Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1330 จิตท่องดึกดำบรรพ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1330 จิตท่องดึกดำบรรพ์
กลุ่มรูปปั้นหินตั้งตระหง่าน เคร่งขรึมและเงียบสงบ ตั้งมาอย่างยาวนานโดยไม่เสื่อมสลาย
หลินสวินอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ หลับตาไตร่ตรองเงียบๆ สัมผัสอย่างไร้สุ้มเสียง จิตใจนิ่งสงบ
ไม่สามารถสัมผัสมรดกได้ในทันที ทำให้เขาประหลาดใจ แต่กลับไม่ถึงกับเสียใจและไม่จำยอม
เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับแดนยอดมรดกมากนัก แน่นอนว่าสภาวะจิตใจไม่มีทางสั่นคลอนเพราะเรื่องนี้
เขาเพียงแปลกใจว่าเหตุใดรูปปั้นหินเหล่านี้ถึงปฏิเสธตน!
จิตรับรู้แผ่กระจาย จิตใจว่างเปล่า หลินสวินสัมผัสเงียบๆ ระหว่างที่ไม่ทันรู้ตัว เขาเพียงรู้สึกว่าในการรับรู้สั่นสะเทือนขึ้นมาทีหนึ่ง ราวกับสัมผัสกับพลังกฎระเบียบที่แปลกประหลาดบางอย่าง
จากนั้นท่ามกลางความเลือนราง ประหนึ่งมาถึงโลกที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
นั่นเป็นสนามรบแห่งหนึ่ง มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด พื้นดินศพนับล้าน เลือดไหลเป็นสายน้ำ ไอสังหารหมุนวนเป็นคลื่น กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยคาวเลือด!
ศพ โครงกระดูก สมบัติที่ไม่สมบูรณ์ ธงศึกที่ฉีกขาด… สามารถมองเห็นได้ทุกที่
ถึงขั้นมีดวงดาวถูกฟันแตกสลายหล่นร่วงที่นี่ แกนดวงดาวอันยิ่งใหญ่เปล่งแสงประกายเย็นเยียบที่พาให้คนใจสั่น
มีสัตว์ยักษ์แปลกประหลาดร่างกายสูงหมื่นจั้ง ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งแทงทะลุศีรษะและถูกตอกตายอยู่ใต้ท้องฟ้า!
ภาพที่น่ากลัวระดับนั้นทำให้มือเท้าหลินสวินเย็นเยียบ ในใจเกิดความหวาดกลัวยิ่ง ทอดสายตามองไปราวกับอยู่ในสนามรบของเทพมารแห่งหนึ่ง เคยมีอริยะเทพเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด ณ ที่แห่งนี้
“บ่อเกิดแรกกำเนิดถูกขโมย ศัตรูแปดดินแดนฉวยโอกาสรุกราน หมายจะทำลายความหวังในการบรรลุสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชันของทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณให้สิ้น ครั้งนี้โชคดีได้เหล่าสหายยุทธ์ช่วยเหลือ สังหารศัตรูที่มารุกราน สุดท้ายรักษาบ่อเกิดแรกกำเนิดที่เหลือเพียงเสี้ยวหนึ่งนี้ไว้ได้”
ทันใดนั้นเสียงที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังและเคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินสวินเงยสายตามองขึ้นไป พลันเห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บนท้องฟ้านั่นมีเงาร่างมากมายนับพันยืนตระหง่านอยู่
เงาร่างทุกเงาล้วนแผ่อานุภาพที่น่ากลัวไร้กำจัด ราวกับหุบเหวดุจดั่งนรก ปกคลุมฟ้าดิน ประหนึ่งเทพไท้ที่ยืนตระหง่านอยู่บนนภาคราม!
