Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1108 แทรกแซง
ประโยคเดียวของหลินสวินสะเทือนไปทั้งลาน
แต่ตอนที่สิ้นเสียง ตัวคนก็พุ่งโจมตีออกไปแล้ว
“อยากโจมตีข้า เป็นไปไม่ได้!”
ฉู่จงเทียนตะคอก เปล่งแสงไปทั้งตัว พลังพลันแข็งแกร่งขึ้นระดับหนึ่งในทันที เลือดลมเดือดพล่าน ราวกับสัตว์ปีศาจโบราณตัวหนึ่งฟื้นขึ้นในร่างกายเขา
หลายคนต่างตะลึง เหตุใดจู่ๆ เขาก็แข็งแกร่งขึ้นมา
“ในร่างกายของเขามีพลังสายหนึ่งปิดผนึกอยู่ ถูกปลดออกในตอนนี้” มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำ มองความลึกลับภายในออก
พลังปิดผนึก!
ทุกคนสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ นี่ถึงจะเป็นไม้ตายแท้จริงของฉู่จงเทียนงั้นหรือ
โครม!
ทวนสายฟ้ากวาดผ่านอากาศ แสงประกายเรืองรองยุบทลายห้วงอากาศ สลายการโจมตีของหลินสวินในชั่วพริบตา
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
หลายคนหนังหัวชาวาบ ฉู่จงเทียนหาใช่เพียงแข็งแกร่งขึ้น แต่แข็งแกร่งขึ้นมากเกินไป ราวกับต่างจากก่อนหน้านี้เป็นคนละคน
หลินสวินเองก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล สีหน้าจริงจังขึ้นมา แต่ยังคงไม่หวาดกลัว เผชิญหน้าเข้าปะทะ
ตอนนี้จู่ๆ ก็ประหนึ่งกระแสปั่นป่วนม้วนฟ้า ถูกคลื่นพลังน่าทึ่งท่วมท้น ประกายแสงแสบตา
“ทีแรกข้าหมายจะรอมหายุคมาเยือนค่อยเปิดเผยความสามารถนี้ แต่การที่เจ้าสามารถบีบให้ข้าใช้ตอนนี้ ก็เพียงพอที่จะตายอย่างไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว!”
ทุกอณูรูขุมขนของฉู่จงเทียนล้วนพรั่งพรูแสงศักดิ์สิทธิ์สีทอง ราวกับสุริยันสะท้อนฟ้า ด้านหลังดาบปีกฟ้าคะนองสะบัดตี ทวนในมือปลดปล่อยแสงสายฟ้า พลังอำนาจกำราบจักรวาล
เขาบุกอย่างดุเดือด รวดเร็วและรุนแรงอย่างที่สุด
“ดูนั่น เทพมารหลินกำลังหนี ไม่กล้าปะทะอย่างแข็งกร้าว ฉู่จงเทียนนี่ปะทุพลังอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาจหาญไร้เทียมทานตามคาด เกรียงไกรยากต้านทาน”
ทุกคนตกใจ ยากจะเชื่อ
หลินสวินกำลังหนีอยู่จริงๆ ไม่ใช่ไม่สู้ แต่สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของฉู่จงเทียนค่อนข้างแปลกประหลาด ดูเหมือนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่ราวกับยากจะคงอยู่ได้นาน
ก็เหมือนการโจมตีที่ปล่อยพลังอันดุเดือด เมื่อพลังที่ปลดปล่อยออกมาถูกใช้หมด ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
นี่ค่อนข้างเหมือนกับโทสะหยาจื้อ แต่โทสะหยาจื้อแม้จะใช้พลังในตัวมาก แต่กลับสามารถยืนหยัดในการต่อสู้ได้นาน เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าระดับหนึ่ง
ตามคาด ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ฉู่จงเทียนดูเหมือนยังคงแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าพลังของเขาเริ่มถดถอยแล้ว!
ตูม!
และตอนนี้เอง หลินสวินพลันสำแดงฤทธิ์ รอบตัวปรากฏอักษร ‘เคราะห์’ ที่รูปร่างแตกต่างกันมากมาย ทุกอักษรราวกับก่อตัวขึ้นจากแก่นแท้จริงมหามรรค พรั่งพรูแสงสว่างไสว มังกรครวญไพศาล กึกก้องไปทั่วเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
จากนั้นก็โจมตีไปทางฉู่จงเทียน
ทุกคนขนลุกขึ้นมา วิชาลับระดับนี้ราวกับเคราะห์ใหญ่มาเยือน เหมือนลงทัณฑ์แทนฟ้า หมายสังหารทุกคนที่ขวางทาง รุนแรงและน่ากลัวเกินไป
ฟ้าดินกว้างใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยอักษรเคราะห์ มังกรครวญไม่หยุด ราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมา
ฉู่จงเทียนกวัดแกว่งทวนเข้าปะทะเต็มกำลัง แต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป ร่างกายเองก็กำลังสั่น ราวกับได้รับแรงกดดันอย่างหนัก
ปัง!
