Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1068 พลังหมัดเดียวสะเทือนสวรรค์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1068 พลังหมัดเดียวสะเทือนสวรรค์
แขนเสื้อจินมู่อวิ๋นโบกพลิ้ว ผมสีดำปลิวไสว
กระบี่พรหมราชมีเปลวเพลิงพลุ่งพล่าน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งเซียนกระบี่ที่สังหารเด็ดเดี่ยวมาเยือนโลกา พลานุภาพดุดันหาใดเทียมนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี
“เด็กคนนี้เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปีกระมัง แต่ครอบครองวิชาเช่นนี้แล้ว อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นก็ไม่เหนือไปกว่านี้!”
“เทพมารหลินจะขายหน้าเสียแล้ว อย่าว่าแต่สามกระบวนท่าเลย ต่อให้หนึ่งร้อยหรือหนึ่งพันกระบวนท่า ก็เกรงว่าจะไม่อาจเอาชนะจินมู่อวิ๋นได้”
“เด็กคนนี้สมกับเป็นผู้นำสิบสามกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า!”
เสียงร้องตกใจดังขึ้นในที่นั้น ต่างตื่นตาไปกับอานุภาพที่จินมู่อวิ๋นสำแดงออกมา
“เขาจะทำอย่างไร”
เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน จ้าวจิ่งเซวียน อาหลู่ อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง ฉู่เป่ยไห่ ปี้ตงหลิ่ว…
เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็จับตามองอย่างใกล้ชิด
มีคนอยากจะให้หลินสวินอับอาย ทำตัวเองเสียหน้าเสียเอง
ทั้งมีบางคนสงสัยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าคุยโอ่ว่าจะได้เอาชนะในสามกระบวนท่า…
ภายใต้สายตานับหมื่นที่จับจ้อง หลินสวินรวมผมทั้งศีรษะไว้ที่ท้ายทอยอย่างลวกๆ การเคลื่อนไหวเรียบร้อย สีหน้าสงบนิ่งและเฉยชา
เพียงแต่ในดวงตาดำราวเหวลึกของเขาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยจิตต่อสู้เข้มข้นดั่งหินหนืดแผ่พุ่ง
“หืม?”
“นี่…”
ทุกคนรับรู้ได้อย่างฉับไวว่าระหว่างที่หลินสวินเคลื่อนไหวอย่างตามสบายถึงที่สุดนี้ กลิ่นอายแก่กล้าถึงที่สุดกลับแผ่พุ่งขึ้นบนกายเขา
ระหว่างงุนงง หลินสวินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เรียบเฉยและหลุดพ้นต่างจากแต่ก่อน
บนเงาร่างผอมบางสูงโปร่งของเขามีอานุภาพอหังการประหนึ่งขุนเขา เกรียงไกรดุจเวิ้งฟ้า ประกายเทพไหวเคลื่อนระหว่างที่เขากะพริบตา
อีกทั้ง พลังบนตัวเขายังเพิ่มพูนขึ้น!
เปรียบเหมือนหุบเหวใหญ่ที่ลึกล้ำสุดหยั่งตื่นขึ้นในตอนนี้ โคจรอย่างสะเทือนเลือนลั่น
“สวรรค์!”
ผู้คนไม่น้อยใจสั่นสะท้าน ต่างรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา
หลินสวินในตอนนี้ดูแตกต่างอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
หากบอกว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาเฉียบแหลมและจองหอง ทรงเดชและแข็งกร้าว ทำลายทุกอย่างที่จับต้องเหมือนดาบแหลมคมปราดเปรียวเล่มหนึ่ง
เช่นนั้นตัวเขาในตอนนี้กลับมีท่วงท่าเป็นผู้อยู่สูงสุดทั้งเหนือฟ้าและใต้หล้า แสงมรรคสีใสโชติช่วงพลุ่งพล่านอยู่รอบกาย ทำให้ดูน่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุด
“เทพมารหลินร้ายนัก ถึงกับปิดบังมาจนตอนนี้ เพิ่งแสดงพลังที่แท้จริงของตนออกมา!”
เซี่ยวชางเทียนกับเยี่ยเฉินพากันจ้องเขม็ง จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงมาตลอด…”
ผู้ชมบางคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นผิดธรรมดา
เทพมารหลินตรงหน้าเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าก่อนหน้านี้เขาต้องออมพลังต่อสู้มาโดยตลอด!
“น่าชังนัก!”
ยอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างอวี่หลิงคงและฉู่เป่ยไห่ต่างดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ท่าทางตื่นตระหนกระคนโกรธเคือง ไม่อาจทำใจเชื่อได้
“เด็กนี่ช่างอดทนเก่งเสียจริง!”
