Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1115 ไป๋หลงถิง
นี่เป็นคำเย้ยหยันหลินสวิน!
ใครก็ฟังออก เพียงแต่เจ้าคางคกกับอาหลู่ไม่โกรธกลับชอบใจ จิตใจพลันฮึกเหิมเหมือนได้เลือดไก่ชูกำลัง
หลินสวินลอบร้องว่าไม่เข้าทีแล้ว เขารู้ดีว่าไม่ว่าเจ้าคางคกหรืออาหลู่ล้วนไม่ใช่คนที่อยู่ในร่องในรอยเสียด้วย!
คนหนึ่งเย่อหยิ่งหลงตัวเอง อีกคนก็เป็นพวกปากเปราะโดยกำเนิด เป็นมือดีด้านการสร้างความแค้นให้ผู้อื่นแต่กำเนิด ถ้าไม่ใช่เพราะตนบังคับข่มไว้ ทั้งสองคนคงก่อนเรื่องไปไม่รู้เท่าไรนานแล้ว
‘ระวังหน่อย อย่าก่อเรื่อง’ หลินสวินสื่อจิต ชำเลืองมองทั้งสองปราดหนึ่งแสดงความข่มขู่
ทั้งสองพลันห่อเหี่ยวลงทันที เซื่องซึมเงื่องหงอย
“ยังนับว่ารู้ตัวดี” คนที่เยาะเย้ยก่อนผู้นั้นเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มบางๆ อย่างได้ใจ วิจารณ์ประโยคหนึ่ง
“คนทั่วไปไม่มีคุณสมบัติไปติดต่อกับคนบนแท่นมรรคตรงยอดเขาพวกนั้นได้จริงๆ ล้วนเป็นพวกร้ายกาจที่อยู่ในระดับยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เป็นคนละจำพวกกับพวกเจ้าเลย” ยังมีคนถากถางอีก
“พวกข้าก็มีคนเคยเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แต่ก็ทำได้เพียงมองคนพวกนั้นไกลๆ พลังอ่อนแอไป ขนาดเขาเทพไร้มรณะยังปีนขึ้นไปไม่ได้”
หลายคนที่อยู่ใกล้ๆ พากันเอ่ยปาก พูดไปพูดมาก็เผยความภูมิใจในตัวเอง ทั้งยำเกรงและอิจฉาคนบนแท่นมรรคยอดเขาเหล่านั้น
อาหลู่ได้ยินก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ยิ้มหยันพูดว่า “พวกเจ้าก็เคยเข้าแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์หรือ เสียมารยาทแล้วจริงๆ”
สีหน้าเขาไม่ปิดบังความดูถูกเลยสักนิด รู้ตัวว่าเสียมารยาทเสียที่ไหน เหน็บแนมอยู่ชัดๆ
“เจ้าคนเถื่อน ขอเตือนให้พวกเจ้าลงเขาไปเถอะ คราวนี้คนที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมได้มีแต่คนชั้นยอดแห่งยุคปัจจุบัน” มีคนดูแคลน ท่าทางเหยียดหยามเหมารวม
ขนาดหลินสวินยังอดไม่อยู่ยิ้มขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ส่ายหน้า คร้านจะตีฝีปากกับพวกเขา แค่พวกตาไร้แววกลุ่มหนึ่งก็เท่านั้น
“พวกเจ้าไปเสียเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า!” มีคนขับไล่
เจ้าคางคกสงสัยนัก หันหน้าไปถามหลินสวิน “ตกลงใครโกหกกันแน่ ในเมื่อเคยเข้าแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์กันหมด ทำไมพวกเขาถึงจำเจ้าไม่ได้”
หลินสวินยักไหล่ แสดงให้เห็นว่าไม่รู้
ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณหลายคนก็สีหน้าผิดแปลกขึ้นมาอยู่บ้าง
“ยังไม่ไปอีก!” มีคนเริ่มขุ่นเคืองแล้ว ตะคอกเสียงดัง
การเคลื่อนไหวที่นี่พลันดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณอื่นของไหล่เขา แม้แต่บนแท่นมรรคยอดเขายังมีคนชำเลืองตามองมา
“เอ๊ะ นั่นเหมือนจะเป็น…”
มีคนประหลาดใจ เมื่อมองไปที่หลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
แทบจะในเวลาเดียวกัน บนยอดเขาฉีชงโต้วส่งเสียงตกใจ ผุดลุกขึ้นทันทีแล้วพูดว่า “เจ้าคือ…”
ฉีชงโต้วเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเยาว์ เป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เห็นเขาตกตะลึงเช่นนี้ คนอื่นๆ ที่อยู่บนแท่นมรรคยอดเขาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
จากนั้นเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหลินสวินชัดเจน ล้วนเผยสีหน้าตระหนก พากันลุกขึ้น!