อักษรเคราะห์ตัวหนึ่งที่ลักษณะเหมือนไส้เดือนระเบิดความมหัศจรรย์ของปะทะฟู่ซี่ ทำให้ง่ามนิ้วของฉู่จงเทียนถูกสะเทือนฉีกขาด ทวนศึกส่งเสียงครวญก่อนปลิวหลุดมือไป
ปัง!
อักษรเคราะห์รูปลิ่มที่ร่วงลงมา สำแดงอานุภาพของประทับปี้อั้น กระแทกไหล่ฉู่จงเทียนจนแหลก เลือดสาดกระเซ็น ร่างกายจมร่วงลงไป
หากไม่ใช่เพราะมีเกราะสมบัติสีทองอร่ามตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ปกป้องร่างกายของเขา ร่างกายครึ่งซีกคงถูกกระแทกจนยับเยินไปแล้ว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ไหล่ก็ไม่เหลือสภาพ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อ๊าก…” ฉู่จงเทียนร้องเสียงดัง ผมยาวปลิวสยาย แม้แต่ดวงตายังแดงขึ้นมา
เขายากจะยอมรับทั้งหมดนี้!
เพิ่งจะออกด่าน คิดไปว่าตนสามารถผงาดกลายเป็นราชันได้ตอนที่มหายุคมาเยือน ไหนเลยจะคาดคิดว่า เพียงแค่จัดการกับยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น กลับพบอุปสรรคขนาดนี้ ความกระทบกระเทือนนี้รุนแรงเกินไปแล้ว
“เฉือน!”
ตอนนี้หลินสวินได้แปลงเป็นสายรุ้งยาวจะสะเทือนสวรรค์แล้ว ยื่นมือออกไปคว้า แสงศักดิ์สิทธิ์แปรเป็นดาบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่าลงกลางศีรษะ
การโจมตีนี้ไม่มีการออมมือสักนิด ควบรวมสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งตัวของหลินสวิน พลังเข่นฆ่าปะทุ ส่วนสิ่งที่สำแดงออกมากลับเป็นนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนเกิดดับ!
ต้องยอมรับว่าฉู่จงเทียนแข็งแกร่งมาก ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานก็ระเบิดพลัง ศักยภาพแฝงถูกใช้ออกมาจนหมดสิ้น ต้านทานการโจมตีนี้
แต่สุดท้ายล้วนเปล่าประโยชน์ ประกายดาบที่ควบรวมจากแสงศักดิ์สิทธิ์สำแดงนัยแห่งการเกิดดับ สลายการป้องกันทั้งหมด ทำให้เกราะสมบัติบนร่างของอีกฝ่ายแตกสลาย
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แตกตื่นอย่างที่สุด
ฉึบ!
หว่างคิ้วของฉู่จงเทียนแตกออก ปรากฏสีแดงสด
จู่ๆ นัยน์ตาเขาก็หดรัดลง ส่งเสียงคำรามเดือดดาล ต่อต้านสุดกำลังพลางรีบถอยร่นออกไป
เพียงแต่ดาบนี้ของหลินสวินราวกับซึมเข้าสู่กระดูก บีบเค้นกดทับ ทำให้กะโหลกของเขามีรอยแตก ผิวหนังถูกแทงทะลุ เลือดสดพรูไหลอาบเต็มหน้า ดูสะบักสะบอมมากเป็นพิเศษ
ปราณดาบนี้ดุดันเกินไป ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกทำลาย หมายจะตัดศีรษะ เชือดเฉือนพลังจิตของเขา!
ตูม!