คนพูดคือเงาร่างสีเขียวที่ยืนอยู่ตรงกลาง
คนผู้นั้นรูปร่างกำยำอย่างมาก อยู่ในชุดผ้าป่าน ผมยาวสยาย ยืนเอามือไพล่หลัง
ด้านหลังเขาแสงมงคลมรรคนับร้อยล้านไหลเวียน สามารถมองเห็นรางๆ ว่ามรรคกระบี่สายหนึ่งผุดขึ้นผุดลงอยู่ท่ามกลางแสงมรรคมากมายนั่น เดี๋ยวพร่าเลือนเดี๋ยวชัดแจ้ง ปรากฏการณ์ประหลาดตะลึงโลก น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด
“ครั้งนี้ก็ต่อสู้เพื่อผู้คนแห่งดินแดนรกร้างโบราณของข้า พวกข้าย่อมไม่สามารถผลักภาระได้ จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
เสียงที่กึกก้องราวกับฟ้าร้องดังขึ้น
คนพูดคือต้นไม้เทพที่มีความสูงถึงหมื่นจั้ง บนกิ่งไม้กลับแขวนดวงดาวอยู่มากมาย ใบไม้ม้วนตัวราวกับธารดาราสายหนึ่งไหลเวียน พรั่งพรูประกายดวงดาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘ต้นไม้เทพหมื่นดารา!’
หลินสวินสูดหายใจเย็น นี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตในตำนาน มีพลังแห่งหมื่นดารา หลังจากบรรลุอริยะแล้วถึงขั้นสามารถวิวัฒน์เป็นฟ้าดาราแห่งหนึ่ง คงอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินหัวใจสะท้านยิ่งกว่าคือ ชายในชุดผ้าป่านที่เงาร่างกำยำนั่น ถึงกับถูกเรียกว่า ‘จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน’! (ไท่เสวียน หมายถึงหลักการอันลึกซึ้งอัศจรรย์สุดหยั่ง)
มหาจักรพรรดิมรรคกระบี่ที่แท้จริง!
ความหมายที่แฝงอยู่ในนี้ จะต้องน่ากลัวจนเสามารถทำให้ทุกคนใจสั่นแน่
“การต่อสู้ครั้งนี้ได้จบลงแล้ว ข้าอยากจะหลอมพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดเสี้ยวนี้พร้อมกับทุกท่าน สร้างแดนมกุฎเก็บรักษามรดก สืบทอดวิชามรรค รวบรวมโชควาสนาแห่งฟ้าดินทั้งในอดีตและปัจจุบันรอมหายุคมาเยือน เพื่อเปิดหนทางสู่มกุฎให้คนรุ่นหลังอีกครั้ง!”
คำพูดของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนิ่งสงบ แต่กลับมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ที่ไร้รูป สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“ประเสริฐ!”
เสียงธรรมเสียงหนึ่งก้องกังวาน
หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันที พลันเห็นเงาร่างของภิกษุผู้หนึ่งยืนตระหง่านบนท้องฟ้าอีกฝั่ง เงาร่างดูเหมือนไม่สูงแต่กลับเบียดเต็มท้องฟ้าแถบนั้น แสงธรรมรอบตัวไหลเวียน บุปผาสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายลอยผะแผ่ว
แม้เห็นรูปลักษณ์ของเขาไม่ชัดเจน แต่หลินสวินรู้ว่านั่นก็คืออริยพุทธซิงเจียที่สร้างสถูปเจดีย์สามพันเอาไว้!
“พวกข้ายินดีช่วยเหลือ”
“หัวใจของสหายยุทธ์สามารถรองรับเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน นี่เป็นบุญของดินแดนรกร้างโบราณ พวกข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ จะช่วยอย่างสุดความสามารถ”
“เปิดหนทางแห่งมกุฎให้คนรุ่นหลังหรือ ดี! ฮ่าๆๆๆ!”
