Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1296 เหตุไม่คาดฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1296 เหตุไม่คาดฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่หลินสวินเริ่มโจมตีกลับ ผ่านไปประมาณครู่เดียวเท่านั้นสถานการณ์การต่อสู้ก็เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
ไป๋หลงถิงถูกฟัน บุตรนรกกายจิตแตกดับ… บุคคลระดับนายเหนือหัวที่มีชื่อสะท้านแดนเก้าบนแต่ละคนตายลงในที่นั้นอย่างต่อเนื่อง!
ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นขวัญหนีดีฝ่อ!
ซ่า!
เลือดสดๆ ยังคงกระเซ็นกระสายไปในห้วงอากาศ ลำแสงอสนีเคราะห์เจิดจรัสฉายส่องให้เงาร่างสูงตระหง่านของหลินสวินเปล่งประกายไปทั่ว
เขาต่อสู้ชิงชัยในที่นั้น ผมดำปลิวสยาย ตัวคนเดียวกลับเป็นดั่งนายเหนือฟ้าดิน ชั่วขณะที่ขยับกายก็ปั่นป่วนจักรวาล ไร้ศัตรูใดเทียบเทียมได้อย่างแท้จริง!
เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังและเล็กจ้อย
ผู้แข็งแกร่งที่ตายลงด้วยน้ำมือเขาเหล่านั้น หลายคนเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำของขุมอำนาจกลุ่มหนึ่ง ทั้งอันดับบนกระดานทองคำผู้กล้ายังอยู่สูงยิ่ง
แต่ภายใต้เงื้อมมือหลินสวิน ก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่เปราะบาง!
ภาพที่ขับเน้นเช่นนี้ หลินสวินในตอนนี้จะมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนอีก
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เหล่าผู้กล้าในที่นั้นเริ่มกระเจิดกระเจิง เลือกหยุดนิ่งไม่ก็ถอยหนี ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปในสนามรบอย่างก่อนหน้านี้
ราวกับว่าบริเวณที่หลินสวินอยู่ก็คือนรกนองเลือด สามารถฝังกลบวิญญาณของผู้ใดก็ได้!
เข่นฆ่าถึงตอนนี้ ใครก็ดูออกว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว! อานุภาพร้ายกาจของเทพมารหลินไม่มีใครกำราบได้แล้ว!
ก่อนหน้านี้แม้เหล่าผู้กล้าในที่นี้จะหวาดกลัวหลินสวิน แต่ต่างคิดว่าหลินสวินที่ตัวคนเดียวต้านทานทุกคนคือการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เอาไข่ไปตีหิน ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างล้วนพลิกผันแล้ว
หลินสวินฝ่าเส้นทางระหว่างความเป็นความตายออกมาด้วยตัวเองคนเดียว พร้อมๆ กับการตายของเหล่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างไป๋หลงถิง บุตรนรก
มือเดียวพลิกฟ้า!
นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้
ตูม!
ในที่นั้นร่างของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งระเบิดแหลก
จนตอนนี้โดยรอบหลินสวินไม่มีศัตรูกล้ำกรายอีก!
ในลานเงียบสงัดไร้เสียงไปครู่หนึ่ง ยามมองดูเงาร่างสูงตระหง่านที่ยืนอยู่กลางห้วงอากาศ ทั้งกายอาบชโลมไปด้วยแสงมรรคเปล่งประกาย ทุกคนก็รู้สึกถึงความหวาดหวั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สัตว์ประหลาดเช่นนี้ตนหนึ่ง ยังเป็นคนอยู่ไหม
มองไปทั้งแดนเก้าบน จะมีใครกำราบประกายคมของเขาได้อีก
“ยังมีใครไม่ยอมอีก เข้ามาได้เลย!”
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเตะจมูกอบอวลฟ้าดิน บนผืนดินเต็มไปด้วยความสูญเสีย ซากศพเละเทะกระจัดกระจาย หลินสวินยืนตระหง่านกลางอากาศ เสียงพูดไม่ดังแต่กลับทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ
ดวงตาเขาราวสายฟ้าเย็นเยียบ ลึกล้ำดุจหุบเหว กวาดมองไปทั่วทั้งลาน
ทุกคนล้วนก้มหน้าลงตามจิตใต้สำนึก ไม่กล้าสบตากับเขา
นี่ก็คือพลานุภาพที่มาจากการเข่นฆ่า!
กระดูกขาวและคาวเลือด ความประหวั่นพรั่นพรึงที่สร้างขึ้นมามีพลังโน้มน้าวมากกว่าถ้อยคำเสมอ!