เพียงแต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย แสงมรรคสว่างไสวสายหนึ่งโฉบออกมา ห่อหุ้มตัวฉู่จงเทียนแล้วเคลื่อนย้ายห่างออกไป รอดพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้
นี่…
ทุกคนต่างไม่คาดคิด ไม่ทันตั้งตัว
“ข้าว่าแล้ว เจ้าพาสุนัขเฒ่าสองตัวมา ไม่มีทางที่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้”
หลินสวินราวกับคิดไว้แล้ว ดวงตาสีดำประหนึ่งสายฟ้า มองไปทางชายชราระดับราชันสองคนที่อยู่ข้างๆ เกี้ยวสมบัติทองม่วง
“เจ้าหนุ่ม อารมณ์รุนแรงเกินไปก็ไม่ดี ขาดบุคลิกและการวางตัว ไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตของเจ้า”
ร่างกายของชายชราคนหนึ่งเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์มรรคราชัน ยืนมองหลินสวินอย่างเย็นชาอยู่ตรงนั้น สีหน้าเรียบเฉย
ชายชราอีกคนพยุงฉู่จงเทียนเข้าเกี้ยวสมบัติทองม่วงไป คุ้มกันอย่างระมัดระวัง
เห็นเช่นนี้ทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ ต่างขมวดคิ้ว ในใจแอบก่นด่าว่าไอ้แก่สองคนนั้นยุ่งมากเรื่อง เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!
“แก่ไม่ตายไร้ประโยชน์ อย่างเจ้าก็มีสิทธิ์สั่งสอนข้าหรือ จะบอกเจ้าให้ หากก่อนหน้านี้ข้าอยากฆ่าฉู่จงเทียนนี่ ไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ แต่เพราะสุนัขเฒ่าอย่างพวกเจ้าสองคนขวางหูขวางตาเกินไป ทำให้ข้าจำต้องระวัง”
หลินสวินหลุดขำ ดวงตาดำกลับเย็นเยียบ “ตอนนี้ดูเหมือนว่าความระมัดระวังของข้าไม่ผิด ในการประชันของคนรุ่นเดียวกัน พวกเจ้ากลับแทรกแซงอย่างไม่ห่วงหน้า ไม่อายหรือ”
เขาไม่ได้โกหก ก่อนหน้านี้หากเรียกใช้ดาบหักคงฆ่าฉู่จงเทียนได้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่ก่อนหน้านี้ออมมือ ล้วนเพราะระแวงสองคนนั้น
“เจ้าหนุ่ม แข็งเกินไปก็หักง่าย พวกเราเคารพอริยะหญิงที่อยู่เบื้องหลังเจ้า หาใช่เคารพเจ้าไม่”
ชายชราคนที่ร่างกายผอมซูบปลอดปล่อยไอเย็นเยียบ สายตาเย็นชา “หากจะลงมือเล่นงานเจ้า เจ้าคิดว่ายังจะสามารถยืนคุยกับข้าได้อยู่หรือ”
“ถุย! หน้าไม่อาย แพ้ก็คือแพ้ ยังจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เช่นนี้ อยากให้คนทั่วหล้าดูถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของพวกเจ้าหรือ”
จู่ๆ เสียงด่าโฮกฮากก็ดังก้องขึ้น
จากนั้นเงาร่างสูงใหญ่กำยำของอาหลู่ปรากฏขึ้น พาดกระบองเหล็กยักษ์บนไหล่ เหลือบมองชายชราร่างผอมคนนั้นอย่างเย่อหยิ่ง
หลินสวินอึ้ง เจ้าหมอนี่มาทำไม
“พี่ใหญ่ วันนี้มาเพื่อช่วยท่าน ข้าเชื่อว่าสหายยุทธ์ในลานก็คงดูถูกพฤติกรรมน่ารังเกียจเช่นนี้!”
อาหลู่แสดงพรสวรรค์ในการปากเปราะแล้ว ท่าทางกระตือรือร้น พูดรัวไม่หยุด
ทุกคนในลานต่างเงียบ ไม่มีคนตอบ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เพราะเรื่องนี้
แต่ในใจกลับรู้สึกว่าอาหลู่ด่าได้สะใจมาก ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จัดการเรื่องราวได้ไม่ถูกต้องเกินไปจริงๆ
ชายชราร่างผอมยิ้มบางๆ ไม่สนใจอาหลู่ แต่หันมองหลินสวินพร้อมพูดว่า “เจ้าหนุ่ม เตือนเจ้าประโยคหนึ่ง ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า มหายุคกำลังจะมาเยือนแล้ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าอริยะหญิงที่อยู่เบื้องหลังเจ้าก็ไม่สามารถคุ้มครองเจ้าได้”
“นี่เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ” นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก แฝงความเย็นเยียบ
“ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่เตือนเจ้า อย่าดูถูกสำนักใดๆ ที่สามารถคงอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความมั่นคงของรากฐาน ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะประเมินได้ จะฆ่าเจ้าก็เป็นเรื่องที่ง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ!”
ชายชราร่างผอมพูดเรียบๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็เพียงแค่กล้าพูด ไม่กล้าลงมือกับหลินสวิน เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินจนทำให้อริยะหญิงลึกลับคนนั้นต้องออกมา หากเขากล้าไม่รักษากฎ ผลกระทบจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน
“หน้าไม่อาย ข่มขู่เป็นอย่างเดียว ตาเฒ่า ทำไมเจ้าถึงหน้าไม่อายขนาดนี้” อาหลู่ที่อยู่ห่างออกไปตะโกน
“หุบปาก!”