“เทพมารหลิน!”
“เขาก็มาแล้วหรือนี่!”
เงาร่างบนแท่นมรรคต่างอึ้งงันไปบ้าง ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลังจากเก็บตัวเงียบไปสองเดือน เทพมารหลินจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้
“ยินดีต้อนรับพี่หลินมาเยือนอย่างยิ่ง ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปรับถึงที่” ตอนนี้ฉีชงโต้วรีบพุ่งตัวมายังไหล่เขาแล้ว
“พี่หลิน เชิญท่าน!”
คนอื่นๆ ที่อยู่บนแท่นมรรคพากันกุมมือคารวะด้วยความเลื่อมใส
เทพมารหลิน!
ที่ไหล่เขา ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง คนหนุ่มผู้นั้นก็คือหลินสวินที่ช่วงนี้มีชื่อไปทั่วใต้หล้าหรือ
คนที่เย้ยหยันพวกหลินสวินก่อนหน้านี้ล้วนแข็งทื่อไปทั้งตัว สีหน้าเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวซีดขาว คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าที่พวกเขาดูถูกและขับไล่ไสส่งจะเป็นบุคคลน่ากลัวเช่นนี้ได้
หลินสวินไม่เคยเห็นและพูดคุยกับทุกคนที่อยู่บนแท่นมรรคตรงยอดเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะอ่อนแอเกินไป แต่เพราะแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!
เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนจะจำหลินสวินได้
“สวรรค์! เขาก็คือเทพมารหลิน ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์!”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานเขายังกำราบฉู่จงเทียนด้วย ทำให้อีกฝ่ายแทบสิ้นชีพ”
บริเวณนี้ไม่สงบ เดือดพล่านโดยสมบูรณ์แล้ว ทุกสายตาต่างมองไปที่หลินสวิน
โดยเฉพาะเมื่อมีคนเห็นว่าขนาดอาหลู่ที่ดูเหมือนคนเถื่อนก็ได้รับความเคารพจากฉีชงโต้ว หลายคนล้วนสูดหายใจเยียบเย็น
หงส์ย่อมอยู่กับหงส์ สามารถคาดการณ์ได้ว่าคนที่ร่วมเดินทางกับเทพมารหลินได้ ก็ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ!
“หลินสวิน พี่อาหลู่ รวมถึงสหายยุทธ์ท่านนี้ ขอเชิญมาร่วมสนทนาที่แท่นมรรค” ฉีชงโต้วเอ่ยเชื้อเชิญ
“ขอบคุณมาก” หลินสวินยิ้มพลางกุมมือคารวะ ไม่ได้ไปสร้างความลำบากให้พวกคนที่มาเย้ยหยันตนก่อน
เจ้าคางคกกับอาหลู่ก็เมินเจ้าพวกนั้นเช่นเดียวกัน
นี่ทำให้หลินสวินออกจะประหลาดใจ เจ้าสองคนนี้ใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“กบในกะลาฝูงหนึ่งเท่านั้น จะไปเอาเรื่องทำไม ไม่ควรค่ากับฐานะของพวกเราหรอก!” เจ้าคางคกสีหน้าหยิ่งผยอง
“คำนี้ดีนัก” อาหลู่เห็นด้วยยิ่ง
หลินสวินถอนใจในใจ รับรู้ได้ว่าเจ้าหายนะสองคนนี้ไม่แลบุคคลธรรมดาแล้ว ต่อให้หาเรื่องก็ต้องแบ่งแยกคนที่จะหาเรื่อง!
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนก่อนหน้านี้ ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะดึงดูดความสนใจของทั้งสองคนได้
บริเวณยอดเขาเป็นทัศนียภาพอีกแบบหนึ่ง แท่นมรรคเก่าแก่และกว้างใหญ่ ทะเลเมฆอวลไอรอบทิศ มีน้ำตกเทลงไปจากที่นี่ราวมังกรหิมะ ไอน้ำพัดขึ้น เสียงดังลั่นราวสายฟ้า
ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น มีทั้งหญิงและชาย ล้วนเป็นคนที่บรรลุขอบเขตมกุฎ
หลายคนยังเป็นคนที่หลินสวินคุ้นหน้า ล้วนเป็นผู้โดดเด่นที่พาตัวเองขึ้นมาอยู่ในสามสิบหกอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์
ทว่าเมื่อหลินสวินมาถึง พลันกลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา
ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใดนอกเสียจากหลินสวินเป็นผู้ได้อันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ที่แท่นมรรคนี้จึงไม่มีใครเทียบเขาได้สักคน!