ในที่นั้นบรรยากาศยิ่งเงียบสงัด มีเพียงเสียงเรียบเฉยเย็นชานั้นของหลินสวินที่ก้องสะท้อน ทำให้คนไม่น้อยอยากหนีหัวซุกหัวซุนอย่างแรงกล้า
ตอนนี้บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์กระจายตัวออก เสียงฟ้าผ่าเงียบลง เคราะห์อมตะครั้งที่หกของอาหลู่นั้นจบลงแล้ว
หลินสวินหันหน้าไปในบัดดล ก็เห็นว่าอาหลู่ที่ร่างกายแทบยับเยินกำลังถูกสายฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่าปกคลุมอยู่
“พี่ใหญ่ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
อาหลู่ขอบตาแดงเรื่อ คนเถื่อนคนนี้หยาบกระด้างถึงที่สุด นิสัยใจคอก็เรื่อยเฉื่อย ตอนนี้เสียงกลับเจือแววสะอื้นเล็กน้อย ทำให้ผู้อื่นไหวหวั่น
ในใจหลินสวินก็กระเพื่อมไหวไม่หยุด
คราวนี้หากไม่ใช่เขารีบมาทันเวลา ผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ
“รักษาแผลดีๆ!”
หลินสวินเอ่ยกำชับ
ชิ้ง!
ทว่าในตอนนี้เอง ทวนวงเดือนคล้ายทองคำขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนออกมากลางอากาศ พุ่งออกมาจากห้วงอากาศแถบหนึ่ง โจมตีมายังอาหลู่
นี่เป็นชายหนุ่มองอาจ อหังการและดุดันคนหนึ่ง ผมสีขาวทั้งหัว นัยน์ตาปรากฏประกายทองแปลกประหลาด ยามดวงตาทั้งสองกวาดมองมา บังเกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดนองเลือดราวขุมนรก
ส่วนทวนวงเดือนในมือเขาก็น่าตื่นตระหนกถึงที่สุด ประหนึ่งหล่อขึ้นจากทองเทพสีขาว คมแหลมราวสายฟ้า ประทับไปด้วยลายมรรคลี้ลับ ไอสังหารมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ฟ้าดินมืดหม่น
คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวถึงที่สุดผู้หนึ่ง!
ถึงขั้นเหมือนจะเหนือกว่าพวกไป๋หลงถิงกับบุตรนรกเสียอีก!
เสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้นในที่นั้น
ก่อนหน้านี้หลินสวินพิชิตเหล่าผู้กล้า ไม่มีใครกล้ารุกล้ำ เมื่ออาหลู่ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ ต่างยังนึกว่าการเข่นฆ่าครั้งนี้ก็จะปิดฉากลง
ใครจะคิดได้ว่าในเวลาเช่นนี้จะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก
หนำซ้ำจังหวะที่ผู้ลงมือเลือกยังแม่นยำถึงที่สุด คว้าช่วงเวลาเปราะบางหลังอาหลู่เพิ่งข้ามด่านเคราะห์มาโจมตี เห็นได้ชัดว่าวางแผนรอไว้นานแล้ว!
“หาที่ตาย!”
หลินสวินแค่นหัวเราะเยียบเย็น ดวงตาดำปะทุไอสังหาร แต่ไม่ได้ร้อนรน
ตั้งแต่ตอนเริ่มต่อสู้แรกสุดเขาก็คาดไว้ก่อนแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ยามถูกพวกไป๋หลงถิงกับบุตรนรกล้อมโจมตี สาเหตุที่เขาเลือกทนไว้และเก็บงำพลัง ก็เพื่อรอพวกร้ายกาจที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดแจ้นออกมา จากนั้นก็จะกำจัดรวดเดียว
ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนั้นเพราะไม่อยากให้อาหลู่วอกแวก หลินสวินจึงโจมตีกลับไปก่อน
แต่เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือการลอบโจมตีที่เกิดขึ้นกะทันหันครั้งนี้ หลินสวินไม่ได้ถูกเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว
เคร้ง!
เสียงกระแทกดังลั่นจนหูแทบหนวกเสียงหนึ่งดังขึ้น เหรียญทองแดงสีทองอร่ามเหรียญหนึ่งเคลื่อนออกมา รับการโจมตีของชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นไว้ในช่วงเวลาคับขัน
“ไอ้สวะ ทำเป็นแต่ลอบกัดหรือ”
เจ้าคางคกที่สวมชุดเขียวทั้งตัว หล่อเหลาดั่งเด็กหนุ่มเคลื่อนตัวมา สีหน้าโอหัง
เหนือศีรษะของเขามีเหรียญทองแดงที่ด้านนอกกลมด้านในเหลี่ยม สองข้างมีปีกสีทอง ภายในมีลายมรรคคลุมเครือแปลกประหลาดเหรียญหนึ่งลอยคว้างอยู่ ราวกับดวงอาทิตย์น้อยดวงหนึ่ง
เหรียญทองแดงปราบสมบัติ!