“พวกข้ากำลังจะจากไปไกล ก้าวสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา แสวงหาวิชาสลายพลังต้องห้าม หากสามารถทิ้งมรดกวิชาไว้ที่นี่ได้ แน่นอนว่าย่อมดีใจอย่างที่สุด”
“รวบรวมโชควาสนาแห่งอดีตและปัจจุบัน รอมหายุคที่ไม่เคยมีมาก่อน สหายยุทธ์ นี่เจ้าเดิมพันด้วยอนาคตของดินแดนรกร้างโบราณเลยนะ!”
เสียงมากมายดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน บ้างเบาหวิว บ้างนิ่งสงบ บ้างแข็งแกร่ง บ้างลึกล้ำ ราวกับเหล่าเทพกำลังสนทนา สะเทือนจักรวาล
สายตาของหลินสวินมองไป ไม่ทันไรก็เห็นเงาร่างของที่เซียนผลาญเฉินหลินคง รอบตัวเขามีรุ้งศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงไหลเวียน สง่างามราวกับเซียน ไม่เหมือนมนุษย์โลก
มองเห็นจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง เงาร่างสูงเพรียว นิ่งเงียบไม่พูดจา ทั่วตัวกลับแผ่กลิ่นอายสันโดษ ราวกับละทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
เห็นเงาร่างที่อาบอยู่ท่ามกลางแสงทมิฬอันคลุมเครือ ราวกับจักรพรรดิที่คุมอำนาจฟ้าดิน แผ่อานุภาพที่เย่อหยิ่ง
ในใจหลินสวินหวั่นไหว หากเขาคาดเดาไม่ผิด คนผู้นี้คงจะเป็นเจ้าของกาหลอมจิต บุคคลน่ากลัวที่ถูกนกทมิฬเรียกว่า ‘จักรพรรดินรก’
ไม่นานหลินสวินก็มองเห็นชายชุดขาวที่งดงามราวกับเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายกลับประหนึ่งหมื่นลักษณ์พรั่งพรู กดข่มท้องฟ้า!
จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ!
หลินสวินเคยรับการทดสอบและเคี่ยวกรำในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ ได้รับประสบการณ์และใจความการหลอมกายทั้งชีวิตของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพที่หลงเหลือเอาไว้ จะจำฐานะของอีกฝ่ายไม่ได้ได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้นหลินสวินอดตะลึงไม่ได้
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน ต้นไม้เทพหมื่นดารา เซียนผลาญเฉินหลินคง อริยพุทธซิงเจีย จักรพรรดินรก จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ…
แต่ละคนหากเลือกออกมาลวกๆ ก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนนิรันดร์กาล มองข้ามชีวิต ตอนนี้กลับมารวมตัวกันที่นี่!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ นอกจากคนที่เขาจำได้ ในที่นั้นยังยักษ์ใหญ่แห่งยุคเช่นนี้อีกนับร้อยพัน ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า!
ภาพนี้หากถูกคนบนโลกเห็นเข้า จะต้องเกิดความฮือฮาอย่างยิ่งแน่
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
จักรพรรดิรวมตัว อริยเทพมาบรรจบ ร่วมมือกันสังหารศัตรูแปดดินแดนในยุคบรรพกาล ปกป้องบ่อเกิดแรกกำเนิดเสี้ยวหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณไว้ได้!
สนามรบที่มีศพนับล้าน นองเลือดหาที่เปรียบไม่ได้ ก็คือภาพที่แท้จริงของสนามรบนั่น
และตอนนี้พวกเขากำลังปรึกษากัน หมายจะหลอมบ่อเกิดแรกกำเนิดเสี้ยวนี้ สร้างแดนมกุฎ รวบรวมโชควาสนาแห่งฟ้าดินตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รอมหายุคที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตมาเยือน เปิดหนทางแห่งมกุฎให้กับคนรุ่นหลัง!
การกระทำอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นนี้ ความองอาจระดับนี้ เพียงพอจะส่องสว่างอดีตปัจจุบัน จารึกไว้ชั่วนิรันดร์!
