Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1137 ไม่มีสิ่งใดให้เกรงกลัว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1137 ไม่มีสิ่งใดให้เกรงกลัว
หลินสวินเองก็อึ้งงันน้อยๆ สีหน้าดูผิดประหลาดไป
“มัวอึ้งอะไรอยู่ มอบบรรณาการของเจ้าสิ” ชายจมูกเหยี่ยวงองุ้มขมวดคิ้วกล่าว
ผู้คนล้วนอดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ ยืดคอชะเง้อ ตั้งใจจะดูสักหน่อยว่า ‘ของบรรณาการ’ ของหลินสวินจะเป็นอะไรกันแน่
หลินสวินขบคิดครู่หนึ่ง ล้วงเอากรงเล็บสีทองอร่ามออกมาอย่างมาดมั่น ดูเหมือนไม้กระบองด้ามหนึ่ง สีทองอร่าม ปลายเล็บแหลมคมปรากฏแสงเย็น ซ้ำยังไหลเวียนด้วยเปลวเพลิง
“นะ… นี่คือกรงเล็บอะไร ทำไมถึงดูเหมือนกรงเล็บกระเรียนทองเพลิงโหม” บางคนอึ้งค้าง ฉงนสงสัยไม่รู้จบ
“กระเรียนทองเพลิงโหมอะไรกัน เห็นๆ อยู่ว่าแค่กรงเล็บไก่อันหนึ่ง” มีคนพึมพำว่า “ของบรรณาการนี้นับว่าเป็นของเล่นอะไร โกโรโกโสชะมัด”
“กรงเล็บไก่? ใหญ่เบ้อเริ่มได้ขนาดนี้เชียวหรือ ก็นับว่าน่าตกใจเหมือนกันนะ” คนมากมายต่างหัวเราะขึ้นมา สีหน้าล้อเลียน
แต่เหนือความคาดหมายของพวกเขา เมื่อมองเห็นกรงเล็บนี้องครักษ์สองคนที่เฝ้าหน้าตำหนักตาแทบถลน ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ
ถึงขั้นสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
“แค่กรงเล็บไก่เท่านั้น ถึงกับทำให้ใต้เท้าสูงศักดิ์สองท่านตื่นเต้นจนเป็นสภาพเช่นนี้ หรือกรงเล็บไก่นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างนั้นหรือ”
ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งงงงัน
เผียะ!
เสียงเพิ่งสิ้นสุด บนหน้าเขาก็ประทับฝ่ามือหนึ่ง ฟันทั้งปากปลิวลอยเจือเลือดออกไป ใบหน้าถูกตบแตก ตัวพลิกรอบหนึ่งก่อนโซซัดโซเซนั่งลงกับพื้น สมองตื้อไปหมด
ทั่วลานเงียบกริบ ร่างแข็งทื่อ เพราะทุกคนเห็นว่าคนที่ลงมือคือชายจมูกเหยี่ยวงุ้มของเผ่าอีกาทองคนนั้น
เขาในยามนี้สีหน้าคล้ำเขียว เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ ใบหน้าไม่น่าดูได้มากเท่าไรก็ไม่น่าดูเท่านั้น
ผู้คนล้วนงงเป็นไก่ตาแตก เพื่อกรงเล็บไก่อันเดียว ถึงกับ…
มีคนเฉลียวใจว่าสถานการณ์ชักชอบกล ทะแม่งๆ ยิ่ง
“ของบรรณาการอันนี้ได้หรือไม่” หลินสวินถาม
“เจ้าเป็นใคร ถึงขั้นกล้าฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าข้า!” ชายจมูกงุ้มสูดหายใจลึก ฝืนระงับไอสังหารที่เดือดพล่านในใจ
เป็นดังคำกล่าวที่ว่า คนดีไม่มา คนมาไม่ดี
เจ้าหนุ่มตรงหน้าคนนี้กล้ามาที่นี่เพียงลำพัง นี่ก็ไม่ปกติยิ่ง ทำให้ชายจมูกงุ้มนึกเอะใจถึงความผิดปกติบางอย่าง
และยามนี้ในลานต่างปั่นป่วนขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นผิดประหลาดไร้ใดเปรียบ ในที่สุดก็ตระหนักว่านั่นไม่ใช่กรงเล็บไก่แต่อย่างใด และไม่ใช่กรงเล็บกระเรียนทองเพลิงโหมด้วย แต่เป็นกรงเล็บอีกาทองที่ถูกฟันขาดต่างหาก!