“หึ!”
ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นนิ่วหน้า เห็นได้ชัดว่าออกจะประหลาดใจไปบ้าง แต่เขาร้ายกาจถึงที่สุด โจมตีครั้งหนึ่งไม่โดนก็ถือทวนวงเดือนกระโจนเข้ามาอย่างแรงอีกครั้ง
โครม!
ทวนวงเดือนทองคำขาวเคลื่อนไปในอากาศ ถล่มฟ้าแยกแผ่นดิน
ท่ามกลางความคลุมเครือ ทุกคนคล้ายเห็นพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งคำรามเย้ยอวกาศ โจมตีออกมากลางห้วงอากาศ เสียงพยัคฆ์คำรามที่เปล่งออกมาสะเทือนให้สุริยันจันทราและหมู่ดาวแหลกละเอียด!
“เขาเป็นใคร”
ในลานเหล่าผู้กล้าหน้าเปลี่ยนสี ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้ช่างแข็งแกร่งนัก เลือดลมคับฟ้า อานุภาพดุร้ายดุจสมุทร ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันหาใดเทียบ
แต่ที่ทำให้ทุกคนหวาดผวาก็คือ ที่นี่แทบไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของคนผู้นี้เลย!
“ข้ากล้าแน่ใจ ว่าเขาจะต้องไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่อันดับใดในหนึ่งร้อยอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าแน่”
มีคนพูดอย่างมั่นใจ
โครม!
ในที่นั้นการต่อสู้ปะทุขึ้น ชายหนุ่มผมขาวกับเจ้าคางคกต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คนหนึ่งถือทวนวงเดือนทองคำขาวพาดขวาง ไอสังหารคับฟ้า อีกคนหนึ่งกลืนตะวันคายจันทรา ใช้เหรียญทองแดงปราบสมบัติเข้ากำราบ สถานการณ์ต่อสู้รุนแรงหาใดเทียบ
นี่ทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัดอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าคางคกเคยได้รับมรดกเซียนผลาญ อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่น่ากลัวถึงที่สุด ในช่วงหลายปีมานี้พัฒนารวดเร็วยิ่งนัก
ถึงขั้นว่าหากเทียบกันด้วยเรื่องความเร็วในการเลื่อนขั้น ตอนเจ้าคางคกข้ามด่านเคราะห์เข้าสู่อมตะเคราะห์ด่านหก ยังเร็วกว่าหลินสวินครึ่งปี!
และว่าด้วยเรื่องพลังต่อสู้ที่แท้จริง เจ้าคางคกก็ไม่ด้อยกว่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างไป๋หลงถิงและบุตรนรกเช่นกัน
แต่ตอนนี้ในการประลองกับชายหนุ่มผมขาว เจ้าคางคกกลับไม่ได้เปรียบสักนิด!
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกหลานเผ่าเสือขาว!”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกก็ยิ้มเหี้ยมเอ่ยปาก เพียงแต่สีหน้าเขาดูหนักอึ้งอย่างพบเห็นได้ยากหาใดเทียบ
เสือขาว เจ้าแห่งการสังหาร ชื่อเสียงลือเลื่องคับฟ้าตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว มีรากฐานพลังซึ่งสามารถฆ่าเทพประหารอริยะ น่ากลัวไร้ที่สิ้นสุด
เผ่านี้ก็เหมือนกับเผ่าน่ากลัวอย่างมังกรเจินหลง หงส์เซียน วิหคชาดพวกนั้น ต่างเป็นดั่งตำนาน เคยปรากฏในยุคแรกเริ่มของสมัยบรรพกาลเท่านั้น
ชั่วขณะเดียวในลานมีเสียงร้องตื่นตระหนกนับไม่ถ้วน เหล่าผู้กล้าต่างตะลึงพรึงเพริด ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผมขาวผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับเผ่าน่ากลัวเช่นนี้เผ่าหนึ่ง
ทว่าคนร้ายกาจผู้ที่สามารถสะท้านโลกได้เช่นนี้คนหนึ่ง เหตุใดในช่วงหลายปีนี้ถึงเงียบเชียบไร้ชื่อมาตลอด
สวบ!
