ่ง
“น่าเบื่อ ไปทางไหนล้วนเหมือนกันไม่ใช่รึ”
อาหลู่พูดพลางย่างก้าว เงาร่างสูงใหญ่ดั่งบรรพตพุ่งตรงไปยังทางขึ้นเขาที่อยู่ใกล้เขาที่สุด เห็นได้ว่าเรียบง่ายหยาบกระด้างนัก
‘หลินสวิน เจ้าต้องระวังตัว ผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักโบราณที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้แม้มีมาก แต่ทุกสำนักจะฝากความหวังไว้กับผู้สืบทอดที่แกร่งสุดคนหนึ่งเท่านั้น’
ข้างหูหลินสวินก้องเสียงสื่อจิตเตือนของจ้าวจิ่งเซวียน
‘สำหรับคนอื่นแม้มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน แต่พวกเขาก็เป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น’
‘ตัวสำรอง?’ หลินสวินถาม
‘ถูกต้อง เจ้าอย่าได้ดูถูกเชียว พวกตัวสำรองเหล่านี้มีจุดประสงค์อื่น หนึ่งเพื่อป้องกันผู้แกร่งที่สุดของสำนักตนไม่ให้ถูกสำนักอื่นโอบล้อมและขัดขวาง’
‘สองก็เพื่อรุมโจมตีและกีดขวางผู้แกร่งที่สุดของสำนักอื่น!’
จากคำพูดของจ้าวจิ่งเซวียน การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่ใช่แค่การประลองพลังต่อสู้ส่วนบุคคลง่ายๆ เช่นนั้น
เพื่อรับรองความเป็นไปได้สูงสุดที่ผู้สืบทอดสำนักจะสามารถดันตนขึ้นสู่สามสิบหกอันดับแรกกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ สำนักโบราณจะส่งศิษย์แกนหลักจำนวนมากเข้าร่วมพร้อมกันเพื่อปกป้องผู้แข็งแกร่งที่สุดหนึ่งคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในการแข่งขันปีนเขาและครองภูผาก็ไม่ต้องกลัวเกิดเหตุการณ์ถูก ‘ล้อมโจมตี’ อย่างคาดไม่ถึง
เช่นเดียวกัน ระหว่างสำนักโบราณก็มีการแข่งขันและเป็นอริกันอยู่แล้ว ไม่อาจเลี่ยงเหตุการที่เพ่งเล็งและลอบทำร้ายซึ่งกันและกัน
ในอดีตที่ผ่านมา เรื่องคล้ายคลึงกันนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง!
สรุปง่ายๆ คือ การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครานี้เป็นทั้งการแข่งขันพลังต่อสู้ส่วนบุคคล และยังเป็นการประจัญศักยภาพระหว่างสำนักมากมายโดยปริยาย
หลินสวินโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ทั้งเคยผูกพยาบาทกับผู้สืบทอดสำนักต่างๆ มากมาย คิดจากคำพูดของจ้าวจิ่งเซวียนแล้ว เมื่อเขาปีนเขาต้องถูกสายตาคิดไม่ซื่อมากมายจับจ้องแน่!
ด้วยเหตุนี้นางจึงกล่าวเตือนทันที เลี่ยงไม่ให้หลินสวินประมาทพลาดท่า
‘เจ้าวางใจเถอะ ข้าหวังให้พวกเขากล้าทำเช่นนั้นยิ่ง!’
หลินสวินมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มเย็น สายตากวาดมองพวกฉู่เป่ยไห่ จินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง โก่วเหยียนเจินที่ยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวทีละคน
จากนั้นเขาเก็บสายตา เลือกเส้นทางประกายทองสายหนึ่งที่พาขึ้นสู่ยอดเขา ชายเสื้อพลิ้วไหวโฉบขึ้นไปบนนั้น
‘เจ้าหมอนี่คลุ้มคลั่งอีกแล้ว ดูท่าการถูกพุ่งเป้าหลายครั้งก่อนหน้าจะทำให้เขาไม่พอใจ สะสมเพลิงโทสะไว้มากนัก’
จ้าวจิ่งเซวียนชะงัก นัยน์ตากระจ่างทอดมอง ใบหน้าผุดผ่องงามสง่าเผยความจนปัญญาวูบหนึ่ง
แม้ไม่เจอกันหลายปี แต่ในที่นี้คงไม่มีคนเข้าใจนิสัยหลินสวินดีกว่านาง เจ้าหมอนี่ไม่ใช่พวกกล้ำกลืนความเจ็บช้ำเสียด้วย
…
“ลงมือได้!”
