Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1232 แท่นบูชาเมฆมงคล
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1232 แท่นบูชาเมฆมงคล
ตูม!
แสงมรรคที่น่ากลัวห่อหุ้มวิชามรรคและสมบัติชนิดต่างๆ บดขยี้ห้วงอากาศจนแหลกละเอียด พวยพุ่งเข้ามาราวกับปิดคลุมฟ้าดิน
สัตว์ประหลาดยุคโบราณสามคนลงมือพร้อมกัน และเห็นได้ชัดว่าใช้กำลังทั้งหมด
พลังทำลายล้างระดับนั้นเพียงพอจะทำให้ทุกคนสิ้นหวัง!
ทางถอยทางเดียว อาจจะเป็นการหลบเข้าไปอยู่ในเรือเล็กสีดำ
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจกว่าคือ ชายซูบผอมและหญิงชุดม่วงที่ก่อนหน้านี้ยังหลีกทางให้ตนอย่างเคารพนอบน้อม กลับจู่โจมในเวลานี้ด้วย!
ลอบโจมตีหลินสวินจากด้านหลัง!
ทั้งหน้าทั้งหลัง ทำให้หลินสวินถูกล้อมโจมตีอย่างสมบูรณ์
ไม่สามารถขวางกั้นได้
ไม่อาจหนีพ้น!
นี่คือแผนการที่เซวียเป่าจีคิด ร่วมมือกับพวกตงหยางถิง ทั่วป๋าหุนเพื่อกำจัดหลินสวินด้วยกันในตอนนี้
เหตุผลนั้นง่ายมาก ระหว่างทางก่อนหน้านี้หลินสวินบีบให้นางกับตงหยางถิงขอโทษ
ส่วนพวกทั่วป๋าหุนก็ไม่พอใจหลินสวินเช่นกัน คิดว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของหลินสวินเลยเถิดเกินไป มองข้ามการมีตัวตนของพวกเขา
หากไม่ใช่เพราะเซวียเป่าจีและตงหยางถิงเป็นฝ่ายยอมถอย ตอนนั้นจะต้องเกิดการต่อสู้แน่ จุดจบนั้นไม่อยากจะคิด!
การโจมตีในตอนนี้ก็คือการแก้แค้นของพวกเขานั่นเอง
อีกทั้งทันทีที่ลงมือก็โจมตีเต็มกำลัง
เพราะพวกเขารู้ดีว่าการจะเล่นงานคนร้ายกาจอย่างหลินสวิน หากไม่คิดลงมือก็ช่างเถอะ แต่เมื่อลงมือแล้วก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
มิฉะนั้นปัญหาที่ตามมาต้องไม่มีหยุดแน่!
เสียดายที่พวกเขาก็ยังคงประเมินหลินสวินต่ำไป
ตอนนี้หลินสวินที่ถูกล้อมโจมตีอยู่ตรงกลาง นัยน์ตาดำลุ่มลึก สีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ไว้นานแล้ว
และบนร่างเขา อานุภาพน่าสะพรึงที่ยากจะเปรียบเทียบปะทุออกมาอย่างสิ้นเชิง!
ตูม!
แสงมรรคสว่างไสว สัญลักษณ์อักษรเคราะห์มากมายพุ่งออกมาวนเวียนรอบกาย ส่วนในร่างกายโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์โคจรพร้อมกัน
ทันใดนั้นหลินสวินที่ก่อนหน้านี้ดูนิ่งเฉยประหนึ่งเมฆลอยมาโดยตลอด ราวกับเปลี่ยนเป็นเทพมารองค์หนึ่ง มีอานุภาพสะเทือนฟ้า
ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดสะเทือนแก้วหูดังขึ้นสองครั้ง ชายร่างผอมซูบและหญิงชุดม่วงถูกซัดจนกระอักเลือด ร่างกายกระเด็นออกไป แทบจะร่วงลงไปในแม่น้ำนรกอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่น
ตูม!
ในเวลาเดียวกันพลังหมัดพันหมื่นสายพุ่งมา อานุภาพราวกับสามารถทำลายสรรพสิ่ง บดขยี้การโจมตีทุกรูปแบบที่โจมตีเข้ามาจนแหลกละเอียด
ครึ่ก!
พื้นผิวของประทับสมบัติม่วงอร่ามเป็นรอยแตก ถูกโจมตีจนกระเด็น
ตึง!
เสือขาวที่วิวัฒน์มาจากวิชามรรคตัวหนึ่งถูกโจมตีจนกลายเป็นละอองแสงเต็มท้องฟ้า
ครืน โครมๆ
วิชามรรคและสมบัติอื่นๆ ล้วนถูกพลังหมัดที่เจิดจ้าไร้เทียมทานนั่นโจมตีจนแตกออก สลายและดับสูญ
ทันทีที่แสดงฝีมือก็สลายการโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ!