เจ้าหมอนี่เป็นใคร ช่างใจกล้านัก!
ผู้คนต่างใจสะท้าน รู้สึกสยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนหวังตงที่อยู่ไกลๆ อึ้งค้างอยู่ตรงนั้นโดยสิ้นเชิง สหายที่รู้จักกันโดยบังเอิญคนนี้… เหมือนจะมาหาเรื่อง?
นั่นเป็นถึงเผ่าอีกาทองเชียวนะ!
เขาบ้าไปแล้วหรือไร!
ไม่อาจไม่พูดว่าหวังตงนับว่าไม่เลวทีเดียว ถึงแม้จะเพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ยามที่เห็นภาพนี้ก็เริ่มหวั่นใจแทนหลินสวินตามจิตใต้สำนึก
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ข้าแค่ถามพวกเจ้าประโยคเดียว เคยเห็นสองคนนี้หรือไม่”
เมื่อหลินสวินวาดนิ้ว ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏขึ้น ฉายภาพของเจ้าคางคกและอาหลู่
ชายจมูกงุ้มอึ้งงันก่อน จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ กล่าวว่า “จะ… เจ้าคือ…”
น้ำเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด คอเขาก็ถูกหลินสวินคว้าหมับผ่านอากาศ ยกขึ้นมา “เจ้าแค่ต้องบอกข้า เคยเห็นพวกเขาหรือไม่!”
“ท่าไม่ดีแล้ว มีคนมาหาเรื่อง!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่อยู่อีกฟากของตำหนักส่งเสียงตะโกนลั่น สั่นสะเทือนราวฟ้าคำรามก็ไม่ปาน
ปึง!
หลินสวินยื่นมือตบฉาด พลังมหามรรคอันน่าสะพรึงวูบหนึ่งทะยานขึ้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองไม่ทันโต้ตอบก็ถูกสยบฆ่าตายคาที่ ร่างถูกกระแทกระเบิดกระจุย
เพียงการโจมตีเล็กๆ ครั้งเดียว กลับสะเทือนไปทั่วลาน
ผู้ฝึกปราณที่กำลังต่อแถวอยู่บริเวณนั้นตกใจจนตะโกนเสียงหลง พากันหลบเลี่ยง หนีกระเจิดกระเจิง
เมืองโบราณเผาเซียนห้ามเข่นฆ่า นี่คือกฎ ใครกล้าฝ่าฝืนต้องถูกขุมอำนาจใหญ่มองเป็นศัตรูร่วมกัน
แต่หลินสวินกล้าเหยียบย่ำกฎระเบียบนี้ ยิ่งฆ่าคนตรงๆ ในถิ่นของเผ่าอีกาทองอีก นี่น่าตกใจเกินไปแล้ว
ขอเพียงไม่โง่ ล้วนมองออกว่านี่คือจอมอำมหิตคนหนึ่งชัดๆ!
“ฆ่าคนแล้ว เจ้ายังไม่รีบหนีอีกหรือ!” ไกลออกไปหวังตงตะโกนลั่น
“ทำไมต้องหนี”
หลินสวินเอ่ยส่งๆ จากนั้นออกแรงที่ฝ่ามือ บีบจนคอชายจมูกงุ้มคนนั้นแทบหักเป็นเสี่ยง แม้แต่หายใจยังยาก
“จะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เคยเห็นพวกเขาหรือไม่”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ คล้ายเหวลึกวังน้ำวน แผ่พลังน่าสยดสยองออกมา
ชายจมูกงุ้มรู้สึกเพียงหน้ามืดวิงเวียน พยักหน้าโดยไม่รู้ตัวราวกับใกล้จมดิ่งลงไปก็ไม่ปาน
“พวกเขาอยู่ที่ไหน” หัวใจหลินสวินหนักอึ้ง หรือว่าอูหลิงเฟยจะลงมือจับตัวเจ้าคางคกกับอาหลู่ไว้เรียบร้อยแล้ว
หากเป็นจริง นั่นคือข่าวร้ายอย่างแน่นอน!