เห็นเงาร่างหลินสวินจากไป ในดวงตาฉู่เป่ยไห่เผยไอสังหารเข้มข้น
ทันใดนั้นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หลายคนข้างเขาเริ่มปฏิบัติการ พุ่งทะยานไปยังทางขึ้นเขาที่หลินสวินเลือก
…
“จงจำไว้ ขวางเจ้านี่โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งตอบแทนใด!”
หลี่ชิงผิงเอ่ยราบเรียบ สั่งผู้สืบทอดสำนักยุทธ์สมุทรครามข้างกาย
บนภูเขาเทพไร้มรณะ แม้เกิดความขัดแย้งถึงที่สุดก็จะไม่ปรากฏ ‘ความตาย’ ที่แท้จริง เพราะนี่คือภูเขาเทพไร้มรณะ
ต่อให้ร่างถูกซัดแหลก จิตวิญญาณถูกจู่โจมสังหาร ก็เป็นเพียง ‘การตายหลอก’ จะถูกกฎระเบียบของเขาเทพไร้มรณะ ‘ช่วยกลับคืน’ มา
สรุปง่ายๆ คือ ผู้ฝึกปราณที่ปีนภูเขาเทพไร้มรณะไม่มีทางตายเด็ดขาด!
แต่แน่นอนว่าหลัง ‘การตายหลอก’ จะถูกคัดออก
…
“พวกบ้านนอกของโลกชั้นล่างที่ไร้สำนักไร้พรรคคนหนึ่ง ยังกล้าฝันถึงกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ช่างเพ้อพกละเมอครวญ!”
“พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าต้องทำเช่นไรกระมัง”
ส่วนลึกของนัยน์ตาอวี่หลิงคงฉายแววเกลียดชังเข้ากระดูก เขาลืมความอัปยศที่หลินสวินมอบให้แก่ตนตอนเทศกาลโคมกถามรรคไม่ลง
ด้านข้างเขา ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะทั้งกลุ่มรับคำสั่งออกปฏิบัติการ
…
“ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้า และไม่ต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าจัดการขุมอำนาจอื่น ที่พวกเจ้าต้องทำก็คือขวางไอ้สวะนี่! อย่าให้มัน ‘ครองภูผา’ สำเร็จ!”
ชุดดำของโก่วเหยียนเจินพลิ้วสะบัด ในดวงตาแดงก่ำเปี่ยมความอำมหิตน่าเกรงขาม
ไม่ว่าแดนฐิติประจิมหรือแดนชัยบูรพา ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ตายในมือหลินสวินล้วนมีจำนวนไม่น้อย
แม้ครั้งนี้โก่วซวีสิงไม่ร้องขอ โก่วเหยียนเจินก็ไม่มีทางนิ่งดูดาย!
…
“เห็นหรือยัง ขุมอำนาจที่หมายจัดการเด็กนี่คราวนี้มากนัก พวกเราสำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็อย่าได้พลาด พวกเจ้าไปเถอะ เป็นเวลามอบบทเรียนเจ็บแสบให้แก่เทพมารหลินแล้ว!”
น้ำเสียงจินมู่อวิ๋นก้องกังวาน กลิ่นอายสังหารเด็ดเดี่ยว
…
ผู้สืบทอดสำนักมากมายทยอยออกปฏิบัติการ ทั้งทางขึ้นเขาที่เลือกยังเหมือนหลินสวินทุกประการ นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมาย ณ ที่นั้นสีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาเดาออกว่าการขึ้นเขาครั้งนี้ของหลินสวิน มีแนวโน้มจะเจอการจู่โจมที่คาดไม่ถึง
แต่พวกเขากลับนึกไม่ถึงว่าแค่เริ่มต้น ขุมอำนาจสำนักโบราณเหล่านั้นก็จะเผยเขี้ยวคมกริบออกมาแล้ว!
