Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1050 เงาร่างที่ไม่อาจต้าน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1050 เงาร่างที่ไม่อาจต้าน
ตูม!
บรรทัดหยกถูกซัดกระเด็นอีกครา ส่งเสียงครวญไม่หยุด
หลินสวินดั่งเทพมารตนหนึ่ง ระหว่างชูมือพลังหมัดทลายอากาศ ระเบิดหมัดทรงพลัง
“อ๊าก…!” ชายหนุ่มชุดป่านร้องโหยหวน
ศิษย์แกนหลักที่จัดอยู่ในแนวหน้าของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้นี้ หลังจากประมือไม่กี่ครั้งสุดท้ายก็สู้ไม่ไหว ถูกหลินสวินซัดจนบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย กระอักเลือดคำโต
แต่สีหน้าเขายังคงเหี้ยมเกรียม ผูกพยาบาทตะเบ็งลั่น “เทพมารหลิน บนภูเขาเทพไร้มรณะนี้พวกเราล้วนไม่ตาย ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องมีช่วงที่อ่อนแอหมดกำลัง!”
ตูม!
พลังหมัดเคลื่อนกวาด ทำจนร่างเขาแตกละเอียด หลินสวินไม่ลังเลอะไรส่งหมัดออกสังหารอีกครา
กลางห้วงอากาศ ชายหนุ่มชุดป่านร่างระเบิดหายลับไป
“คนเยอะกำลังมาก ยังมาพูดข่มขู่ก่อนตาย ขยะเช่นนี้สมกับคำว่าผู้กล้าขอบเขตมกุฎรึ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ในดวงตาดำไร้ความปรานี
เขาหันหลังกลับ จ้องมองข่งหลิง
“เร็วเข้า! ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเจ้ามารนี่ซะ!” ข่งหลิงหวีดร้อง ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้นางหวั่นใจ จิตต่อสู้ถูกโจมตี
ชายหนุ่มชุดป่านนั่นคือบุคคลแห่งยุคคนแรกที่ถูกคัดออกหลังเริ่มต่อสู้
นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกคือ เป็นบุคคลแห่งยุคเหมือนกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่ต่อกรของหลินสวิน!
จิตใจของผู้กล้าสำนักอื่นๆ ต่างงถูกโจมตี ต่อสู้ถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปไม่นานก็มีผู้กล้ายี่สิบกว่าคนถูกสังหาร แม้ไม่ได้ตายจริง แต่ความสูญเสียเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง!
“นับแต่ก้าวสู่ยอดเขานี้ พวกเราก็ไร้ทางถอย หากไม่กำจัดเจ้ามารนี่ซะ จะให้มันฆ่าเราทีละคนรึ”
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนหนึ่งคำราม
“กำลังคนมีจำกัด ต่อให้เขาเทพมารหลินแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มีปราณแค่ระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น!”
“ฆ่า! ถึงอย่างไรก็ไม่ตาย ต่อให้ถูกคัดออก หากสามารถลากไอ้สวะนี่ให้ตายตกไปได้ก็ถือว่าคุ้มค่า!”
ปณิธานการต่อสู้ของเหล่าผู้กล้าถูกจุดขึ้นอีกครั้งทันที
ไม่ใช่พวกเขาไม่กลัวตาย แต่เพราะบนภูเขาเทพไร้มรณะนี้ไม่มีทางปรากฏ ‘ความตาย’ แต่แรก!
ฟุ่บๆๆ
เงาร่างมากมายพุ่งเข้ามา ไอสังหารแผ่พุ่ง กลิ่นอายชวนประหวั่น ทั่วร่างห้อมล้อมด้วยแสงมรรคงามตระการ
วิชามรรค วิชาลับนานัปการดั่งฝนกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน ครอบคลุมเหนือแท่นมรรค
สมบัติมากมายปรากฏแสงแวววาวหลากสีสัน เผยลักษณ์อัศจรรย์และอานุภาพต่างกันไป ปกคลุมมาทางหลินสวินคนเดียว
ภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั้น เพียงพอทำให้ราชันกึ่งระดับคนใดๆ ล้วนสิ้นหวัง!
ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่กำลังใช้ใบต้นข่าวสารทองคำบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนตระหนกตกใจ ขนพองสยองเกล้า
การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในอดีตที่ผ่าน ไม่เคยเกิดเรื่องบ้าระห่ำชวนสะพรึงเช่นนี้มาก่อน!