ชั่วขณะหนึ่งในใจหลินสวินเองก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่
เขาเข้าใจแล้ว สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือที่มาของ ‘แดนมกุฎ’
ที่แห่งนี้ก็แปรสภาพมาจากบ่อเกิดแรกกำเนิดเสี้ยวหนึ่ง เหล่าเมธีนับพันคนร่วมมือกันสร้างขึ้น มรดก วาสนา ศุภโชคที่ซ่อนอยู่ภายใน ล้วนเป็นสิ่งที่เมธีเหล่านี้เก็บไว้ให้!
ตอนนี้มหายุคมาเยือน เหล่าผู้กล้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตมกุฎ นี่ก็คือสิ่งที่เมธีเหล่านี้อยากเห็นไม่ใช่หรือ
หลินสวินเคยรู้จากหญิงลึกลับหน้าประตูสวรรค์ผู้นั้นว่า ก่อนยุคบรรพกาล หรือก็คือยามดึกดำบรรพ์ ตอนนั้นมกุฎมรรคายังคงดำรงอยู่
แต่พร้อมๆ กับที่บ่อเกิดแรกกำเนิดของดินแดนรกร้างโบราณถูกช่วงชิงไป หนทางแห่งขอบเขตมกุฎก็ถูกตัดขาดไปด้วย ไม่คงอยู่อีกต่อไป
และก็เริ่มจากตอนนั้นที่ในดินแดนรกร้างโบราณปรากฏด่านเคราะห์ต้องห้ามสามประเภทอย่าง ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ‘เคราะห์กักขัง’ และ ‘เคราะห์ตัดขาด’ เป็นเหมือนกรงที่ขังอยู่เหนือศีรษะของเหล่าผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณ จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยถูกทำลาย!
โชคดีที่ตอนนั้นมีเหล่าเมธีลงมือ สังหารศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนจนถอยทัพ สร้างแดนมกุฎ ทิ้งความหวังเสี้ยวหนึ่งให้กับดินแดนรกร้างโบราณ
หลินสวินจิตใจเลื่อนลอย เขาเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ที่แท้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เมธีเหล่านั้นก็ร่วมมือร่วมใจกันวางหมากกระดานนี้เอาไว้!
และตอนนี้มหายุคมาเยือน ดินแดนรกร้างโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน งดงามและยิ่งใหญ่อย่างที่สุด นี่ก็เป็นสิ่งที่เมธีเหล่านั้นอยากเห็นใช่หรือไม่
ทันใดนั้นในใจหลินสวินเกิดความเคารพนับถือขึ้นมา แค้นก็ตรงที่เกิดผิดจังหวะ ไม่สามารถพบเจอกับเหล่าเมธีและร่วมช่วยเหลืออย่างสุดพลัง!
“โอ้!”
“น่าสนใจ”
“ประเสริฐ”
“ฮ่า เด็กคนนี้ เป็นพวกเดียวกับข้า”
ทันใดนั้นเสียงระลอกหนึ่งดังก้องขึ้นข้างหู ทำเอาหลินสวินตกใจทันที
ก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ ชั่วขณะนี้เขาคล้ายสัมผัสได้ว่าบนท้องฟ้านั่นมีสายตามากมายมองมาที่ตน
มีจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง เซียนผลาญเฉินหลินคง อริยพุทธซิงเจีย และมีจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ…
ตูม!