“ไม่ได้บอกว่างานชุมนุมคราวนี้จัดขึ้นโดยสหายยุทธ์หมีเหิงเจินหรือ ทำไมไม่เห็นเขาล่ะ” หลินสวินเอ่ยถาม
ฉีชงโต้วครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างไม่มีปิดบัง “สหายยุทธ์หลินคงไม่รู้ เมื่อสองชั่วยามก่อนศิษย์พี่หมีได้รับสาสน์ท้ารบฉบับหนึ่ง ตอนนี้เกรงว่ากำลังประลองกับผู้อื่นอยู่”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมาคนอื่นๆ ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่รู้
“ประลองกับผู้อื่นหรือ ใครกัน”
หลินสวินสนใจยิ่งนัก เขาเคยได้ยินเรื่องความแข็งแกร่งของหมีเหิงเจินมานานแล้ว บุคคลผู้โดดเด่นในหมู่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎรุ่นเก่า มีชื่อเสียงมานานปี ถูกยกให้เป็นผู้นำทัพของคนรุ่นเยาว์ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา
บุคคลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของบุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันแล้ว แต่กลับมีคนกล้าส่งสาสน์ท้ารบมาประลองกับเขา นี่ย่อมทำให้ผู้อื่นสงสัย
“เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มีนามว่าไป๋หลงถิง เก็บตัวเงียบมานานแปดพันปี เป็นลูกหลานเผ่าเจียวขาว ถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘องค์ชายหก’”
ฉีชงโต้วสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา “คนผู้นี้น่ากลัวถึงที่สุด เพิ่งปรากฏตัวเมื่อครึ่งเดือนก่อน บุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันที่แพ้ในมือเขามีไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว”
บรรยากาศในที่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง ผู้ฝึกปราณคนอื่นต่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าล้วนรู้ถึงความน่ากลัวของไป๋หลงถิงผู้นี้
“สหายยุทธ์หมีเหิงเจินมีความมั่นใจหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม
ฉีชงโต้วยิ้มขื่น “ศิษย์พี่หมีพูดว่า ก็เพราะรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะชนะได้ ดังนั้นถึงได้ตอบรับการต่อสู้คราวนี้ไป หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาท้าสู้ ศิษย์พี่หมีต้องคร้านจะถือสาแน่”
หลินสวินพยักหน้า พอจะตัดสินได้คร่าวๆ ว่าที่ไป๋หลงถิงคนนี้ได้รับความสนใจเช่นนี้จากหมีเหิงเจินได้ ก็น่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งคนหนึ่งจริงๆ
“เผ่าเจียวขาวหรือ”
เจ้าคางคกพลันเอ่ยปาก
ทุกคนพากันมองไปทางนั้น เพราะนึกว่าเจ้าคางคกรู้อะไรเข้า
ใครจะคิดว่าเขากลับยิ้มหยันออกมา แล้วส่ายหัวพูดว่า “ข้ารู้จักแต่เผ่าอย่างเจินหลง ชือเหวิ่น เถิงเสอ เจียวราชัน ไม่เคยได้ยินเผ่าเจียวขาวอะไรนี่ แม้จะอยู่ในหมู่มังกรเจียว ก็เกรงว่าจะไม่พิเศษอะไร”
ทุกคนต่างหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ช่างคุยโตนัก
หากไม่เห็นว่าเจ้าคางคกนั่งอยู่ข้างๆ หลินสวิน คงมีคนทัดทานไปนานแล้ว
“สัตว์ประหลาดยุคโบราณแข็งแกร่งปานนี้เชียวหรือ” หลินสวินถามเช่นนี้ เพราะเขาต้องการฟังมุมมองและความเห็นของบุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านี้
“ไม่ปิดบังพี่หลิน ผู้ที่ได้รับฉายา ‘สัตว์ประหลาดยุคโบราณ’ อย่างน้อยก็ต้องเป็นบุคคลชั้นยอดที่อยู่ในระดับยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ พลังต่อสู้แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ อย่างฉู่จงเทียนที่เคยเก็บตัวเงียบและปิดด่านเช่นกัน แต่ก็เรียกได้แค่ว่าเป็นอัจฉริยะเท่านั้น ยังไม่มีคุณสมบัติจะถูกเรียกว่า ‘สัตว์ประหลาดยุคโบราณ’”
ฉีชงโต้วอธิบายอย่างใจเย็น “ตอนนี้พวกเราพอจะตัดสินได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือสัตว์ประหลาดยุคโบราณน่าจะก้าวข้ามระดับ ‘แรกก้าวสำรวจ’ กับ ‘เข้าถึงชำนาญ’ เหยียบย่างสู่ระดับ ‘บรรลุสูงสุด’ ในมกุฎมรรคาไปแล้ว!”