ที่ตีนเขา ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี
“นี่ถึงเป็นเขา!” ดวงตาใสกระจ่างราววารีของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายดุจดารา
“ให้ตายสิ เจ้าหมอนี่ร้ายจริงๆ มาถึงตอนนี้เพิ่งแสดงพลังที่แท้จริงออกมา!” อาหลู่ร้องออกมาอย่างประหลาด
จินมู่อวิ๋นก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นในดวงตาวาบประกายคมกริบน่าตกตะลึง เอ่ยว่า “มิน่าเจ้าถึงกล้าจองหองปานนี้ แต่เจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถเอาชนะข้าในสามกระบวนท่าได้หรือ”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ความตื่นตระหนกแต่เดิมในที่นั้นก็ลดลงไม่น้อย
แน่นอน ต่อให้เทพมารหลินแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็เป็นเพียงยอดมกุฎรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติอยู่ดี ในฐานะที่เป็นคนรุ่นเดียวกัน จินมู่อวิ๋นจะรับแม้แต่สามกระบวนท่าไว้ไม่ไหวได้อย่างไร
คิดถึงตรงนี้ทุกคนก็ยิ่งโล่งอก
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล่านั้น ใบหน้ายิ่งเผยยิ้มเหี้ยม รอดูเรื่องสนุก
“ได้สิ” หลินสวินพยักหน้า สงบนิ่งและเยือกเย็น เหมือนกำลังพูดเรื่องที่ธรรมดายิ่งเรื่องหนึ่ง
เขาในตอนนี้ยามขยับตัวมีแสงมรรคปรากฏ รัศมีเทพอบอวล ประหนึ่งนายเหนือหัว มีท่วงท่าองอาจควบคุมขุนเขาธารา กลิ่นอายกลืนกินหมื่นแดนดิน
เขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ!
ทุกคนสีหน้าประหลาด หลินสวินในตอนนนี้ถึงมีท่าทางของเทพมารโดยแท้ ทำให้ยามทุกคนมองดูอยู่ไกลๆ ล้วนรู้สึกกดดัน
จินมู่อวิ๋นเดือดดาลจนกลายเป็นยิ้ม กระบี่ที่อยู่ในมือชี้ไปยังหลินสวินซึ่งอยู่ห่างออกไป พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าจะให้เจ้าต้องตบหน้าตัวเอง!”
ชิ้ง!
เขาอดไม่ไหวชิงออกโจมตีก่อนแล้ว กระบี่พรหมราชในมือพลันระเบิดเจตกระบี่เพลิงเทพคับฟ้าออกมาบดขยี้ห้วงอากาศ ประหนึ่งฝนเพลิงดาวตกระเบิดลงมาจากฟากฟ้า
กระบี่นี้ไม่เพียงทรงอำนาจยังมีอานุภาพมหามรรคไพศาล เสียงกระบี่หวีดร้องราวระเบิด ประหนึ่งจะทำลายมารในใจ ฟันพันธนาการให้แหลกสลาย พลังสะท้านสะเทือนถึงก้นบึ้งของจิตใจแผ่กระจาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจินมู่อวิ๋นบรรลุวิถีกระบี่ถึงขั้นเหนือธรรมดาหาใดเทียบแล้ว เพียงการโจมตีเดียวก็สำแดงความสง่างามไร้ศัตรูของผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานผู้หนึ่งออกมา
ทั้งดูออกได้เช่นเดียวกันว่า แม้ไม่เชื่อว่าหลินสวินจะสามารถเอาชนะตนได้ในสามกระบวนท่า แต่ยามเขาลงมือย่อมไม่มีการออมมือแต่อย่างใด
เมื่อกระบี่โจมตีออกไป แสงสาดส่องใต้หล้า สะท้านขวัญไปทั้งสนาม!
กระบี่ที่น่าตื่นตาเช่นนี้ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนต่างหวาดกลัว สั่นสะท้านไม่หยุด
กระบี่นี้ หลินสวินควรจะสลายเช่นไร
ไม่แน่ว่า กระทั่งตั้งรับยังกินแรงนักกระมัง
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็เคลื่อนไหวแล้ว
ที่เหนือความคาดหมายคือหลินสวินไม่ได้ใช้สมบัติ แต่เป็นหมัดเปล่าๆ นิ้วมือรวบเข้าด้วยกัน ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป
ตูม!
เพียงแต่หมัดนี้มหัศจรรย์ยิ่งนัก!