ไม่รอหลินสวินแยกแยะอย่างถี่ถ้วน พลันรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน กำลังเปลี่ยนแปลงราวกับภาพมายา
ตอนที่สายตามองเห็นชัดเจนแล้ว ก็เห็นสนามรบยิ่งใหญ่อย่างที่สุดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
“ของสิ่งนี้รวบรวมใจความแห่งมกุฎมรรคาของพวกเรา จะให้ตกอยู่ในมือของคนที่ใจคดไม่ได้ อู๋ยาง เจ้าคิดว่าอย่างไร”
เสียงอันยิ่งใหญ่ไพศาลนั่นดังก้องขึ้น
หลินสวินพลันเห็นว่าจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนยืนตระหง่านอยู่บนเก้าชั้นฟ้า ในมือถือกล่องสำริดใบหนึ่ง ยาวเพียงสี่ชุ่น กว้างสองนิ้วมือ หากดูผ่านๆ ก็เหมือนกระบี่บินที่หนาหนักเล่มหนึ่ง
“แยกแยะความใจคดอย่างไร”
ข้างๆ เงาร่างที่พร่าเลือนสง่างามยืนตระหง่าน น้ำเสียงนิ่งสงบ
หลินสวินเพิ่งจะสังเกตเห็นเอายามนี้ ว่าเหนือห้วงฟ้าเหลือเพียงแค่จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนกับจักรพรรดิสงครามอู๋ยางสองคน
“ง่ายมาก เลือกที่แห่งนี้เป็นสนามประลองชั้นยอด ทิ้งมรดกทั้งหมดไว้ที่นี่ ผู้ที่พลังต่อสู้สูงส่งจะได้รับมรดก ผู้ที่นิสัยใจคอเยี่ยงพวกเราจะได้รับสิ่งนี้”
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนพูดแล้วสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เสียงกึกก้องดังสะเทือนระลอกหนึ่ง ก็เห็นรูปปั้นหินนับพันผุดขึ้นจากพื้นดินรอบๆ สนามประลอง
รูปปั้นหินทุกรูป ล้วนเป็นตัวแทนของบุคคลเทียมฟ้าผู้หนึ่ง
ปัง!
จักรพรรดิสงครามอู๋ยางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รูปปั้นรูปหนึ่งในนั้นแตกสลายทันใด นางกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าเรียนมาทั้งชีวิตล้วนหลอมอยู่ในหนึ่งกระบี่ ปิดผนึกอยู่บนฝั่งแม่น้ำนรกตั้งนานแล้ว ผู้มีบุญสัมพันธ์จะได้รับ รูปปั้นหินนี้ไม่ขอเก็บไว้”
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “จักรพรรดินรก เฉินหลินคง ซิงเจีย… และสหายยุทธ์หลายสิบคนก็ไม่ยอมทิ้งมรดกไว้ที่นี่เช่นเดียวกับเจ้า แต่ก็ไม่เป็นไร”
พูดจบเขาสะบัดแขนเสื้ออีกครา แสงมรรคโฉบออกมาดวงแล้วดวงเล่า ไหลเข้าสู่รูปปั้นเหล่านั้น
“มรดกเหล่านี้เพียงพอให้คนรุ่นหลังช่วงชิงแล้ว”
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนยิ้มน้อยๆ “สิ่งที่พวกเราทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับศุภโชคของพวกเขาแต่ละคนแล้ว”
“เจ้าล่ะ จะทิ้งมรดกไว้ที่นี่หรือไม่”
จักรพรรดิสงครามอู๋ยางถาม
“แน่นอน”
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนพยักหน้าทันที สายตาราวกับกระบี่เทพคู่หนึ่งแทงทะลวงอากาศ มองไปที่หลินสวิน
ชั่วขณะนั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณคล้ายแข็งตัว ความรู้สึกหายใจไม่ออกพลุ่งพล่านไปทั้งกาย จิตใจแทบทรุดทลาย!
“หากมีผู้ที่มีบุญวาสนาได้เห็นการกระทำในวันนี้ของพวกเรา จะได้สืบทอดมรรคของข้า!”
เสียงที่ยิ่งใหญ่ไพศาลดังก้องข้างหูหลินสวิน
ก็เห็นว่าท่ามกลางแสงมงคลนับร้อยล้านด้านหลังจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน มรรคกระบี่ที่เดิมเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่รางๆ ตอนนี้ได้โฉบออกมากะทันหัน
…………