หากเรื่องนี้แพร่สู่โลกภายนอก ทั้งแดนชัยบูรพา… ไม่สิ ทั่วดินแดนรกร้างโบราณเกรงว่าคงอึกทึกครึกโครมด้วยเหตุนี้แน่
แต่ขณะเดียวกันอานุภาพผงาดง้ำที่ ‘หนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นฉกรรจ์ไม่อาจกล้ำกราย’ นั่นของเทพมารหลิน ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยจับจ้องอย่างลุ่มหลง โลหิตทั่วร่างเดือดพล่านตามไปด้วย
ตัวคนเดียวกรำศึกกับผู้กล้าหลากสำนัก ความอาจหาญเช่นนี้สามารถสะเทือนฟ้าดินตะวันจันทรา น่าตกตะลึงยิ่งนัก!
ตูม โครม
สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดกว่าเดิม เงาร่างหลินสวินเปล่งประกายยิ่งขึ้น ดุจมายาราวภาพฝัน
สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วร่างเขาลุกโชน ร้อนเร่าดั่งเตาหลอมยักษ์ รากฐานมรรควิถีที่หนาแน่นหาใดเปรียบภายในร่างถูกโคจรเต็มกำลัง
เขาในตอนนี้ผิวทุกอณูพรั่งพรูแสงมรรค เส้นผมแต่ละเส้นล้วนแวววาวสว่างไสว สะท้อนแสงชวนประหวั่น
ระหว่างที่เขาขยับตัว พลังมหามรรคส่งเสียงกัมปนาทชักนำห้วงอากาศให้สั่นสะเทือน พลังที่ปล่อยออกมาในทุกการโจมตีต่างเผยอานุภาพทำลายล้างยิ่งยวด
ชิ้ง!
แสงเยียบเย็นของกระบี่นงคราญส่องระยับ ดุดันหาใดเปรียบ จู่โจมเข้ามา
พรูด!
ขณะเดียวกันนิ้วมือหลินสวินวาดผ่าน ประหนึ่งดาบสวรรค์ทะลวงนภาคราม เจิดจ้าเฉียบคม ข่งหลิงกรีดร้อง แต่ไม่ทันได้หลีกหลบก็ถูกปาดคอ โลหิตแดงสดสาดพรมออกมา
ร่างไร้หัวของนางกลายเป็นนกยูงปีกงามตระการตัวหนึ่ง ผลคือถูกหลินสวินใช้วิชาธารดาราหลอมเพลิงเผาจนปีกกลายเป็นเถ้า ร่างโกร๋นดำไหม้เกรียมหาใดเปรียบ
หงส์ที่สลัดขนสู้ไม่ได้แม้แต่ระกา นกยูงที่ถูกเผายิ่งไม่งามตายิ่งกว่า
ที่น่าเสียดายคือชั่วพริบตาศพของข่งหลิงก็อันตรธานหายไป ไม่เช่นนั้นหลินสวินก็อยากลิ้มลองเนื้อนกยูงอยู่บ้าง
บนแท่นมรรคฝนโลหิตพร่างพรม เสียงร้องโหยหวนดังเป็นระลอกไม่หยุด
เงาร่างหลินสวินเคลื่อนย้ายเปลี่ยนผ่าน เปล่งประกายตลอดตัว พลังหมัดอานุภาพยิ่งใหญ่ ผู้กล้ามากมายระเบิดกระจุยคนแล้วคนเล่า ทั้งหมดล้วนถูกสังหารดุเดือด
ที่นี่แสงศักดิ์สิทธิ์สะเทือนเลือนลั่น วายุอสนีโถมกระหน่ำ เลือดลมดั่งมหาสมุทรไร้ขอบเขต หลินสวินตัวคนเดียวรบพุ่งอยู่ในนั้น แม้ถูกศัตรูโจมตีทั่วทิศ แต่กลับมีความอาจหาญที่หมื่นฉกรรจ์ไม่อาจกล้ำกราย!
บนแท่นมรรคโลหิตสาดพรมรวมเป็นแอ่งสีแดงสดบาดตา จากนั้นระลอกคลื่นกฎระเบียบแผ่คลุมทำให้เลือดและซากศพเหล่านั้นต่างหายลับไป
มีแค่บนศิลามังกรขดเก่าแก่นั่นที่ส่องแสงแวววาวดั่งมายาหลากสาย ประหนึ่งไส้เดือนตัวเล็กมากมายเลี้ยวลดไปมา กำลังรวมตัวกันไม่หยุด
สามารถมองเห็นได้รางๆ บนตัวมังกรบนป้ายหินนั่น ผืนเกล็ดสีเทาขมุกขมัวปรากฏแสงแวววาวน้อยๆ ดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น
นี่คือพลังของโชควาสนามหามรรค!