นกทมิฬตัวใหญ่ปรากฏตัวกลางการเข่นฆ่าในทันใด ยกกระทะดำใบใหญ่กระแทกใส่ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นจากข้างหลังอย่างจังเหมือนผีสาง
ความเร็วฉับไว เคลื่อนไหวเด็ดขาด ทำให้ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ลูกไม้ลอบโจมตีเฉียบพลันอันมีทักษะหาใดเทียบนี้ช่างเลิศเลอนัก
“ร้อนรนอะไร คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
ทันใดนั้นเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่ามีเงาดำเงาหนึ่งคืบคลานอยู่กลางอากาศ แล้วแปรสภาพเป็นชายหนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้มีผมสีม่วง ดวงตาสีโลหิต อาภรณ์สีเงิน เงาร่างเหมือนสายฟ้าแลบคล้ายมายาสายหนึ่ง ให้ความรู้สึกเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน ดูไม่สมจริงกับผู้คน
ที่น่ากลัวที่สุดคือความเร็วของเขาว่องไวยิ่งนัก ทันทีที่เคลื่อนออกมาก็ขวางอยู่หน้านกทมิฬ ฝ่ามือตบออกมาฉาดหนึ่ง
โครม!
ทั้งสองปะทะกัน ด้วยนกทมิฬไม่ทันตั้งตัวจึงถูกกระแทกถอยไป มันกระพือปีก อับอายจนกลายเป็นโกรธ เข้าโจมตีชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นั้น
สวบ! สวบ!
นกทมิฬว่าไวแล้ว แต่ความเร็วของชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นั้นกลับไม่ทิ้งกันเท่าไร
ก็เห็นว่าเงาร่างของเขาเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างระลอกหนึ่ง เหมือนสายฟ้าแลบแปลบปลาบสายหนึ่ง ไหววูบเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับ ว่องไวจนเหลือเชื่อ
การแลกประมือระหว่างทั้งสองก็เหมือนเป็นศึกด้านความเร็วครั้งหนึ่ง ไล่สุริยันกวดอสนี เคลื่อนตัวว่องไว ประชันกันกลางฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งมากมายมองเห็นไม่ชัดเจน จิตรับรู้ต่างไม่อาจจับเงาร่างของทั้งสอง ในใจจึงตื่นตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นกทมิฬตัวใหญ่ตัวนั้น พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน แต่กับชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นี้ พวกเขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง!
คนผู้นี้ เป็นใครอีก
ที่แน่ใจได้ก็คือคนผู้นี้เหมือนกับชายหนุ่มผมขาวนั่น ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งไม่เคยอยู่ในกระดานทองคำผู้กล้ามาก่อน
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวถึงขีดสุด!
การปรากฏตัวของชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดก็เหมือนเหตุไม่คาดฝันครั้งหนึ่ง ทำให้หลินสวินนิ่วหน้า ขนาดเขายังคิดไม่ถึงว่าในมุมมืดจะมีคนร้ายกาจเช่นนี้กระโจนออกมาอย่างต่อเนื่องเสียได้
หนำซ้ำ ยังไม่ได้มีแค่คนเดียว!
เช่นนั้น นอกจากชายหนุ่มผมขาวกับชายหนุ่มผมม่วงนี้ ในที่มืดยังมีบุคคลทำนองนี้ซ่อนอยู่หรือไม่
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก กวาดมองไปทั่วลาน
ครึ่ก!
ทันใดนั้นห้วงอากาศที่อยู่ใกล้กับอาหลู่พลันแหลกละเอียด เงาร่างสายหนึ่งถอยหลังซวนเซ ส่งเสียงร้องแหลมอย่างตกตะลึงว่า “หนอนกินเทพ! ทำไม… ทำไมถึงยังมีอยู่บนโลกได้”
ก็เห็นว่าเงาร่างนั้นเป็นเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มผู้หนึ่ง สวมชุดแดงทั้งตัว รูปลักษณ์งดงามอ่อนเยาว์ถึงที่สุด แต่ยามสายตานางเคลื่อนมา กลับให้กลิ่นอายเปี่ยมเสน่ห์อย่างผู้ใหญ่เจนโลก
ทว่าตอนนี้นางดูยับเยินอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บแล้ว ดวงหน้างามซีดขาวเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
“หึ! พวกต่ำช้า ป้องกันพวกหนูอย่างพวกเจ้าไว้ก่อนแล้ว!”
ใกล้กับอาหลู่ เงาร่างของเสี่ยวอิ๋นก็ปรากฏตัวออกมา ใบหน้าเล็กเหี้ยมเกรียม แววตาดุดัน
คราวนี้ทุกคนในที่นั้นต่างเข้าใจแล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กหญิงตัวน้อยผู้นั้น ก่อนหน้านี้เข้าประชิดอาหลู่อย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น หมายจะลอบสังหารเขา
แต่กลับขโมยไก่ไมได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ได้รับบาดเจ็บกลับไป!
“ที่แท้ตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เทพมารหลินก็เตรียมการป้องกันไว้แล้ว มิเช่นนั้นจะขัดขวางการลอบโจมตีที่เหนือความคาดหมายมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร…”
มีคนพึมพำ
——