แต่ไม่รอให้ชายจมูกงุ้มตอบคำถาม ในตำหนักโอ่อ่าไร้ใดเปรียบนั้นมีเงาร่างสิบกว่าสายพุ่งพรวดออกมา มีทั้งชายหญิง เห็นได้ชัดว่าล้วนถูกทำให้ตกใจทั้งสิ้น
“ช่างกล้าเหลือเกิน ถึงขั้นกล้าโร่มาหาเรื่องที่เผ่าอีกาทองของข้า!” บางคนตะโกนลั่น
ทันใดนั้นชายจมูกงุ้มตื่นตระหนก ตั้งท่าจะส่งเสียงเตือน ลำคอก็เกิดเสียงครึ่กหนึ่งคราก็ถูกหลินสวินบีบหัก สิ้นลมทันที
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ชายหญิงเหล่านั้นต่างเป็นลูกหลานเผ่าอีกาทอง ในหมู่คนรุ่นเดียวกันล้วนเป็นบุคคลชั้นยอด เมื่อเห็นว่ามีคนกระทำการอุกอาจใต้จมูกพวกเขา ก็ทำให้พวกเขาเดือดดาลทันที
“ข้ามาหาคน ทำไมถึงเรียอกว่ามาหาเรื่องเสียได้”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เก็บศพอีกาทองในมืออย่างมือไวเท้าไว นี่เป็นถึงวัตถุดิบที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเชียว
การกระทำนี้ของเขาพาให้คนจำนวนมากหน้าเปลี่ยนสีขึ้นเรื่อยๆ ฆ่าคนในเผ่าของพวกเขาแล้ว แม้แต่ศพก็ยังไม่ยอมปล่อย สมควรฆ่าชัดๆ!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่กลัวเอาชีวิตกระจอกของตัวเองมาทิ้งหรือ”
ชายหนุ่มชุดเข้มโครงหน้าเรียวยาวที่อยู่ด้านหน้าสุดกล่าวอย่างเย็นชา เขาสังเกตเห็นความผิดปกติจึงห้ามกลุ่มคนข้างกายเอาไว้ ไม่ได้เคลื่อนไหวตั้งแต่แรก
ตามกฎแล้วภายในเมืองโบราณเผาเซียนห้ามฆ่าคน แม้จะเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎล้วนไม่กล้าทำเช่นนี้ง่ายๆ เพราะจะล่วงเกินขุมอำนาจใหญ่มากมายเอาได้
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับมุ่งหน้ามาเพียงลำพัง ลงมือฆ่าคนอย่างไม่เกรงใจสักนิด นี่หากไม่บ้าก็คงไม่เกรงกลัวที่จะแหกกฎ!
“พวกเจ้าแค่ต้องบอกข้าว่าตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่ที่ไหน”
หลินสวินกล่าว ปลายนิ้ววาดม่านแสงที่ฉายภาพของเจ้าคางคกและอาหลู่ เอ่ยถามอีกครั้ง
ทันใดนั้นพวกชายหนุ่มชุดเข้มล้วนหน้าเปลี่ยนสี ร้องโพล่งว่า “เจ้าคือเทพมารหลิน?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเคยเห็นเจ้าคางคกและอาหลู่ ดังนั้นจึงเดาตัวตนของหลินสวินออกเพียงชั่วอึดใจ
ห่างออกไปไกลๆ มีผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยรวมตัวอยู่ตั้งแต่ต้น ยังมีผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจอื่นๆ ด้วย ถึงอย่างไรการคเลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่นี่ก็ใหญ่โตเกินไป
และเมื่อได้ยินคำว่า ‘เทพมารหลิน’ สามคำนี้ คนมากมายพากันหน้าเปลี่ยนสีทันควัน สูดหายใจเฮือกไม่รู้สิ้น
“ในเมื่อรู้ว่าเป็นข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าข้ามาทำไม ให้อูหลิงเฟยโผล่หัวออกมา วันนี้หากไม่มีคำอธิบายให้ข้า ข้าก็ไม่เกี่ยงที่จะฆ่าล้างบางครั้งใหญ่!”