เพียงชั่วพริบตาพวกเซวียเป่าจีที่มั่นใจเต็มเปี่ยมพลันสูดหายใจหนาวเยือก เกือบจะร้องเสียงหลงออกมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาระแวงและระวังมากแล้ว มองหลินสวินเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง
แต่ไหนเลยจะคิดว่าพอเปิดศึกกันอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ ความรุนแรงในอานุภาพของอีกฝ่าย กลับเหนือกว่าการคาดการณ์ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ท่าทางราวกับเทพมารมาเยือนโลกเช่นนี้ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกกลัว
เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า แม้ฝีพายโครงกระดูกนั่นตอนนี้ยังเหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่ง
“คิดว่าข้าใจดีเกินไป พวกเจ้าจะท้าทายอย่างไรก็ได้งั้นหรือ”
ระหว่างเอ่ยอย่างราบเรียบนิ่งสงบ หลินสวินก้าวเดินกลางอากาศ พุ่งสังหารไปข้างหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าสักหน่อย!”
ตูม!
เขาเปล่งแสงทั่วทั้งตัว ในชั่วพริบตามือใหญ่แหวกฟ้า สำแดงนัยเร้นลับของประทับปี้อั้นตบลงมา
เสียงพรูดดังขึ้นคราหนึ่ง เซวียเป่าจีกระอักเลือด แม้จะสกัดกั้นการโจมตีนี้ได้ แต่ร่างกายของนางก็ถูกตบจนปลิว บาดเจ็บสาหัส
“เหตุใด… เหตุใดเจ้าจึงแข็งแกร่งขนาดนี้”
นางกรีดร้อง
ทั่วป๋าหุนกับตงหยางถิงเองก็หนังหัวชาวาบ ร้ายกาจเกินไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตา พวกเขาคงไม่กล้าเชื่อแน่ว่าคนในรุ่นเดียวกันจะมีคนที่วิปริตขนาดนี้
แต่พวกเขาไม่อาจคิดอะไรมากแล้ว ด้วยหลินสวินจู่โจมเข้ามาแล้ว!
“ไป!”
ทั่วป๋าหุนส่งเสียงคำรามยาว
ฉึก!
แต่ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินโจมตีคันฉ่องสมบัติที่ตงหยางถิงเรียกออกมาแตกในหมัดเดียว พลังหมัดพุ่งไปเบื้องหน้าและทะลวงหน้าอกของตงหยางถิงเป็นหลุม!
คนผู้นี้นับว่าใจเด็ด ทิ้งร่างเอาไว้อย่างไม่ลังเล พลังจิตทะยานขึ้นห้วงอากาศออกไป
ห่างออกไปเซวียเป่าจีและทั่วป๋าหุนหนีไปไกลนานแล้ว
การปิดล้อมโจมตีที่มีการวางแผนมาอย่างดี กลับถูกพลิกผันด้วยพลังต่อสู้อันสุดยอดของหลินสวิน แข็งกร้าวจนไม่เหลือสภาพ
หลินสวินไม่ได้ไล่ตามไป
เพราะตอนนี้ฝีพายโครงกระดูกกลับพูดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน “สหายน้อย ช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่”
เสียงกลับอบอุ่นกระจ่างใส ราวกับเสียงธรรมดังก้อง พาให้จิตใจนิ่งสงบอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
หลินสวินอึ้ง หมุนตัวหันมองฝีพายโครงกระดูก พลันเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่บนเรือเล็กสีดำ สวมชุดผ้าป่าน เพลิงมรกตในดวงตาลุกโชน
แต่ในสายตาของหลินสวินกลับเห็นภาพของชายวัยกลางคนในชุดแขนกว้างตัวหลวม ท่าทางสบายๆ บุคลิกราวกับเซียนคนหนึ่ง
คิ้วสองข้างของเขาดุจน้ำหมึก นัยน์ตาสุกสกาวราวกับดวงดารา มุมปากแฝงรอยยิ้ม ราวกับอยู่บนเก้าสวรรค์ ให้ความรู้สึกที่สูงส่งไม่อาจแตะต้อง ไม่เหมือนเป็นคนบนโลก!