ในใจหลินสวินพลันกระจ่าง เพราะเขาเดินบนมกุฎมรรคานี้เช่นกัน ดังนั้นจึงรู้ดีว่าบุคคลขอบเขตมกุฎที่อยู่ระดับบรรลุสูงสุดเก่งกาจแค่ไหน
“พี่หลิน ช่วงที่เจ้าปิดด่านนี้ มีสัตว์ประหลาดยุคโบราณเอ่ยชื่อจะประลองกับเจ้าไม่น้อยนะ” มีคนเอ่ยปาก
“ใช่แล้ว ยังมีคนโวยวายว่าจะจับเจ้าไปเป็นข้ารับใช้ติดตามตัว ท่าทางหยิ่งผยองกำเริบเสิบสานถึงที่สุด!” มีคนขุ่นเคือง
หลินสวินยิ้มพูดว่า “เป็นเสียงโวยวายของพวกลูกหมาลูกแมวเท่านั้น ทุกท่านไม่ต้องถือสา”
ที่นี่เงียบเชียบลงในครู่เดียว ทุกคนหมดคำพูด ตื่นตระหนกกับประโยคนี้ นี่ช่างแข็งกร้าวและดุดันเกินไปแล้ว มองสัตว์ประหลาดยุคโบราณเป็นลูกหมาลูกแมว!
มองไปในโลกยุคปัจจุบัน ก็มีเพียงเทพมารหลินที่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา
ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่หลินสวินขึ้นชื่อ นอกจากพลังต่อสู้เย้ยฟ้าแล้ว ก็คือความอาจหาญไม่หวั่นกลัวของเขา กล้าทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้า!
“พี่หลิน ยังขอให้เจ้าระวังคำพูด เป็นไปได้สูงที่สัตว์ประหลาดยุคโบราณบางคนจะมาที่นี่ อีกทั้งคนที่มาเยือนย่อมไม่มาดี!” ฉีชงโต้วถอนใจเฮือกหนึ่ง
หลังจากข่าวกระจายออกไปว่าพวกเขาจัดงานชุมนุมใหญ่พันกระแส ก็ก่อให้เกิดแรงสะท้อนกลับอย่างรุนแรงถึงที่สุด สหายยุทธ์ไม่รู้เท่าไรกำลังจับตามอง
อย่างเมื่อสองชั่วยามก่อน หมีเหิงเจินกำลังต้อนรับสหายยุทธ์ที่แท่นมรรคนี้อยู่ จู่ๆ ก็ได้รับสาสน์ท้ารบที่มาจากไป๋หลงถิง และทำได้เพียงรับคำท้า
“กลัวอะไร ข้ายังอยากให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณโผล่มาสักสองสามคนเลย” เจ้าคางคกพูดอย่างไม่ใส่ใจ มั่นใจในตัวเองและหยิ่งผยองนัก
ทุกคนล้วนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน บ้าระห่ำเกินไปแล้วกระมัง แม้จะมองว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณขวางหูขวางตากว่านี้ แต่บางคำก็พูดออกมาแบบนี้ไม่ได้ เป็นไปได้มากที่จะชักนำเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่มาให้
ก็ในตอนนี้เอง เสียงฮือฮาและตื่นเต้นระลอกหนึ่งแว่วขึ้นที่ตีนเขา จากนั้นเสียงเยียบเย็นเฉยชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“งานชุมนุมพันกระแสอะไรกัน ข้ายังคิดว่าจะเลอเลิศมากมาย ที่แท้ก็เป็นพวกอ่อนหัดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง น่าผิดหวัง!”
วาจาสะเทือนราวอสนีบาต ไม่ว่าอยู่ใกล้ไกลล้วนได้ยิน
ไม่ใช่กระมัง มีสัตว์ประหลาดยุคโบราณมาหาเรื่องจริงหรือ
ทุกคนต่างตื่นตะลึง หน้าเปลี่ยนสีในทันใด พากันลุกขึ้นมองไปยังด้านล่างของภูเขา
——