ยามหลินสวินเอ่ยวาจา รูปร่างหน้าตาก็คืนสู่สภาพเดิมแล้ว
เป็นเขาจริงๆ ด้วย!
ทั่วลานตาค้าง เพียงแต่ผู้คนยังคงไม่อาจจินตนาการได้ว่า เหตุใดเทพมารหลินถึงกล้าวางโตเปิดฉากเข่นฆ่าภายในเมืองอย่างไม่เกรงกลัว ไม่กลัวจะกลายเป็นศัตรูสาธารณะของทุกๆ ขุมอำนาจใหญ่หรือไงกัน
ส่วนพวกชายหนุ่มชุดเข้มล้วนไหววูบหน้าเปลี่ยนสี ต่างคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะปรากฏตัวด้วยวิธีเช่นนี้ ตรงมาคนเดียวและมาฆ่ากันถึงหน้าประตู!
“หลินสวิน คนอื่นกลัวเจ้า แต่พวกเราเผ่าอีกาทองไม่กลัว จะบอกเจ้าเจ้าให้ว่าอีกเดี๋ยวองค์ชายเจ็ดเผ่าข้าก็จะออกด่านแล้ว ฆ่าเจ้าเหมือนฆ่าไก่ ตอนนี้เจ้ามายั่วโทสะก็เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!”
ชายหนุ่มชุดเข้มสูดหายใจลึก เชิดหน้าชูคอ มองสำรวจหลินสวินอย่างเย็นชา
ที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าอีกาทอง มีคนมีฝีมือเป็นกำลังหลักมากมาย เขาไม่เชื่อว่าหลินสวินจะกล้าบุ่มบ่าม
ปึง!
แต่ปฏิกิริยาของหลินสวินอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอีกครั้ง เขาไม่พูดมากความ ยื่นมือแล้วคว้าชายหนุ่มชุดเข้มเข้ามา เงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดใส่อย่างจังเสียงก้องกังวาน
คนรอบบด้านพากันตกใจ รวดเร็วยิ่งนัก เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นบุคคลชั้นยอดของเผ่าอีกาทองคนหนึ่งก็ประสบเคราะห์ทันที!
“จะ จะ… เจ้ารนหาที่ตาย!” ชายชุดเข้มตะโกน ใบหน้าเขาบวมแดง แม้จะรวบรวมพลังทั้งร่างก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
เผียะ!
หลินสวินตบบ้องหูอย่างแรงอีกครั้ง ฟาดจนสะเทือนก้องฟ้า ทำให้เขากระอักเลือดทั้งปากจมูก
ในระหว่างนี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นๆ ล้วนลงมือแล้ว แต่กลับค้นพบอย่างตระหนกว่า ไม่ว่าการโจมตีใดๆ ทันทีที่เข้าใกล้หลินสวินก็ถูกสลายกลืนหายไปประหนึ่งวัวโคลนจมทะเล!
“ข้าจะฆ่าเจ้า ยั่วโทสะพวกเราเผ่าอีกาทอง ไม่ว่าเป็นใครล้วนต้องตาย!” ชายชุดเข้มบ้าคลั่งอย่างสิ้นเชิง แผดคำรามด้วยความโกรธสุดขีด
ทั่วร่างเขาไหลเวียนด้วยเปลวเพลิงสีทอง โคจรวิชาลับ หมายจะสู้กับหลินสวินสุดชีวิต
น่าเสียดายที่ต่อหน้าหลินสวิน เขาซึ่งถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่กร้าวแกร่งยิ่งกลับไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ แม้แต่น้อย ไม่สามารถหลุดพ้นจากการกักขังของหลินสวินได้เลย
“เผ่าอีกาทองเส็งเคร็ง ที่นี่คือแดนมกุฎ ไม่ใช่หุบเขาตะวันคล้อยเสียหน่อย ไม่ต้องพูดถึงว่าจากนี้ไปเผลอๆ ข้ายังจะไปแวะเวียนหุบเขาตะวันคล้อยสักเที่ยวด้วยตัวเองอีก”
หลินสวินฟาดเต็มแรงอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจ
เผียะๆๆ!