ต่อให้ชายชราร่างผอมอารมณ์ดีแค่ไหนก็ถูกอาหลู่กระตุ้นจนโกรธ สีหน้ามืดทะมึน บนร่างแผ่อานุภาพน่าเกรงขามไร้รูปกดดันเข้าไป
ใครจะรู้ว่าอาหลู่กลับคลี่ยิ้ม กระบองเหล็กยักษ์ที่พาดอยู่บนไหล่สะบัดโบก เงาร่างพุ่งขึ้น กระบอกทะลวงฟ้าฟาดเข้ามา
ตอนแรกชายชราร่างผอมยังดูถูก แต่ยามกระบองนี้ฟาดมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปกะทันหัน พลันยกมือขึ้นตบออกไปเต็มกำลัง
ตูม!
ภาพที่ทำให้ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้างปรากฏขึ้น ชายชราร่างผอมถูกกระบองฟาดใส่จนปลิวออกไป ล้มพรวดลงในบริเวณที่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง กระแทกจนสะบักสะบอมไม่เหลือสภาพ
ส่วนอาหลู่นั่นปลอดภัยหายห่วง!
ทุกคนในลานตะลึงทันที คนป่าเถื่อนนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้วมั้ง
มีเพียงหลินสวินที่นิ่งมาก ก่อนหน้านี้ก็เป็นที่นี่ ที่ซูคงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเคยลอบสังหารเขา สุดท้ายกลับถูกอาหลู่ฟาดจนกระเด็นออกไปภายในกระบองเดียว
ต้องรู้ว่าซูคงเป็นถึงราชันที่เหยียบย่างระดับอมตะคนหนึ่ง!
แต่ชายชราร่างผอมที่อยู่ตรงหน้ายังไม่แข็งแกร่งเท่าซูคงด้วยซ้ำ กลับไปล่วงเกินอาหลู่ ก็สมน้ำหน้าแล้วที่เขาเคราะห์ร้าย
“ไอ้หมาแก่หน้าไม่อาย ไอ้ขยะ น่าอับอายขายหน้า!” อาหลู่ได้ใจนัก ด่าว่าตามอำเภอใจ
“สมบัติอริยะหรือ”
ชายชราร่างผอมลุกขึ้น หน้าเขียวไม่น่าดูอย่างที่สุด เขาดูออกแล้วว่ากระบองยักษ์ในมืออาหลู่เป็นสมบัติอริยะที่น่ากลัวมากชิ้นหนึ่ง
“เจ้าเป็นลูกศิษย์สำนักไหน คิดจะหาเรื่องให้ตัวเองหรือ” เสียงของชายชราร่างผอมเผยไอสังหาร
“หาเรื่องปู่เจ้าสิ น่าโมโหนัก!”
อาหลู่หัวเสียขึ้นมาทันที ร้องโวยอย่างเย่อหยิ่ง กระบองยักษ์ที่กวัดแกว่งพุ่งออกมา ราวกับพายุหมุนรุนแรง โหดร้ายและดุดัน
“ไป!”
อีกด้านราชันอีกคนควบคุมเกี้ยวสมบัติทองม่วงทะยานอากาศไป เรียกให้ชายชราร่างผอมตามไปพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
“คราวหน้าค่อยฆ่าเดรัจฉานอย่างเจ้า!”
ชายชราร่างผอมไฟสุมอก จ้องอาหลู่ที่พุ่งเข้ามาเขม็งทีหนึ่ง ประกาศกร้าวเอาไว้หมายจะจากไป
“ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ”
แต่ตอนนี้เองเสียงเย็นชาของหลินสวินดังขึ้นข้างหูเขา จากนั้นในสายตาปรากฏประกายดาราที่ราวกับมายาแถบหนึ่ง ลงมาเยือนจากฟ้า
แย่แล้ว!
ชายชราร่างผอมลนลานขึ้นมาทันที รับรู้ได้ว่านี่เป็นพลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าตอนแรกหลินสวินก็ใช้พลังนี้สังหารเหล่าราชัน
โครม!
เขาแทบจะใช้พลังทั้งหมด ขับเคลื่อนพลังปราณในตัวจนถึงขีดสุด พุ่งทะลวงฟ้าไปทางทิศที่ไกลออกไป ในเวลาเดียวกันยังเรียกกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งออกมา ขวางประกายดาราที่ปกคลุมเข้ามา
——