หลินสวินสูดหายใจลึก ประสานหมัดพูด “ผู้อาวุโสเชิญกล่าว”
“โคมไฟนี้นามว่า ‘ไร้มลทิน’ หากวันใดเจ้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารา โปรดใช้โคมไฟนี้ชี้ทางให้วิญญาณโดดเดี่ยวและผีไร้ญาติที่หลงทางในมรรคาเหล่านั้น”
ชายกลางคนปลดโคมน้ำมันสีเหลืองนวลตรงหัวเรือลง เงาโคมไฟส่ายไปมา ขับให้เงาร่างของเขาเผยกลิ่นอายที่เลือนรางราวกับไม่มีตัวตน
หลินสวินอึ้งไป วิญญาณโดดเดี่ยวและผีไร้ญาติที่หลงทางในมรรคาหรือ
เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก
“การแสวงหามรรคา ล้วนประหนึ่งเรือเล็กแล่นบนทะเลทุกข์ หากไม่มีโคมไฟส่องสว่างนำทาง จะรู้ได้อย่างไรว่าหนทางข้างหน้าควรเดินไปในทิศใด”
ฝีพายโครงกระดูกถอนหายใจเบาๆ
ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก การแสวงหามหามรรคจะหลงทางได้หรือ
ได้!
ระดับยิ่งสูง ก็ยิ่งรู้ความยากลำบากและอันตรายแห่งมรรคา เพียงแค่ก้าวสู่เส้นทางเสาะแสวง ไม่มีใครกล้ารับรองว่าจะไม่หลงทาง
กับเรื่องนี้หลินสวินตระหนักได้อย่างดี ประสบการณ์ฝึกปราณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ความเข้าใจต่อมรรคาของหลินสวินยิ่งลึกล้ำขึ้น
สุดท้ายหลินสวินก็รับโคมนั้นมา
ไร้มลทิน หมายถึงไร้ซึ่งความผิด ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
โคมนี้ใช้ชื่อว่าไร้มลทิน แน่นอนว่าต้องซ่อนนัยเร้นลับ
“มรรคาไม่อาจล่วงรู้ หนึ่งโคมส่องสว่าง สหายน้อย ในตัวเจ้าสั่งสมผลกรรม พิบัติเคราะห์ไม่แน่นอน หากตอนที่บรรลุอริยะพบเจอสถานการณ์ยากลำบากที่ไม่อาจคลี่คลาย สามารถใช้เลือดหัวใจหยดหนึ่งหยดเข้าไปในโคมนี้ บางทีอาจจะมีโอกาสสลายเคราะห์”
ฝีพายโครงกระดูกเสียงอบอุ่น เอ่ยชี้แนะ
หลินสวินหวั่นไหว จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ประสานหมัดขอบคุณ
พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งฝีพายโครงกระดูกและเรือเล็กสีดำก็หายไปแล้ว มีเพียงแม่น้ำเลือดอันกว้างใหญ่ไพศาลที่พลิกม้วนไม่หยุด
‘มรรคาไม่อาจล่วงรู้ หนึ่งโคมส่องสว่าง’
ในใจหลินสวินทวนคำพูดประโยคนี้เงียบๆ เก็บโคมไร้มลทินดวงนั้นไป
จากนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สกัดความคิดสับสนวุ่นวาย สายตามองไปยังท้องฟ้าไกลๆ
ที่ตรงนั้นเมฆมงคลสีเลือดรวมตัว มองเห็นแท่นบูชานรกเทพที่อยู่ภายในได้รางๆ
สวบ!
หลินสวินทะยานอากาศขึ้นไป
……
บนห้วงฟ้า เมฆมงคลแต่ละก้อนล้วนปรากฏสีเลือดสด กลิ่นอายที่แพร่กระจายออกมากลับไม่คาวเลือด แต่มีรสชาติบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ไปถึงห้วงฟ้าสูง พลันพบว่าแท่นบูชานรกเทพนั่นธรรมดาอย่างมาก ราวกับเนินเขาเล็กที่ล่องลอยอยู่ใต้ฟ้า สีดำสนิทตลอดตัว กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ลอยวน
บนแท่นบูชามีโต๊ะหินเหลี่ยมตัวหนึ่ง ด้านบนวางของบูชาจำนวนไม่น้อย ล้วนอบอวลไปด้วยหมอกเซียนและไอขุ่นมัวพร่าเลือน คละคลุ้งพลุ่งพล่าน ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ไม่ว่าใครล้วนรู้ดีว่า นั่นก็คือศุภโชคพลิกฟ้าที่ปิดผนึกอยู่ในนี้มาหมื่นสมัย!
ทว่าไม่นานในใจหลินสวินก็ครัดเคร่งขึ้นมา เพราะจากแท่นบูชาที่เป็นศูนย์กลาง บนเมฆมงคลสีเลือดซึ่งลอยอยู่ทั่วทุกสารทิศล้วนมีเงาร่างของผู้ฝึกปราณครองพื้นที่อยู่!
แต่ละคนบ้างนั่งบ้างยืน มีทั้งชายและหญิง และมีสิ่งมีชีวิตวิญญาณจากเผ่าที่แข็งแกร่ง รูปลักษณ์แม้จะแตกต่างกัน แต่กลิ่นอายล้วนแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ
มีมากกว่าร้อยคน!