‘มีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ถูกหมายหัวและกดดันเช่นนี้ เทพมารหลินยังมีโอกาสดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์อีกหรือ’
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่คงความเป็นกลาง เห็นดังนี้ก็อดลอบถอนใจไม่ได้ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ของหลินสวินนัก
“พวกเขาไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ นี่ก็คือมารยาทของสำนักโบราณหรือ”
จ้าวจิ่งเซวียนเห็นภาพต่างๆ กับตา คิ้วดุจหมึกเขียนของนางขมวดมุ่น นัยน์ตากระจ่างเผยความรังเกียจ ถากถาง เดือดดาล
“บุญทำกรรมแต่งไม่พ้นลิขิตตน ในเมื่อเขาผูกแค้นมากเช่นนี้ เรื่องที่เห็นตรงหน้าก็คือกรรมที่เขาควรแบกรับ”
ด้านข้างเยี่ยนจั่นชิวสองมือไพล่หลัง เงาร่างตระหง่านดั่งชะง่อนผา เขาอยู่ในชุดขาวเหนือหิมะ สีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์
จ้าวจิ่งเซวียนเตรียมจะพูดอะไร ก็เห็นเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างเริ่มเคลื่อนไหว
ทางขึ้นเขาที่เลือกเหมือนกันกับหลินสวิน!
“ศิษย์พี่เยี่ยน นี่เป็นความคิดท่านรึ” จ้าวจิ่งเซวียนใจกระตุกวูบ คลื่นถาโถมโหมกระหน่ำ
เยี่ยนจั่นชิวเลี่ยงไม่ตอบ ชี้ไปยังทางขึ้นเขาเส้นหนึ่งซึ่งห่างไกล “ศิษย์น้องจิ่งเซวียน การปีนเขาครานี้มีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ชักช้าไม่ได้แล้ว ข้าได้ช่วยเจ้าเลือกหนทางที่เหมาะสมที่สุด เจ้าดู ก็คือเส้นทางนั้น”
ดวงหน้างามของจ้าวจิ่งเซวียนอึมครึมไม่นิ่ง นัยน์ตากระจ่างจ้องเยี่ยนจั่นชิวเขม็ง ส่วนลึกของดวงตามีเพลิงคู่หนึ่งกำลังลุกโชนเลือนราง
“ท่านทำให้ข้าผิดหวังนัก!”
สุดท้ายนางเอ่ยประโยคหนึ่งเรียบๆ น้ำเสียงดั่งน้ำนิ่งไร้คลื่นระลอกและไม่มีคลื่นความรู้สึก
พูดจบจ้าวจิ่งเซวียนหันหลังจากไป ไม่มองเยี่ยนจั่นชิวอีก
ร่างงามสง่าสูงโปร่งเจือความดื้อดึงเสี้ยวหนึ่ง
เยี่ยนจั่นชิวมองส่งร่างนางจนเลือนหายไปในทางขึ้นเขาทองอร่าม ผ่านไปสักพักจึงพลันถอนใจแผ่ว ส่ายศีรษะไม่กล่าววาจา
ทว่ายามสายตาเขาทอดมองทางขึ้นเขาที่หลินสวินเลือกก่อนหน้า ก็ฟื้นคืนความสงบและราบเรียบดังเก่าก่อน
‘สุดท้ายก็ยังขาดความเข้าใจไปอยู่บ้าง’
ไม่ช้าเยี่ยนจั่นชิวก็ถอนสายตากลับ
ก่อนจะมาเขารู้เรื่องของหลินสวินอยู่แล้ว รู้ถึงของสองสิ่งที่เขาพึ่งพา ทำให้สามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีครั้งแล้วครั้งเล่า
หนึ่งคือกระบวนผนึกมรรคราชัน
สองคือสมบัติอริยะ
แต่บนเขาเทพไร้มรณะที่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบนี้ ไม่ว่าใครต่างไม่อาจวางค่ายกล ยิ่งไม่อาจพึ่งพาสมบัติอริยะ