การครองภูผาบนแท่นมรรค ทุกครั้งที่เอาชนะคู่แข่งคนหนึ่ง จะได้รับโชควาสนามหามรรคเสี้ยวหนึ่งจากภูเขาเทพไร้มรณะ รวบรวมบนศิลามังกรขดนั่น
และยามนี้ ตามจำนวนคู่ต่อสู้ที่หลินสวินจู่โจมสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ พลังโชควาสนามหามรรคที่รวมบนศิลามังกรขดก็ทยอยเพิ่มตามไปด้วย
เวลานี้เหนือยอดเขาอื่นอีกสามสิบห้าลูกก็เกิดการปะทะเช่นกัน ทว่าเทียบกันแล้วกลับอลหม่านหาใดเปรียบ ไม่มีการพุ่งเป้าไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เช่นเดียวกัน ทุกคนที่ครองภูผาต่างต้องรับการท้าทายไม่หยุด
แน่นอนว่ากล่าวถึงระดับความบ้าคลั่ง การแข่งขันบนยอดเขาอื่นไม่อาจเทียบแท่นมรรคที่หลินสวินครองอยู่
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งปะทะ สมบัติวิเศษปลิวว่อน
การเข่นฆ่ายังดำเนินต่อเนื่อง
หาใช่หลินสวินไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน เพียงแต่แรงกดดันที่ศัตรูโจมตีทั่วทิศเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาต้านทานไม่อยู่
ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ต่อสู้จนถึงตอนนี้ แม้พบเจอบุคคลแห่งยุคบางส่วน แต่กล่าวถึงพลังต่อสู้ล้วนเทียบเซียวชิงเหอไม่ได้
“ขยะอย่างพวกเจ้า ทำได้แค่หลบอยู่ข้างหลังรอฉวยโอกาสรึ”
ทันใดนั้นหลินสวินเอ่ยเย็นชา สังเกตเห็นบุคคลแห่งยุคที่พลังแข็งแกร่งยิ่งส่วนหนึ่งต่างรวมตัวอยู่ห่างไกล ไม่พุ่งเข้ามา
นี่เห็นชัดว่าคิดยืมมือคนอื่นมากร่อนพลังตน ยามกำลังตนถดถอย เจ้าพวกนี้ก็จะบุกจู่โจมโดยไม่ลังเล
ทันทีที่กล่าววาจานี้ออกไป ทำให้เหล่าผู้กล้าที่กำลังบุกโจมตีต่างสีหน้าไม่น่าดู เดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่ว่าใครล้วนไม่ยินดีจะถูกเห็นเป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้ง
“บังอาจนัก! อย่ามาเสี้ยมคนให้เข้าใจผิด!”
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนกคนหนึ่งพุ่งออกมา ทะยานเข้าหาแท่นมรรคในชั่วพริบตาดั่งมังกรเหินพยัคฆ์ก้าว กวาดสะบัดทวนวงเดือนผ่าแหวกสังหาร
นี่คือชายหนุ่มซึ่งโดดเด่นยิ่งคนหนึ่ง ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ พลานุภาพไม่ธรรมดา ทันทีที่ลงมือก็แผ่พลังอหังการเต็มเปี่ยม
แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ถูกหมัดหลินสวินซัดใส่หน้าอก ร่างกายระเบิดกระจุยราวทำจากกระดาษ ฉากนองเลือดนั้นน่าตระหนกจนทุกคนในลานสูดหายใจเย็น จิตวิญญาณต่างสั่นสะท้าน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุคคลแห่งยุคถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้
ณ เชิงเขา เหล่าผู้เจนจัด ข้ารับใช้แต่ละขุมอำนาจต่างสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ แม้แต่ในหมู่ผู้กล้าขอบเขตมกุฎก็เรียกได้ว่าล้ำเลิศ พลังต่อสู้แข็งแกร่งยิ่ง!
หลินสวินกวาดมองเหล่าผู้กล้า กล่าวเสียงราบเรียบเยียบเย็น “วันนี้มีข้าอยู่นี่ ไม่ว่าพวกเจ้ามาจากสำนักโบราณไหน ไม่ว่าใครถ้ากล้าล้ำเส้นเพียงก้าว สังหารไม่ละเว้น!”
บัดนี้บนแท่นมรรคว่างเปล่า ผู้กล้าแต่ละคนที่พุ่งเข้าไปก่อนล้วนถูกสังหารเกลี้ยง มีเพียงหลินสวินยืนอยู่บนนั้นคนเดียว
ใต้เท้าคือแอ่งโลหิตที่รอยเลือดไม่เคยจางหาย
อากาศโดยรอบเป็นกลิ่นคาวเลือดฉุนกึก
แต่ตัวเขากลับไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เงาร่างสันโดษ อานุภาพดั่งเทพมารตนหนึ่งที่กำลังมองเหยียดหยันทั่วทิศ พลานุภาพเช่นนั้นทำให้ผู้คนไม่น้อยต่างสะท้านไหว
ตัวคนเดียวกลับประหนึ่งมหาบรรพต หยัดยืนตระหง่านบนแท่นมรรค ต้านขวางผู้สืบทอดทุกสำนัก กำราบศัตรูทั้งมวล!