ทันทีที่ปรากฏ ชั่วพริบตาก็มีปรากฏการณ์ทำลายล้างมากมายสำแดงออกมา ทั้งภูเขาถล่ม ทะเลแหวก ห้วงอากาศเผาไหม้ มังกรออกจากเหว หงส์เพลิงร้องกังวาน…
ต่อมายังปรากฏภาพประหลาดวันโลกาวินาศอย่างเวิ้งฟ้ายุบตัว นรกจมลง สรรพสัตว์มลายล้าง
ปรากฏการณ์ประหลาดและความเร้นลับอย่างแล้วอย่างเล่านี้ รวมเข้าไปในหนึ่งหมัดในชั่วพริบตา พลันทำให้หมัดนี้เต็มไปด้วยพลังยากบรรยาย
คล้ายสามารถสะเทือนสวรรค์ ทำให้ท้องนภาแยกออก!
หมัดเดียวสะเทือนสวรรค์!
หนึ่งหมัดอันทรงพลังอหังการถึงที่สุด หลอมรวมนัยเร้นลับทุกขนานของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ถูกพลังแก่นมรรคธาตุน้ำปกคลุม เพิ่มพูนอานุภาพแกล้วกล้าไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย
โครม!
หมัดเดียวตัดขวางอากาศ ทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศปั่นป่วน ทำให้จินมู่อวิ๋นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหายใจไม่ออกที่เข้ามาปะทะหน้าในทันใด หายใจได้อย่างติดขัด จิตวิญญาณได้รับผลกระทบถึงที่สุด
เขาหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้เขาถึงกับสับสนว่าจะตั้งรับอย่างไรดี เปรียบเหมือนมดตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะหลบการปกคลุมของกรงเล็บมังกรฟ้าได้ด้วยวิธีใด
เขาพลันกัดปลายลิ้นเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าจิตมรรคของตนกลับถูกอานุภาพหมัดของฝั่งตรงข้ามปกคลุม!
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ตอนที่จินมู่อวิ๋นคิดจะเปลี่ยนกระบวนท่าก็ไม่ทันการแล้ว
ตูม!
ก็เห็นว่าเหนือสนามประลองกว้างใหญ่ พลังแกร่งกร้าวอหังการของหนึ่งกระบี่และหนึ่งหมัดปะทะเข้าหากัน ทันใดนั้นห้วงอากาศรอบด้านก็ยุบลงดังโครมเหมือนเศษกระดาษ
รัศมีเทพและแสงมรรคนานาชนิดแผ่พุ่งออก น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด ทั้งยังโกลาหลอย่างยิ่งยวด
นี่ต่างจากการประลองก่อนหน้านี้
ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันล้วนต้องการตัดสินผลแพ้ชนะภายในสามกระบวนท่า ดังนั้นทันทีที่ลงมือ สิ่งที่สำแดงออกมาล้วนเป็นไม้ตายของแต่ละคน อานุภาพและพลังทำลายล้างก็ย่อมแตกต่าง
ในลานผู้ฝึกปราณบางคนถึงกับมองรายละเอียดการต่อสู้ไม่ชัด ดวงตาถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวด จิตวิญญาณถูกกระทบกระเทือน!
ตึงๆๆ…
ท่ามกลางฝุ่นควันอบอวล ร่างของจินมู่อวิ๋นถอยออกไปต่อเนื่องอย่างสูญเสียการควบคุม เพียงรู้สึกว่าพลังหมัดนั้นพุ่งเข้าไปภายในร่าง ประหนึ่งม้าป่าที่หลุดจากเชือกบังเหียนกำลังพุ่งชน สั่นสะท้านจนอวัยวะตันห้ากลวงหกของเขาแทบพลิกกลับ เลือดเนื้อทุกกระเบียดเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทง
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นกลับรู้สึกเหมือนฟ้าพลิกดินหมุน คล้ายจะหมดสติ
ทุกคนต่างงงงวย เหม่อลอยอยู่เช่นนั้น จิตวิญญาณถูกภาพนี้เขย่าขวัญ
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าหลินสวินจะสามารถตั้งรับกระบี่อันน่าตื่นตานี้ของจินมู่อวิ๋นได้หรือไม่ แต่เพียงชั่วพริบตา หมัดเดียวของหลินสวินกลับทำลายล้างราบคาบ สร้างบาดแผลให้แก่จินมู่อวิ๋น!
การพลิกผันนี้รวดเร็วยิ่งนัก เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้คนจำนวนมากยังคิดว่าดวงตาพร่ามัว ไม่อาจทำใจเชื่อทุกอย่างนี้
พรวด!