หลินสวินยังอดตะลึงไม่ได้
ต้องรู้ว่าการจะมาถึงที่นี่ ต้องเข้ามาในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกก่อนแล้วผ่านบ่อโลหิตนรกเทพ แดนนรกสีเลือด ถ้ำนรกเทพ แม่น้ำนรก…
ตลอดทางมีอันตรายนับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยความยากลำบาก ผู้แข็งแกร่งทั่วไปมักประสบเคราะห์ระหว่างทาง ไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้
แต่ในบริเวณนี้กลับมียอดฝีมือกว่าร้อยคน!
“คู่ต่อสู้มาอีกคนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป รอตอนที่ผนึกในแท่นบูชาเปิดออกในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีผู้เข้าร่วมเท่าไร”
เสียงอึมครึมเสียงหนึ่งดังขึ้น
สายตาของหลินสวินกวาดไป แต่กลับไม่พบที่มาของเสียง
ทว่าเขาเองก็ไม่ใส่ใจ จากการสังเกตเขาพลันดูออกทันทีว่า ผู้แข็งแกร่งที่กระจัดกระจายอยู่รอบนอกเมฆมงคลสีเลือด ไม่สามารถเทียบกับผู้แข็งแกร่งบริเวณแท่นบูชานรกเทพได้เลยสักนิด
ก็หมายความว่าศักยภาพของผู้แข็งแกร่งในที่นี้ ยิ่งเข้าใกล้แท่นบูชานรกเทพก็ยิ่งแข็งแกร่ง มิฉะนั้นตำแหน่งของพวกเขาคงถูกคนอื่นยึดครองไปตั้งนานแล้ว!
บรรยากาศที่นี่ตึงเครียดและกดดันมาก ไอสังหารคละคลุ้งไปทั่ว แต่ละคนล้วนระแวงระวังกันอยู่รางๆ ต่างคุมเชิงกันและกัน
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็มองเห็นพวกหวังจื่ออิง ตำแหน่งของพวกเขาไม่หน้าและไม่หลัง
พอสังเกตเห็นสายตาของหลินสวิน สีหน้าของพวกเขาต่างอึมครึมไม่นิ่งขึ้นมา มีความชิงชังและมีความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ
นอกจากนี้ยังมีพวกเซวียเป่าจี ทั่วป๋าหุน ตอนที่เห็นหลินสวิน บนใบหน้าของแต่ละคนต่างปกคลุมไปเงามืดทะมึน
กับเรื่องนี้หลินสวินมองข้ามโดยตรง
คนแพ้กลุ่มหนึ่งเท่านั้น จะสนใจไปไย
“เจ้าคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่เสียดีๆ เถอะ ที่นี่ไม่มีที่ของเจ้าแล้ว หากกล้าเพ่นพ่านสหายยุทธ์ในที่นี้คงไม่ยอมแน่!”
เสียงอึมครึมนั่นดังขึ้นอีกครั้ง เลื่อนลอยไม่แน่นอน เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ทำให้ยากจะตัดสินทิศทาง
นี่เห็นได้ชัดว่าในใจคิดเป็นศัตรูกับหลินสวิน กำลังเสี้ยมให้คนอื่นๆ มองหลินสวินเป็นศัตรู
น่าเสียดาย คนที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่ใช่คนโง่ จะบาดหมางกับหลินสวินที่เพิ่งมาใหม่เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวได้อย่างไร
“หดหัวซ่อนหาง แน่จริงก็ออกมาพูดสิ”
สีหน้าของหลินสวินขรึมลง จิตรับรู้แผ่ออกมา
“เหอะๆ เจ้าหนูนี่อวดดีนัก ถ้ากล้าก็ลองหาดูสิ”
ครั้งนี้เสียงอึมครึมนั่นเพิ่งจะดังขึ้น หลินสวินก็จับตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ทันที นั่นเป็นชายชุดทองที่ใบหน้าเรียวยาวสีหน้าขาวซีดคนหนึ่ง
ห่างจากหลินสวินไม่ไกล
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ จะฆ่าเจ้าก่อนเลย!”
ไอสังหารพริบไหวในนัยน์ตาดำของหลินสวิน เงาร่างหายไปกลางอากาศ
ในเวลาเดียวกันชายชุดทองอึ้งไป ในใจพลันเกิดความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุด ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ถอยร่นไปอย่างไม่ลังเล หมายจะหนีก่อน
ปัง!
เพียงแต่ชั่วขณะที่เขาขยับตัว พลังหมัดรุนแรงสายหนึ่งก็ผ่าอากาศเข้ามา กระแทกใส่ศีรษะของเขาจนแหลกละเอียดในชั่วพริบตา เลือดสดๆ พวยพุ่ง
เพียงชั่วขณะเดียวผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้ๆ ต่างแตกตื่น แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน สีหน้าหลากหลาย
——