นี่ก็บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้
ใครจะกล้าเชื่อว่าคนผู้หนึ่งที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติเหมือนกัน กลับสามารถจู่โจมผู้กล้าสำนักโบราณมากมายได้
ในโลกภายนอกผู้กล้าเหล่านั้นไม่มีสักคนที่ไม่ใช่ผู้กล้ารุ่นเยาว์ ชื่อเสียงสั่นสะเทือนฟากหนึ่ง เป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง
แต่ต่อหน้าเทพมารหลินกลับต้านทานไม่ไหวเช่นนั้น ทำให้ผู้คนแทบไม่กล้าเชื่อสายตา!
ทุกอย่างนี้พิสูจน์ได้เพียงว่า บนมกุฎมรรคา พลังต่อสู้ของเทพมารหลินบรรลุถึงขั้นเป็นประวัติการณ์ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้กล้าทั่วไป ต่อให้เป็นบุคคลแห่งยุคเหมือนกันก็ใช่ว่าใครๆ จะมีคุณสมบัติประลองฝีมือกับเทพมารหลินได้!
ยังดีที่นี่คือภูเขาเทพไร้มรณะ มีกฎระเบียบคอยจำกัดไม่ถึงขั้นตายจริง ไม่เช่นนั้นทุกสำนักใหญ่คงแบกรับความเสียหายสาหัสเช่นนี้ไม่ไหวแน่
อีกทั้งด้วยรู้ว่าไม่มีทางตายจริง จึงทำให้ผู้กล้าเหล่านี้กล้าจู่โจมอย่างอาจหาญไม่กลัวตาย!
เวลานี้เยี่ยนจั่นชิวก็ไม่อาจไม่ติดตามการต่อสู้นี้ ความสามารถของหลินสวินทำให้เขารู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง ในดวงตาฉายแววประหลาด
‘หนึ่งพลังเรืองรุ่ง สองเสื่อมโทรม สามสิ้นสุด เจ้าเด็กนี่ต่อสู้ถึงตอนนี้คงผลาญพลังไปมาก ก็ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่’
เยี่ยนจั่นชิวใคร่ครวญ แต่จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ ไม่มีอะไรน่าติดตาม บุคคลแห่งยุคที่สามารถดันตนขึ้นสู่อันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ล้วนสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
หากหลินสวินไม่ถูกหมายหัว อาศัยพลังต่อสู้ที่เขาสำแดงออกมา การจะดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็ไม่ใช่ปัญหา
น่าเสียดาย สถานการณ์ของเขาไม่ใคร่ดี!
เสมือนยืนยันการคาดเดาของเยี่ยนจั่นชิว บนยอดเขามีคนยั้งใจไม่อยู่เอ่ยเย็นชา
“เทพมารหลิน แม้พลังต่อสู้ของเจ้าโดดเด่น แต่ใครให้เจ้ากล้าลบหลู่พวกข้าสำนักโบราณที่อยู่มานาน”
คนที่เอ่ยวาจาไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุค แววตาเยียบเย็น
จากการวิเคราะห์ของพวกเขา กรำศึกถึงตอนนี้หลินสวินคงใช้พลังไปมากโข ต้องยืนหยัดต่อได้ไม่นานแน่
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเตรียมลงมือ!
น่าเสียดาย ไม่มีคนรู้ชัดว่ารากฐานพลังหลินสวินยิ่งใหญ่เพียงใด หากประลองมรรควิถี ในที่นี้ไม่มีคนสามารถเทียบเคียงเขาได้!
“รอพวกเจ้าตั้งนานแล้ว ยังไม่ขึ้นมารับความตายอีกรึ” นัยน์ตาเยียบเย็นของหลินสวินลุ่มลึกชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม
“เทพมารหลิน เจ้าหลงระเริงเกินไปแล้ว คิดจริงหรือว่าตนจะอยู่ยงคงกระพัน” หญิงสาวคนหนึ่งยิ้มเยาะ ถึงแม้หวาดหวั่นแต่ข่มความเดือดดาลในใจไม่อยู่
เพราะในฐานะผู้สืบทอดสำนักโบราณ พวกเขาสูงส่งเหนือคนอื่นเสมอ เมื่อเผชิญหน้าคนไร้ที่พึ่งอย่างหลินสวินจึงรู้สึกเหมือนครองความได้เปรียบ
แต่ตอนนี้พวกเขากลับทยอยถูกสังหาร นี่เห็นได้ว่าขายหน้านัก จะให้ผู้คนไม่เดือดดาลล้วนยากลำบาก
ฟุ่บ!
ทว่าเสียงหญิงคนนั้นเพิ่งแผ่วลง ประกายคมขาวเจิดจ้าดุจหิมะก็โฉบออกจากร่างหลินสวิน ศีรษะหญิงสาวถูกปลิดร่วงในฉับเดียว!
……………….