นี่เท่ากับกำจัดที่พึ่งหลักของหลินสวิน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาคิดปีนเขาล้วนไม่ง่ายนัก คิดครองภูผาให้สำเร็จแน่นอนว่าความหวังริบหรี่
…
การปีนเขาคือด่านแรกของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์
ทางขึ้นเขาที่ปูลงมาเป็นแสงสีทองสามสิบหกสาย ต่างพาไปสู่ยอดเขาสามสิบหกยอด
ทุกคนล้วนเป็นคู่แข่ง ตลอดทางหากไม่เจออุปสรรคและความกดดันก็แล้วไป แต่ทันทีที่พบเจอสิ่งกีดขวาง กระทั่งมีคนขวางหนทางข้างหน้าเล็กน้อยล้วนอาจก่อให้เกิดการปะทะ
เส้นทางประกายทองกว้างห้าจั้งสาดแสงสว่างไสว ก้าวย่างบนนั้นประหนึ่งก้าวบนรุ้งเทพ
สองข้างทางคือหินภูเขาเก่าแก่ขรุขระ ถูกพลังต้องห้ามเร้นลับไม่เสื่อมคลายปกคลุม ไม่มีคนกล้าเข้าใกล้
ทางขึ้นเขาเส้นที่เก้าที่หลินสวินเลือก ยามปีนป่ายไม่ถือว่าเร็วและไม่นับว่าช้าเกินไป
เพียงแต่เวลานี้เป็นช่วงที่จำนวนคนขึ้นเขามากที่สุด ทางเดินสีทองกว้างห้าจั้งตรงดิ่งสู่เบื้องบน ประหนึ่งมหาวิถีซึ่งสร้างจากเมฆาทอง
เงาร่างบนนั้นวูบไหวต่างแย่งกันมุ่งไปข้างหน้า
ตูม!
พลังกดดันไร้รูปหนึ่งถาโถมจากทั่วสารทิศ ทำให้ทันทีที่หลินสวินเหยียบขึ้นทางขึ้นเขา ร่างกายก็หนึกอึ้ง
‘ดังคาด การปีนเขาก็พิถีพิถันยิ่ง’ หลินสวินสูดหายใจลึก โคจรพลังขับเคลื่อนทั่วร่าง ชั่วพริบตาก็สลายพลังกดดันนั้นได้
ทว่าหลินสวินเพิ่งมุ่งหน้าต่อไปไม่นาน บนทางขึ้นเขาข้างหน้าก็เกิดการต่อสู้ขวางอยู่ตรงนั้น หากคิดก้าวผ่านก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพัวพันเข้าไปด้วย
หลินสวินมุ่นคิ้วแต่ไม่ได้หยุดเท้า บนร่างระเบิดอานุภาพไร้รูปสายหนึ่งออกไปโดยตรง ทั้งตัวราวดาบแหลมคมบุกตะลุย!
ปึงๆๆ
ผู้แข็งแกร่งที่กำลังประมือกันถือเป็นผู้ยิ่งยงของสำนักโบราณ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่เมื่ออานุภาพที่หลินสวินปลดปล่อยออกมากดดันเข้าไป ก็ทำให้พวกเขาดั่งถูกคีรีเทพปะทะร่างอย่างหนักหน่วงทันที ลอยกระเด็นเกลื่อนกลาดออกไป
ที่โชคดีหน่อยหกคะเมนไปอีกฝั่ง
ที่น่าเศร้าหน่อยก็ถูกซัดกระเด็นออกนอกเส้นทางประกายทองโดยตรง ถูกพลังกฎเกณฑ์ของภูเขาเทพไร้มรณะคัดออกท่ามกลางเสียงร้องไม่ยินยอม
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง มุ่งตรงต่อไปข้างหน้า
ใช่ว่าเขาเผด็จการ แต่หนทางขึ้นเขาเดิมก็เป็นการแข่งขัน ในเมื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ว่าใครล้วนต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะถูกคัดออก กล่าวโทษใครไม่ได้
ภาพต่างๆ เช่นนี้ ปัจจุบันกำลังทยอยเปิดฉากบนเส้นทางสีทองสามสิบหกสาย
บัดนี้ การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ก่อนมหายุคมาเยือนได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
………………….