เสียงตบเหมือนลั่นกลองถี่รัว เพียงชั่วพริบตาชายชุดเข้มคนนั้นฟันหักร่วง เบื้องหน้าผุดดาวสีทอง ปากเบี้ยวตาเหล่ บวมแดงเหมือนหัวหมู
“องอืออิ อ้าอันไอ้อ้า!” ชายชุดเข้มแผดคำราม
เพียงแต่เขาฟันหลุดร่วงเกลี้ยง ปากรั่วลม เสียงพูดเพี้ยนไปหมด
หลินสวินยังอึ้งพักหนึ่ง เพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองเอาตอนนี้ว่าอีกฝ่ายพูดว่า ‘ลงมือสิ ฆ่ามันให้ข้า’
ด้านข้าง ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั้งกลุ่มร้องแรกแหกกระเชอ พวกเขาลงมือกันหมดแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ผลเลย การโจมตีใดๆ ล้วนถูกกลืนหายหมดเกลี้ยง สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้แต่สมบัติที่เรียกออกมาล้วนถูกซัดปลิวออกไปง่ายดาย!
นี่มันเหมือนหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกรายชัดๆ!
ปึง!
หลินสวินยกมือขึ้นฟาดชายชุดเข้มคนนี้สลบไป จากนั้นเก็บขึ้นมาตั้งใจจะเอามาเป็นตัวประกัน
“พวกเจ้าล่ะ รู้ที่อยู่ของสองคนนี้หรือไม่” นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ มองสำรวจผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองพวกนั้นที่รายล้อมตนอยู่
“ถอดใจซะเถอะ ต่อให้พวกข้ารู้ก็ไม่มีวันบอกเจ้าเด็ดขาด! รอให้องค์ชายเจ็ดกลับมาจะต้องสังหารเจ้าทันใดแน่!”
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ล้วนสีหน้าอาฆาตมาดร้าย
ตึง!
เงาร่างหลินสวินพริบไหว พุ่งพรวดขึ้นหน้า เพียงพริบตาก็สังหารชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่ตะโกนกราดเกรี้ยวที่สุด
คนอื่นๆ ต่างตกใจและเดือดดาล ร้องตะโกนว่า “ที่นี่เป็นถึงเมืองโบราณเผาเซียน เจ้าทำเช่นนี้มีแต่ต้องพบแรงกดดันจากขุมอำนาจใหญ่ทุกแห่งเท่านั้น!”
ตูม!
เงาร่างหลินสวินแผ่แสงเรืองน่าสะพรึงออกมาทันที เพียงกวาดเบาๆ แสงมรรคนับไม่ถ้วนไหลเวียน ปรากฏพลังมหาศาลที่ไม่อาจทำลายล้าง สะเทือนจนผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองพวกนั้นพากันกระอักเลือดถอยร่น
ไกลออกไปเหล่าผู้ฝึกปราณที่มุงดูต่างใจสะท้าน ในใจผุดไอเย็นเยียบ เทพมารหลินคนนี้ทรงอานุภาพเกินไปแล้ว วิ่งโร่มากร่างถึงเผ่าอีกาทอง เผด็จการอย่างที่สุด
โดยเฉพาะหวังตง มองดูจนโง่งมไปนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าสหายคนหนึ่งที่ตนบังเอิญพบ ถึงกับเป็นคนดุดันเหี้ยมโหดไร้ใดเปรียบเช่นนี้เสียได้!
——