ในสนามประลอง จินมู่อวิ๋นอดทนมาครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย
กลับไปดูหลินสวิน เงาร่างสูงตระหง่าน มั่นคงไม่ไหวติง มีเพียงอาภรณ์สีขาวพระจันทร์กำลังโบกพลิ้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ทุกคนล้วนแตกตื่นอย่างอดไม่อยู่ ส่งเสียงร้องตื่นตระหนก สีหน้าตกตะลึง ตอนนี้ถึงแน่ใจได้ในที่สุดว่าการโจมตีนี้เป็นจินมู่อวิ๋นที่ได้รับบาดเจ็บ!
นี่… จะเป็นไปได้อย่างไร
ทุกคนดวงตาเบิกถลน ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“หนึ่งหมัดที่แข็งแกร่งนัก!” เยี่ยเฉินหลับตาลง ในสมองนึกย้อนรายละเอียดทั้งหมดเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
‘สะเทือนสวรรค์สะท้านปฐพี ไม่อาจเทียบเทียมได้ หมัดนี้ นัยเร้นลับที่แฝงไว้แข็งแกร่งยิ่งแล้ว…’ เซี่ยวชางเทียนใคร่ครวญในใจ เขาก็เริ่มอนุมานรายละเอียดที่อยู่ภายในนี้โดยไม่ได้นัดหมายเช่นกัน
ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสบางคนก็อดครุ่นคิดไม่ได้ จากสายตาของพวกเขาย่อมดูออกว่าการโจมตีนี้ไม่ได้เล่นเล่ห์อะไร เป็นการปะทะซึ่งหน้าโดยสมบูรณ์
แต่จินมู่อวิ๋นกลับถูกซัดให้กระเด็นถอยไป พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าเทพมารหลินคนนั้นแข็งแกร่งกว่าระดับหนึ่ง!
‘ประเมินเขาต่ำไปอีกแล้วหรือ’ สีหน้าเยี่ยนจั่นชิวปรากฏความอึมครึม
ก่อนหน้านี้เขารับรู้พลังต่อสู้ของหลินสวินใหม่หลายครั้ง เดิมก็ประเมินไว้สูงพอตัวแล้ว ใครจะคิดว่าความเป็นจริงยังเหนือกว่าที่เขาคาดไว้!
บนสนามประลอง จินมู่อวิ๋นสีหน้าอึมครึม สงสัย ท่าทางไม่อาจทำใจเชื่อได้
กระบวนท่าเดียวนะ!
ล้วนเป็นการทุ่มพลังทั้งหมดที่มี แต่เขากลับถูกซัดสะท้าน จะหมายความว่าความสำเร็จบนมกุฎมรรคาของเทพมารหลิน แข็งแกร่งกว่าเขาระดับหนึ่งหรือไม่
“ลืมตาหมาๆ ของพวกเจ้ามาดูซะว่าอย่างไรถึงเรียกว่ามาดแห่งเทพมาร เสียทีที่ก่อนหน้านี้พวกเจ้ายังโวยวายถากถาง ตอนนี้ถูกตบหน้าเข้าแล้วหรือไม่”
ไกลออกไปอาหลู่หัวเราะบ้าคลั่ง เขาปากเปราะแต่กำเนิด เมื่อเห็นโอกาสนี้จะไม่ฉวยโอกาสแสดงฝีปากได้อย่างไร
ที่เชิงเขา หลายคนสีหน้าไม่น่าดู
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า แทบอยากจะฉีกปากเจ้าคนเถื่อนผู้นี้ให้เละ
“เพิ่งหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น คิดจริงๆ หรือว่าจะเช่นนี้ก็จะเอาชนะได้”
ผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งเอ่ยปากเหี้ยมเกรียม “เรียนรู้แลกเปลี่ยนกันครั้งแรก เลี่ยงไม่ให้เลินเล่อได้ยาก นี่เป็นเรื่องปกติ แต่หากกล่าวว่าเทพมารหลินสามารถเอาชนะได้ในสามกระบวนท่า นั่นต่างหากที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องตลกใหญ่เท่าฟ้า!”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกไปก็ดึงดูดให้เกิดความคิดคล้อยตามไม่น้อย ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ย่อมไม่อาจยืนอยู่ฝั่งหลินสวิน
“ชิชะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หากเปลี่ยนข้าเป็นพวกเจ้าคงตบหน้าตัวเองไปนานแล้วโว้ย!” อาหลู่ยิ้มหยัน
“พอแล้ว!”
จินมู่อวิ๋นตะคอกดัง สีหน้าคล้ำเขียวจนน่ากลัว ตนมีฐานะเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่หยิ่งยโส ย่อมทนให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้
จากนั้นเขาพลันมองไปยังหลินสวิน เอ่ยว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้าก็จริง แต่ว่า… แบบนี้ชนะข้าไม่ได้แน่!”
——